ตอนที่10 ดีแค่ไหนถึงจะพอ?

1499 คำ
หลายวันผ่านไป จิณห์วราเดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับข่าวดีในมือ หญิงสาวยื่นเอกสารให้ยายจันทร์ด้วยความดีใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความโล่งอก วันนี้เธอซื้อความสบายใจให้กับทุกคนแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่จะเป็นเช่นไรก็ช่างมัน “ยายจ๋าหนูไถ่บ้านคืนมาแล้วนะ บ้านหลังนี้จะไม่ถูกยึดแล้ว ไม่มีหนี้แม้แต่บาทเดียวอีกแล้วนะจ๊ะยาย” ยายจันทร์รับเอกสารมาด้วยมือที่สั่นเทา ใจหวิวขึ้นมาแปลก ๆ ดวงตาของคนแก่เริ่มแดงก่ำ เมื่อพลิกดูรายละเอียดในเอกสารนั้นที่ไม่ได้สัมผัสมานานมากจนคิดว่าชาตินี้จะไม่มีวันได้โฉนดที่ดินกลับคืนมาอีกแล้ว “ใช้เขาหมดเลยเหรอลูก? เงินเก็บของเอ็งทั้งหมดเลยใช่ไหม?” หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ไม่พูดอะไรต่อเลยสักคำ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่มีความเสียดาย มีแค่ความอิ่มเอมใจที่ได้ทำอะไรเพื่อยายจริง ๆ สักครั้งในชีวิต แต่ยังไม่ทันที่ความเงียบสงบจะอยู่ได้นาน เสียงแหลมสูงแสบแก้วหูของนางลำไยก็ดังแทรกเข้ามา ทำให้ทุกคนต้องอึดอัดใจกันอีกครั้ง “เงินเก็บงั้นเหรอ? เห็นเงียบ ๆ ที่แท้ก็ซุกเงินไว้ตั้งเป็นล้าน แล้วทำมาเป็นน่าสงสารให้แม่ฉันต้องคอยปกป้อง! ดีนะที่ยังมีจิตสำนึก ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนแม่ของแกที่มันหนีไปใช้ชีวิตสบายอยู่เมืองนอกไม่เห็นหัวใครเลย ดีที่แกยังมีสำนึกมีเงินก็รู้จักแบ่งคนอื่นใช้บ้างดีแล้ว อย่าเนรคุณ” ยายจันทร์นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะวางเอกสารที่เพิ่งได้มาลงข้างตัว ลุกขึ้นยืนช้า ๆ จ้องมองหน้าลูกสาวคนเล็กด้วยสายตาไม่พอใจเช่นเคย “พอได้แล้วนังลำไย! แกพูดจาแบบนี้อีกแล้วนะ ดีแค่ไหนแล้วที่หลานมันยังหาเงินมาไถ่คืนได้ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกันอีกไง แกจะได้เลิกพูดเรื่องเก่าเรื่องเดิมสักที ฉันเองก็รำคาญเต็มทีแล้วนะนังคนนี้” “แม่จะเข้าข้างมันไปถึงไหนล่ะ ใช้หนี้แทนหมดวันนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้ความเหนื่อย ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่ฉันเสียไปมันกลับคืนมาได้หรอกนะแม่!” “แล้วหลานฉันมันทำผิดตรงไหน ใช้แทนหรือไม่ใช้แกก็จะไม่เลิกพูดใช่ไหมลำไย แกไม่มีปัญญาหาเงินมาได้เยอะ ๆ เหมือนหลานมัน แกก็เลยอิจฉาใช่ไหมฮะ?” “ใครจะไปอิจฉามันล่ะแม่ ชีวิตมันก็ไม่ได้ดีกว่าฉันหรอก ดูมันกลับมาสิท้องยังไม่มีพ่อเลย ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม มันคิดว่าคนอื่นจะมาช่วยมันเลี้ยงเหมือนที่ฉันช่วยแม่เลี้ยงมันหรือไงล่ะ เหอะฝันเอาเถอะ!” “แกไม่เลี้ยงก็เรื่องของแก ฉันจะเลี้ยงช่วยจีน่ามันเอง แกพูดจาทิ่มแทงหลานตัวเองได้ตลอดเวลาเลยสินะ ทั้งที่แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่ยอมควักเงินทั้งหมดมาไถ่บ้านนี้คืนให้ เขาไม่ได้เหลืออะไรไว้เลย แล้ววันนี้เขากลับมาหาใคร? ก็ยายคนนี้ ไม่ใช่กลับมาหาแกซะเมื่อไหร่” นางลำไยขบเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรอีกทั้งนั้น