สองเดือนต่อมา
กรุงเทพมหานคร
ห้องทำงานชั้นสูงสุดอาคารสำนักงานใหญ่ของ SPW กรุ๊ป ความอึดอัดปกคลุมไปทั่วทั้งชั้นจนพนักงานทุกคนต่างก็กลั้นหายใจทุกครั้งที่เสียงประตูบานใหญ่ถูกผลักออกมา
“คุณเลขา!” เสียงเข้มที่ดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่โดยอัตโนมัติ
“คะ คะ คุณลภัสวัฒน์” เลขาคนล่าสุดรีบวิ่งลุกลี้ลุกรนเข้ามายืนเผชิญหน้า แม้ในใจจะสั่นระรัวเพราะก่อนหน้านี้เธอได้ยินมาหมดแล้วว่าตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ไม่มีเลขาคนไหนอยู่รอดเกินหนึ่งสัปดาห์เลยสักคน ทุกคนโดนไล่ออกเพียงเพราะทำงานไม่ถูกใจเขาทั้งนั้น
“ตรวจงานยังไงฮะ แค่จัดเรียงหน้ากระดาษก็ผิด ทำรายงานการประชุมก็ไม่ได้เรื่อง ทำงานกันภาษาอะไร ถ้าเรียนมาแล้วทำงานได้แค่นี้วันหลังไม่ต้องเรียน โง่สิ้นดี!" เสียงเข้มตวาดดังลั่น พร้อมกับโยนเอกสารลงไปบนโต๊ะกระจกอย่างแรงด้วยความหงุดหงิดหัวเสีย
เลขาสาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึง 3 วันถึงกับหน้าเสีย รีบก้มหน้าและเอ่ยปากขอโทษเสียงสั่นเพราะหวาดกลัว
“ขอโทษค่ะคุณลภัสวัฒน์ ดิฉันจะรีบแก้ไขให้ทันทีเลยค่ะ”
“เสียเวลาชะมัด ถ้าทำงานไม่เป็นขนาดนี้ ลาออกไปเลยนะ น่ารำคาญ!” เสียงตะคอกดังเหมือนฟ้าผ่า พนักงานโต๊ะข้างนอกที่เผลอแอบได้ยินถึงกับสะดุ้งตามกันไปด้วย ก่อนที่ร่างสูงจะเดินกลับเข้าไปภายในห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง
"เอาอีกแล้ว เวรกรรมอะไรถึงต้องมาเจอเจ้านายแบบนี้ คิดว่าอยากจะอยู่นักหรือไงนะ" เสียงเลขาสาวคนใหม่บ่นตามหลังอย่างไม่สบอารมณ์เช่นกัน
ในหัวของลภัสวัฒน์เวลานี้เต็มไปด้วยความว้าวุ่นเพราะไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่มันคือเรื่องส่วนตัวล้วน ๆ ที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ตลอดเวลา
หลังพิธีหมั้นทุกอย่างควรจะราบรื่นแต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด กวินทิตาซึ่งเป็นคู่หมั้นสาวแทบจะกลายเป็นคนที่เขาไม่อยากแม้แต่จะสบตาหรืออยู่ใกล้ เธอพยายามเข้ามาพูดดี ยิ้มแย้ม ทำตัวเอาใจเขาทุกอย่าง แต่กลับยิ่งทำให้เขารำคาญมากกว่าจะรู้สึกดีเสียงั้น เมื่อคืนเธอโทรมาอ้อนเพื่อชวนไปดินเนอร์ เขาก็ตวาดกลับไปทันทีเลยว่า “ยุ่งน่า! ผมไม่มีเวลามาเล่นละครน้ำเน่ากับการไปนั่งกินข้าวกับคุณหรอกนะ มันเสียเวลาชีวิต” นั่นคือสิ่งที่เขาตอบกลับก่อนจะกดวางสายทิ้งไปดื้อ ๆ
สองเดือนมานี้ ทุกอย่างในชีวิตเขาเหมือนกลับหัวกลับหาง เขาเคยเป็นผู้ชายที่ทุกคนยกย่องว่ามีเหตุผล เฉียบขาดในการงาน ใจดีและเป็นเจ้านายที่น่ารัก แต่ทุกวันนี้แค่พนักงานทำเอกสารผิดพลาดไปบรรทัดเดียว เขาก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ใส่ในทันที ไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้นานเกินห้านาทีเลยสักครั้ง ทุกคนต่างลือกันว่าคุณลภัสวัฒน์ในตอนนี้เหวี่ยงวีนเก่งยิ่งกว่าพายุทอร์นาโด ใครก็เข้าหน้าไม่ติดเลย
ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
