“เสียวแล้วใช่ไหม?”
คำถามของเขาทำให้เธอหน้าแดง ก่อนจะหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเมื่อหน้าอกอวบใหญ่ของเธอถูกนิ้วมือเรียวของเขาบีบเคล้นอย่างหนักหน่วง คิณณ์ณภัทรบีบเคล้นหน้าอกอวบของเธอที่ยังมีเสื้อผ้าปกคลุมไปพร้อมๆกับการกระแทกกระทั้นตัวตนที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวของเขาเข้าออกน้องสาวของเธอด้วยจังหวะรุนแรงสม่ำเสมอไม่มีผ่อนแรง
“อืมมม อ๊ะ”
ทั้งที่คิณณ์ณภัทรไม่มีการเล้าโลม ไม่มีแม้แต่การกอดจูบเคล้าคลึงเอาใจ เขาทำเพียงเปิดเปลือยร่างกายเพียงบางส่วนเพื่อให้เราสัมผัสกันแต่เธอก็ยังรู้สึกเสียวซ่านไปกับสัมผัสของเขา รู้สึกหัวใจเต้นแรงไปกับใบหน้าหล่อเหลาที่มองเธอด้วยสายตานิ่งไร้ความรู้สึกอยู่เหนือใบหน้าเธอ
“คิณณ์ อ๊ะ อืมมม อย่าแกล้งพริ้ง” พิมพ์พลอยมองร่างสูงที่คร่อมอยู่ด้านบนด้วยสายตาสั่นไหวเมื่ออยู่ๆเขาก็หยุดเคลื่อนไหวสะโพกสอบราวกับต้องการแกล้งเธอที่ไม่ยอมตอบคำถามของเขา
“ถ้าอยากให้ฉันกระแทกเธอต่อก็บอกมาว่าเสียวหรือเปล่า”
พิมพ์พลอยพยักหน้าขึ้นลงก่อนจะยกมือขึ้นกอดลำคอหนาแล้วเป็นฝ่ายโยกตัวขึ้นหาเขาด้วยตัวเอง
“เสียว เสียวจนใจจะขาดอยู่แล้ว คิณณ์ขยับนะ อย่าแกล้งพริ้งแบบนี้”
“หึๆ แบบนี้สิมันค่อยน่ากระแทกหน่อย”
“อืมมม คิณณ์เร็วอีก ทำแรงๆ แรงกว่านี้ได้ไหม อ๊ะ”
“อ่า ของเธอโคตรแน่นเลยพริ้ง ทั้งตอดทั้งแน่นเหมือนเอากันครั้งแรกไม่มีผิด ถ้าบอกว่าเธอไปทำรีแพร์มาฉันก็เชื่อ”
“พริ้งไม่ได้ทำ” ไม่รู้ว่าเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เธอเชื่อว่าพิมพ์พลอยไม่ได้ไปทำน้องสาวมาใหม่ ที่ยังแน่นฟิตเป๊ยะอยู่เพราะพิมพ์พลอยไม่เคยมีใครนอกจากคิณณ์ณภัทร
คิณณ์รภัทรคือผู้ชายคนแรก และเป็นผู้ชายคนเดียวที่ได้เชยชมร่างกายนี้
“หึ” คิณณ์ณภัทรมองพิมพ์พลอยด้วยสายตานิ่ง มุมปากยกสูงพอใจกับคำตอบ ขยับโยกสะโพกสอบเข้าออกกายสาวด้วยจังหวะรุนแรงจนกระทั่งร่างบางเกร็งกระตุกด้วยความรุนแรงหลายครั้งติดกัน
ความเหนื่อยล้าทำให้พิมพ์พลอยทิ้งตัวลงนอนไปกับโซฟา หายใจเหนื่อยหอบ แต่คิณณ์ณภัทรไม่ปล่อยให้เธอได้พักง่ายๆ หลังจากที่เขาถอดกางเกงออกจากท่อนขาแข็งแกร่งเสร็จก็จับเธอให้อยู่ในท่ายืนเข่าบนโซฟาส่วนตัวเองก็ขยับลงไปยืนซ้อนหลังเธออยู่ที่ด้านล่าง
ไม่นานตัวตนที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวของคิณณ์ณภัทรก็ถูกส่งตรงเข้ามาในกายสาวของเธออีกครั้ง
คิณณ์ณภัทรขยับโยกสะโพกสอบรุนแรงไม่ต่างจากครั้งแรก แรงกระแทกกระทั้นของเขาทำให้ร่างบอบบางของพิมพ์พลอยโยกไปมาราวกับชิงช้าที่กำลังถูกแหว่งด้วยความเร็ว การกระทำของเขาทำให้เธอเสียวซ่านก็จริงแต่มันก็ทำให้เธอเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทันเช่นกัน
“คะ คิณณ์ เบาหน่อยพริ้งจะเสร็จ”
“เสร็จเลย ฉันก็จะเสร็จเหมือนกัน”
“สะ เสียว เบาหน่อย พริ้งเสียว”
“เบาแล้วจะเสียวได้ยังไง”
พิมพ์พลอยกัดปากตัวเองแน่นสลับกับการเผลอปากร้องครางเบาๆ ความเสียวซ่านทำให้เธอลืมตัวโยกตัวเองเพื่อตอบรับแรงกระแทกหนักหน่วงจากคนตัวสูงด้านหลังที่โยกตัวกระแทกเธอแบบไม่ออมแรง
