มันเป็นสิ่งที่ผมเองก็ปรารถนามาตลอดตั้งแต่วันที่ช่วยเธอให้หนีออกไปได้ ภาวนาให้เธอไม่ลืมผม ภาวนาให้เธอมีความสุขและภาวนาให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
ไออุ่นจากร่างเล็กที่แผ่ซ่านออกมาขับไล่ความหวาดกลัวที่อยู่ลึก ๆ ในใจออกไปจนหมด ผมซุกหน้าลงกับซอกคอของเธอแล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ
ดวงดาวของผม แสงสว่างเพียงอย่างเดียวในชีวิตที่ดำมืดและโสมมของผม....
“นายหายไปไหนมา ฉัน...ฮึก ฉันนึกว่านายตายไปแล้ว”
“ผมจะตายได้ยังไงครับ ก็รับปากพี่ไว้แล้วนี่น่า”
ดวงตาคู่สวยแดงก่ำและเปียกชื้นด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เธอชอบทำตั้งแต่ยังเด็กประดับอยู่บนใบหน้า
“ฮึก ฉะ ฉันคิดมาตลอดว่านายตายไปแล้ว”
ผมเช็ดน้ำตาออกจากสองแก้มก่อนจะจูบที่หน้าผากเกลี้ยงด้วยความคิดถึง ตอนนี้ผมสูงกว่าเธอแล้วแถมยังแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเธออีกด้วย
“ผมรอวันที่เราจะได้กลับมาเจอกันตลอดเลยรู้ไหม ตอนนี้ผมปกป้องพี่ได้แล้วนะ”
“อื้อ”
เราสองคนกอดกันอยู่นานสองนานกว่าเธอจะหยุดร้องไห้ ก่อนที่เธอจะจูงมือผมไปนั่งคุยกันบนเตียง
“นายรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ที่นี่?”
อาา ให้ตายสิพออยู่หน้าเธอแล้วผมพูดอะไรไม่ออกเลย ทำไมเธอถึงได้สวยขนาดนี้กันนะ...
“เอส?”
“ครับ”
“จะไม่ตอบคำถามพี่เหรอ?”
เธอยกมือกุมแก้มผมเหมือนที่ชอบทำเมื่อสมัยก่อน ไออุ่นที่ส่งผ่านมาผ่านมือนั้นทำเอาเลือดในตัวพลุ่งพล่านไม่หยุด
“ตอบครับ”
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อผมพูดแบบนั้น ดูเหมือนว่าพี่เจนัสจะไม่ตกใจเลยกับรูปลักษณ์ของผมที่ปรากฏอยู่ตอนนี้
“ผมจำกลิ่นพี่ได้ตอนที่ขับรถผ่านเมืองเวสเปอร์”
“นายได้กลิ่นพี่ได้ยังไง....”
เธอมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะยกมือจับหูที่โผล่ออกมาเบา ๆ ตรงนั้นเป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกายของผมและพอเธอสัมผัสมันก็ทำให้ผมหายใจหอบแรงอย่างห้ามไม่ได้
“คานิกซ์เป็นคนทำมันใช่ไหม?”
“ครับ”
“.....”
ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่มีรูปร่างแบบนี้ พี่เจนัสเองก็มีใบหูรูปกระต่ายด้วยเหมือนกัน มันน่ารักและเข้ากับเธอได้ดีจริง ๆ
“ขอโทษนะที่ทิ้งนายไว้”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดดึงผมออกมาจากช่วงเวลาที่เลวร้ายในหัว ผมทิ้งตัวลงนอนหนุนตักพร้อมกับหันหน้าซุกท้องเธอไว้
“ผมดีใจซะอีกที่พี่รอดไปได้ อย่าเสียใจเลยนะ”
“เอสโทเพล....”
“เล่าให้ผมฟังหน่อยสิว่าพี่เป็นยังไงบ้างในช่วงที่ไม่ได้เจอกัน”
ผมหาเรื่องมาคุยเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิดและโทษตัวเอง แน่นอนว่ามันได้ผล เธอเล่าให้ผมฟังด้วยเสียงเจื้อยแจ้วว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ดูเหมือนช่วงที่ไม่ได้เจอกันเธอจะมีความสุขดีแถมตอนนี้ยังกลายเป็นนักวิจัยอีกด้วย
“แล้วนายล่ะ ที่ผ่านมาไปทำอะไรที่ไหนแล้วพวกนั้นมันทำอะไรนายบ้าง”
ผมลุกขึ้นนั่งทันทีพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับทำหูตั้งด้วยความลืมตัว ก็คิดว่าอยู่แล้วว่าเธออาจจะถามเพราะพี่เจนัสก็เป็นแบบนี้เสมอห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองตลอด
“เอส?”