ภายในห้องประชุม แทนที่เอกสารตรงหน้าจะทำให้เขาใจจดจ่อแต่กลับยิ่งทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิมอีกครั้ง เขากวาดสายตาไปเจอถ้วยกาแฟที่เลขาเพิ่งเอามาวางไว้ให้ ก่อนจะยกขึ้นจิบแต่รสชาติไม่ถูกใจยิ่งนัก ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดที่มีเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
“กาแฟนี่ใครสั่งให้ใส่น้ำตาลไม่ทราบ บอกกี่ครั้งแล้วว่าผมดื่มแบล็คคอฟฟี่เท่านั้น ทำไมไม่จำฮะ!” เสียงทุ้มโพล่งออกมาแบบไม่ปรานี ก่อนจะผลักถ้วยกาแฟจนเกือบตกลงจากโต๊ะ โชคดีที่เลขาคนใหม่รีบคว้าเอาไว้ได้ทัน ทุกคนที่นั่งรอประชุมอยู่ถึงกับนั่งตัวเกร็งจนแทบไม่มีใครกล้าหายใจ
"เดี๋ยวรีบไปเปลี่ยนมาให้ค่ะ"
บรรยากาศเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจแรง ๆ ของเขาและหัวใจเต้นระส่ำของคนที่อยู่ภายในห้อง ทุกคนรู้ดีว่าการทำงานกับผู้ชายคนนี้ในตอนนี้ เหมือนยืนอยู่บนเส้นลวดกลางอากาศถ้าก้าวพลาดเพียงนิดเดียวก็เหมือนตกลงสู่ความว่างเปล่าโดยไม่ทันตั้งตัว
เลขาสาวเดินมือไม้สั่นนำถ้วยกาแฟมาวางไว้ตรงหน้าเจ้านายอีกครั้ง
“ผมถามจริง ๆ เถอะ ไม่มีใครในประเทศนี้ทำงานได้เข้าตาผมสักคนเลยใช่ไหม ทำไมมันยากนักวะที่จะหาคนทำงานเหมือนเธอคนนั้นได้สักคน!”
คำว่าเธอคนนั้นหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้เขาชะงักไปชั่วครู่ ความทรงจำเดิม ๆ วนกลับเข้ามาอีกครั้ง ใบหน้าของผู้หญิงที่เขาไล่ตะเพิดไปในวันนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในหัวไม่ต่างจากวันแรกที่เธอหายไป ความโกรธเคืองที่คุกรุ่นในอกตอนนี้ ไม่ได้มาจากงานที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ได้มาจากกาแฟชงผิดสูตร แต่มันมาจากความว่างเปล่าที่เขาไม่กล้ายอมรับความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิต
สองเดือนแล้วที่เขาไม่มีเลขาที่ชื่อจีน่าอยู่ข้างกาย และสองเดือนที่หัวใจของเขาก็ยังไม่หยุดถามคำถามเดิม ๆ ว่าเธอหายไปไหน ทำไมไม่กลับมา ทำไมฉันถึงลืมเธอไม่ได้ทั้งที่เธอก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย...
ประตูห้องประชุมถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง ลัลล์ลลิตก้าวเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ทุกสายตาหันมาจ้องมองที่รองประธานสาว เธอมองหน้าพี่ชายแล้วถอนหายใจเหมือนอย่างเคย
“พี่ลีโอเป็นอะไรอีกเหรอคะ?”
"หงุดหงิดน่ะสิ ทำงานไม่ได้เรื่องเลยสักคน ลัลล์มาก็ดีแล้ว มาประชุมแทนพี่หน่อย" ใบหน้าหล่อหันไปมองหน้าน้องสาว และเห็นน้องส่ายหน้าให้เบา ๆ ดวงตามองจ้องเขาเหมือนโกรธเขามาก
“ทำไมทุกครั้งต้องเอาความโมโห เอาความโกรธของตัวเองมาลงกับพนักงานแบบนี้ตลอดเลยคะ?”
ลัลล์ลลิตก้าวเข้ามายืนใกล้โต๊ะประชุม จับจ้องมองหน้าคนเป็นพี่พร้อมสบตากับเขาตรง ๆ แบบไม่ถอยเช่นกัน
“ตัวเองเป็นผู้นำ เป็น CEO ใหญ่นะคะ ทำไมคิดไม่ได้เลยล่ะว่าคนอื่นจะทำงานด้วยความสบายใจได้ยังไงถ้ายังเอาอารมณ์เป็นใหญ่แบบนี้?”