เกือบยี่สิบนาทีที่เธอถูกคิณณ์ณภัทรกระแทกอยู่ในท่านั้น ในจังหวะสุดท้ายคิณณ์ณภัทรโน้มตัวลงมาดึงร่างบางของเธอขึ้นไปกอดแนบอก ซบใบหน้าหล่อเหลาลงกับไหล่มนของเธอก่อนจะเร่งกระแทกสะโพกสอบด้วยจังหวะรุนแรงกว่าเดิมจนเธอคิดว่าตัวเองเกือบจะหายใจไม่ทัน
จังหวะเกร็งกระตุกของเธอเกิดขึ้นพร้อมๆกับคิณณ์ณภัทรที่แช่ตัวตนนิ่งอยู่ในกายสาวของเธอ พิมพ์พลอยเกือบจะผล็อยหลับไปแล้วถ้าคิณณ์ณภัทรจะไม่จับเธออุ้มขึ้นเอวสอบซะก่อน เพราะกลัวว่าจะตกลงไปกองอยู่กับพื้นทำให้เธอยกมือขึ้นกอดลำคอของคนอุ้มแทบทันที
“คิณณ์จะพาพริ้งไปไหน” ถามเขาเสียงสั่น และไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่สั่น เพราะตอนนี้ขาเธอก็สั่นแรงไม่แพ้กัน
นอกจากเสียงสั่น ขาสั่นแล้ว น้องสาวเธอก็คงบวมระบมไม่ต่างกัน
“เข้าไปเอาต่อในห้อง เธอก็รู้ว่าฉันเสร็จยาก และฉันก็ไม่เคยพอในน้ำเดียว”
พิมพ์พลอยตาโต กำลังจะแย้งว่าเธอเหนื่อยมากคงทำต่อไม่ไหว แต่ทว่ายังไม่ทันเปล่งเสียงพูดออกมาก็ต้องเปล่งเสียงครางออกมาแทน
“อืมมม คิณณ์”
“อุ้มแตง ฉันจำได้ว่าเธอชอบท่านี้มาก”
สามชั่วโมงต่อมา...
พิมพ์พลอยลืมตาขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง เธอรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่คิณณ์ณภัทรลุกออกจากเตียงไปอาบน้ำ แต่ที่ยังแกล้งหลับต่อเพราะยังไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา เธอโกรธที่เขาไม่สนใจเสียงห้ามปรามของเธอ ทั้งที่เธอบอกว่าไม่ไหวแต่เขาก็ยังเอาแต่ใจโหมสะโพกสอบกระแทกกระทั้นเธอไม่หยุด ยังคงรักษาไทป์ตัวร้ายอย่างเหนียวแน่นกระแทกเธอจนเธอผล็อยหลับไป
ใช่แล้ว...
เธอสลบคาท่อนลำของเขา
ใบหน้าสวยเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง พยายามปรับจูนสมาธิให้อยู่กับปัจจุบันกวาดสายตามองไปทั่วห้องนอนใหญ่อย่างสำรวจ เครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในห้องล้วนเป็นสีเทาก็ตรงกับไทป์เจ้าของห้องบ่งบอกว่าคนที่ตกแต่งห้องนี้ทำการบ้านมาดี
พิมพ์พลอยรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาแบบฉับพลันในจังหวะที่กำลังจะก้าวขาลงจากเตียงจนต้องนั่งลงตามเดิม สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆพร้อมกับหลับตานิ่งๆเพื่อให้อาการปวดหัวทุเลาเบาบางลง ไม่นานอาการปวดหัวก็ค่อยๆจางหายไปทว่ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นแทน นั่นคือภาพความทรงจำที่หายไปกลับมา
ซึ่งภาพความทรงจำที่วิ่งเข้ามาในหัวเธอล้วนเป็นภาพของพิมพ์พลอยในทุกช่วงอายุ เริ่มตั้งแต่พิมพ์พลอยเกิด ช่วงตอนเป็นเด็กที่พ่อแม่ของเธอแยกทางกันทิ้งเธอไว้กับยายเพียงลำพังไม่เคยกลับมาเหลียวแลเลยสักครั้ง ช่วงที่เป็นวัยรุ่นวัยทีนที่เธอเริ่มทำงานเพื่อช่วยยายหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านอีกแรง ช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เธอจับพลัดจับผลูได้เข้าไปอยู่กลุ่มเดียวกับคิณณ์ณภัทร รวมถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆอีกมากมายราวกับว่าเธอคือพิมพ์พลอยจริงๆ
มันมีทั้งภาพเหตุการณ์ที่น่าจดจำและไม่น่าจดจำ