“พี่เจนัส ผม....”
“ไม่เป็นไร ถ้านายยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเล่าว่าตัวเองไปทำอะไรไว้บ้าง ผมฆ่าคนมานับไม่ถ้วนและทำไปอย่างไร้ปราณีด้วย
“เดี๋ยวพี่ไปชงกาแฟมาให้นาย นายกินได้ใช่ไหม?”
“พี่ครับ ผมไม่ได้ 3 ขวบแล้วนะ”
“พี่รู้น่า ตัวโตกว่าฉันไปเยอะเลยด้วย งั้นเดี๋ยวพี่มานะ”
“ครับ”
น้ำเสียงเธออ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด เธอยกมือยีหัวผมแล้วเดินออกไปจากห้อง จะว่าไปยิ่งโตเธอยิ่งเหมือนกระต่ายเข้าไปทุกที ทั้งนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ และหูที่ใหญ่ขึ้นกว่าตอนเด็ก ๆ ด้วย ดูเหมือนว่าถึงจะไม่สมบูรณ์ดีแต่พี่เจนัสเองก็คงกลายเป็นครึ่งสัตว์ไปแล้วเหมือนกัน
ผมดีใจนะที่เธอดูมีความสุขกว่าเมื่อก่อน พี่เจนัสยังเป็นคนที่ยิ้มและหัวเราะได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เป็นคนที่ควรมีความสุขที่สุดในโลกด้วย
“มาแล้ว ๆ”
ไม่นานเธอก็กลับเข้ามาพร้อมกาแฟสองแก้ว ไม่รู้เพราะอะไรลางสังหรณ์ในตัวผมถึงบอกว่าอย่ากินมันเข้าไปเด็ดขาด....
“อ่ะ นี่ของนาย”
“ขอบคุณครับ”
คำแรกที่กินเข้าไปผมบอกได้เลยว่าหวานบรรลัยเลยล่ะ! นี่ผมกำลังกินกาแฟหรือน้ำตาลล้วน ๆ กันแน่ มันหวานซะจนไม่รู้รสกาแฟด้วยซ้ำ!
“อร่อยไหม สูตรพิเศษของพี่เอง”
“อร่อย....ครับ”
ผมกล้ำกลืนซดมันทีเดียวจนหมดแก้ว ตอนนี้ในปากผมไม่มีรสอะไรเลยนอกจากหวาน หวานและหวาน พี่เจนัสกินเข้าไปได้ยังไงกัน....
“แล้วสรุปนายมาทำอะไรที่นี่ คงไม่ได้บังเอิญมาเจอพี่ใช่ไหม”
“ครับ ผมมาทำภารกิจที่นี่แค่นั้นเอง”
“บอกไม่ได้เหรอ?”
“ครับ....”
จะให้บอกได้ยังไงว่ามันคือภารกิจที่ให้มาตามล่าเธอ ตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งผมก็คิดหาวิธีเอาตัวรอดจากเรื่องนี้อย่างหนักจนสุดท้ายก็เอาไปคุยกับบลูและได้คำแนะนำมาสองสามอย่าง บลูเองก็รู้จักกับเจนัสถึงจะไม่สนิทเท่าผมแต่บลูก็ติดหนี้บุญคุณเธออยู่เลยตัดสินใจช่วยในเรื่องนี้
“งั้นก็ตามใจแล้วนายพักอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“อืมม แถว ๆ นี้ครับ พี่จำบลูได้ไหม?”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนที่เธอจะคลี่ยิ้มออกมา ดูเหมือนเธอจะยังจำเขาได้เหมือนกัน
“จำได้สิ นายกับบลูสนิทกันเหรอ”
“ครับ เขาคอยดูแลผมระหว่างที่อยู่ที่นั่น”
บลูเป็นคนเดียวในดิสโทเปียที่เข้าใจความรู้สึกจริง ๆ ของผม เป็นคนเดียวที่ไม่มองผมด้วยสายตาเหยียดหยามและไม่ใช้ประโยชน์จากผม เขาเป็นเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเลยล่ะ
“ดีจังที่อย่างน้อยนายก็ไม่ได้ตัวคนเดียว”
รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้พร้อมกับมือบางที่ลูบหัวผมราวกับเด็กสามขวบ ดูเหมือนว่าเธอจะยังคิดว่าผมเป็นน้องชายแน่ ๆ ผมจับมือเธอออกก่อนจะจรดริมฝีปากร้อน ๆ ลงบนหลังมือ
“พี่เจนัส ผมไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะ....”
“อื้อ นายโตขึ้นจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะโตแค่ไหนนายก็ยังเป็นน้องชายของฉัน เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยืนเกาะหน้าต่างมองท้องฟ้าด้วยกันไง”
“งั้นเหรอครับ....”