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องประชุมจนชวนให้บรรยากาศอึดอัดเพิ่มมากขึ้น ทุกคนเงยหน้ามองสองพี่น้องที่สายตาเต็มไปด้วยความตึงเครียด ลัลล์ลลิตพูดย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง
“เป็นอะไรคะ ลัลล์ถามจริง ๆ เถอะว่าพี่เป็นอะไรกันแน่?”
ร่างสูงชะงัก มือที่กำลังจะขยับถึงกับหยุดนิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่ไม่มั่นคง เขารู้ตัวเองดีว่าทุกวันนี้แทบจะไม่มีเหตุผลให้เขาอารมณ์เสีย แต่เป็นเพราะตัวเองล้วน ๆ ที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“พี่หยุดทำราวกับว่าพนักงานทุกคนเขาไม่มีหัวใจหรือไม่มีความรู้สึก หยุดทำเหมือนกับโลกต้องหมุนตามอารมณ์พายุของพี่คนเดียวได้แล้วนะคะ ที่นี่มันคือที่ทำงาน พี่ไม่มีความเป็นโพรเฟชชันแนลเลยสักนิด”
ทุกคำพูดเหมือนแรงกระแทกที่พุ่งตรงเข้าไปในใจของลภัสวัฒน์ ทำให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบสนิท เหมือนทุกคนถูกตรึงอยู่กับความตึงเครียดที่ลัลล์ลลิตสร้างขึ้นในเวลานี้
ลภัสวัฒน์ไม่ได้ตอบอะไรในทันที แต่สายตาที่เคยแข็งกร้าวเริ่มสั่นไหว เขานิ่งไปครู่ใหญ่ ใบหน้าเข้มขรึมจ้องมองหน้าน้องสาว ก่อนจะหันไปมองจ้องทุกคนที่นั่งเงียบอยู่ภายในห้องประชุม เขาถอนหายใจแรง ๆ ขึ้นอีกครั้ง แล้วพูดออกมาเหมือนรู้สึกเหนื่อยใจกับชีวิตมากมายเหลือเกิน
“ไม่มีใครทำงานได้ดั่งใจพี่สักคน แล้วจะไม่ให้พี่หงุดหงิดได้ยังไงกัน แค่เอกสารนิดหน่อยก็ทำผิด ชงกาแฟก็ยังผิดเลยนะลัลล์ แล้วจะไม่ให้โมโหได้ยังไงล่ะ มีแต่ต่อว่า ไม่หัดเข้าใจความเป็นจริงบ้างล่ะลัลล์”
“เรื่องที่โมโหไม่ใช่เพราะคนอื่นทำผิดหรอกมั้งคะ เพราะเรื่องเล็กน้อยที่คนอื่นทำมันไม่ดีพอสำหรับพี่เองต่างหาก” คำพูดของน้องสาวเหมือนจี้แทงใจเขามาก ใบหน้าหล่อหันขวับมองจ้องหน้าน้องสาวด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง
“ลองหันมามองตัวเองบ้างไหมคะ ว่าทุกวันนี้ตัวพี่เองเป็นยังไง ถ้าเป็นผู้นำคนอื่นไม่ได้ก็ลาออกไปนอนอยู่บ้านเฉย ๆ เถอะค่ะ เดี๋ยวที่นี่ลัลล์จะดูแลเองทั้งหมด”
ราวกับทุกคำพูดของลัลล์ลลิตกระแทกเข้าตรงใจของเขาอย่างจัง ลภัสวัฒน์ชะงักมือที่กำลังจะยกเอกสารขึ้นมาดูถึงกับหยุดนิ่งค้างกลางอากาศ
"ไปจัดการอารมณ์ตัวเองซะพี่ลีโอ อย่ามาทำให้ทุกคนเสียเวลาเพียงเพราะเรื่องไร้สาระของพี่เลยนะคะ เดี๋ยวตรงนี้และวันนี้ลัลล์จะทำหน้าที่แทนทั้งหมด ไปทบทวนตัวเองซะว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ พี่คิดว่ามันดีแล้วหรือยัง?"
ลภัสวัฒน์กัดฟันกรอด ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ขาสูงยาวก้าวเดินไปข้างหน้า และผลักประตูห้องประชุมออกไปด้วยความแรง
ทุกคนในห้องหันไปมองจ้องหน้ากันโดยอัตโนมัติ หัวใจยังเต้นแรงเพราะความตึงเครียดที่เพิ่งถูกระเบิดออกมา ก่อนจะมีเสียงกระซิบกระซาบกันเบา ๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง
ลัลล์ลลิตถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าให้กับความไม่เอาไหนของพี่ชายตัวเอง เพราะรู้ดีว่าตั้งแต่เลขาสาวคนสนิทลาออกไป อารมณ์ของพี่ชายเธอก็ว้าวุ่นอย่างที่เห็นตอนนี้เลย