คิดไว้แล้วล่ะว่าถ้าเป็นเจนัสก็คงตอบแบบนี้แต่พอมาได้ยินกับหูก็แอบเจ็บเอาเรื่องเลย....
“ใช่ เป็นน้องชายคนสำคัญของพี่ไง เจ้าเด็กดื้อ”
อาา ดวงดาวของผม พี่จะรู้บ้างไหมว่าในหัวผมแอบมันกระทำชำเราพี่ไปแล้วกี่รอบ? พี่คงคิดไม่ถึงแน่ว่าแต่ล่ะคืนผมเอาภาพพี่ในหัวไปทำอะไรบ้าง.....
“ครับ....น้องชายก็น้องชาย”
ผมพูดด้วยเสียงเจ้าเล่ห์เล็กน้อยแต่ดูท่าแล้วพี่เจนัสคงไม่ได้เอะใจเท่าไหร่ ผมเลยถือโอกาสนี้ดึงเธอเข้ามากอดแล้วแอบสูดดมกลิ่นหอมของเธอเข้าไปเต็มปอด
“งั้นน้องชายขอกอดหน่อยนะครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“เอาสิ อยากกอดก็กอดเลยพี่เต็มใจอยู่แล้ว”
ในเมื่อเธอพูดแบบนั้นผมเลยไม่คิดจะยั้งใจอีก เรากอดกันและหยอกกันเหมือนตอนเด็ก ๆ จนสุดท้ายก็กลิ้งลงไปบนที่นอนด้วยกัน
“ฮ่า ๆ พะ พอแล้ว มันจั๊กจี้นะ! เอส”
“ผมยังกอดไม่อิ่มเลย ขออีกหน่อยนะครับ”
คนอะไรนุ่มนิ่มน่าบีบไปทั้งตัวเลยแถมกลิ่นก็หอมจนผมแทบบ้า อยากจะจับเธอกดเตียงให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยให้ตายเถอะ!
“พอแล้วเอส นายกอดเยอะเกินไปแล้ว”
“อีกนิดนะครับ เดี๋ยวผมก็ต้องไปแล้วนะ พี่ไม่สงสารผมเหรอ”
“นายก็รู้ที่อยู่พี่ อยากมาก็มาสิ”
“พี่พูดเองนะ งั้นผมจะหาเวลามาหาบ่อย ๆ นะครับ”
“ได้สิ ถ้าเป็นนายพี่ยินดีต้อนรับเสมอ”
ผมซุกหน้าอยู่กับอกอวบคงเพราะเธอคิดว่าผมไม่มีทางคิดเกินเลยกับเธอแน่ ๆ จึงไม่ได้ผลักไสผมออกแถมยังลูบหัวผมซ้ำ ๆ ให้อีกด้วย
“ผมต้องไปแล้วครับ”
ถึงจะอยู่นานกว่านี้อีกหน่อยแต่ดูเหมือนผมต้องรีบไปแล้วก่อนที่ผมจะทำอะไรตามอารมณ์ตัวเองและทำให้คนตรงหน้าเสียใจ
“งั้นดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง อย่าทำอะไรบ้า ๆ เข้าใจไหม”
“ครับ พี่เจนัส”
ผมอ้อยอิ่งอยู่กับเธออีกพักหนึ่งถึงยอมลุกออกไปจากเตียงแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของเธอ
“ผมขอเจ้านี่นะ เอาไว้เผื่อคิดถึงพี่”
“อื้อ เอาไปสิ”
เธอตอบโดยไม่หันมามองผมเพราะมีสายโทรเข้ามาหาพอดี ผมรีบซุกมันไว้ในเสื้อก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง
“ไว้เจอกันใหม่นะครับ”
“ไว้เจอกันนะ”
ดูเหมือนยังต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อให้เธอมองผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่งสินะ แต่ตอนนี้แค่ให้เธอได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของผมก็มากพอแล้วที่เหลือค่อยหาทางทีหลังก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไงพี่เจนัสก็ต้องเป็นของผม....คนเดียวเท่านั้น
ผมไม่คิดจะปล่อยเธอไปเด็ดขาดและจะไม่ยอมให้คานิกซ์ได้ตัวเธอไปด้วย ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรครั้งนี้ผมก็ต้องปกป้องเธอให้ได้ แม้ว่าสุดท้ายเธออาจเกลียดผมจนเข้ากระดูกดำหรือสาปแช่งให้ผมไปตายผมก็จะน้อมรับเอาไว้
เพราะชีวิตของผมเป็นของเธอตั้งแต่แรกเจอแล้ว....