ก่อนจะสะบัดตัวเดินหนีออกไปจากบ้าน ทิ้งความเงียบไว้ข้างหลังเหมือนเช่นเคย มาทำให้คนอื่นเสียความรู้สึกแล้วก็จากไป เป็นแบบนี้ตลอดแต่ไม่เคยมีใครรู้สึกชินเลย จิณห์วราทำได้เพียงยืนนิ่ง ดวงตาแดงก่ำแต่ไม่ร้องไห้ออกมาอีกแล้ว ยายจันทร์หันมาจับมือหลานสาวแน่นกว่าเดิม “ขอบใจนะลูกที่เสียสละให้ยายขนาดนี้ ถึงมันจะเป็นเงินก้อนสุดท้าย แต่เอ็งก็ให้ยายด้วยใจจริง ๆ อย่าไปฟังนังลำไยพูดเลย มันก็เป็นแบบนี้ล่ะ มันไม่เคยพูดดีกับใครหรอก แม้แต่กับแม่มันเองมันก็เถียงคำไม่เคยตกฟาก” จิณห์วราพยักหน้ายิ้มให้กับยายอีกครั้ง “หนูไม่รู้หรอกว่าชีวิตวันพรุ่งนี้จะไปทางไหน แต่ถ้าวันนี้หนูได้ทำอะไรสักอย่างให้คนที่รักหนูจริง ๆ ได้สบายใจมันก็คุ้มแล้วจ้ะยาย” สองยายหลานยืนโอบกอดกันแน่น จิณห์วรายิ้มออกมากับสิ่งที่ตัวเองได้ตัดสินใจทำในวันนี้ หวังเพียงแค่ว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้มันจะมีความสุขและไม่มีอะไรมาทำให้ต้องรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว ชีวิตของจิณห์วราดูเหมือนจะมีความสุข แต่มันก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะทำให้มีความสุขอย่างที่หวัง เพราะชีวิตที่กลับมาอยู่ในหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ พร้อมกับลูกน้อยในท้องเป็นเหมือนตราบาปของชีวิตที่สุดแล้ว เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตอนที่มารดาท้องตัวเองนั้นผ่านเรื่องราวร้าย ๆ แบบนี้มาได้อย่างไร วันนี้จิณห์วราก้าวเดินผ่านกลุ่มชาวบ้านที่ยืนรวมตัวอยู่หน้าร้านขายของชำ เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังเล็ดลอดออกมาเหมือนมีดคมที่ทิ่มแทงหัวใจดวงน้อยให้เจ็บปวดอีกครั้ง “นั่นไงมาแล้ว ได้ยินเขาลือกันว่าเด็กไม่มีพ่อนะ อุ้มท้องกลับมาอยู่บ้านแบบนี้ไม่อายหรือไงกัน เหมือนแม่มันไม่มีผิดเลยแก แม่เป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเหมือนคำเขาว่าจริง ๆ นะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความติติงชวนให้เจ็บปวด “แล้วจะมีใครมารับผิดชอบไหมล่ะ ไม่มีงานแต่ง ไม่มีสามี เด็กจะโตไปยังไงนะ เด็กสมัยนี้มันไม่เคยคิดอะไรหรอกนอกจากสนุกกันให้เป็นภาระคนแก่ที่บ้าน” อีกเสียงก็ดังแว่วเข้ามาในหู จิณห์วราไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ถึงชอบยุ่งกับชีวิตของคนอื่นนัก เธอก้มหน้าลงพยายามสะกดกั้นไม่ให้ตัวเองต้องตอบโต้ใครกลับ เพราะยังต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปอีกนาน ไม่อยากจะมีศัตรูหรือทำให้ใครไม่พอใจเลย เสียงพูดเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากได้ยิน แต่มันกลับดังชัดเจนจนเธอไม่อาจเดินหนีได้ตลอดไป เมื่อวานได้ยิน วันนี้ก็ได้ยินอีก แล้วพรุ่งนี้ล่ะก็ต้องเป็นแบบนี้ตลอดไปหรืออย่างไรกัน จนสุดท้ายต้องเงยหน้าขึ้นสู้และเดินเข้าไปหาทุกคนที่กำลังพูดถึงเธออยู่ตรงหน้านั้นในทันที “ไม่ต้องทำตัวว่างมากก็ได้นะคะ ไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตของหนูขนาดนั้นหรอกนะป้า” เสียงที่ตอบกลับฟาดขึ้นเบา ๆ แต่หนักแน่นเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดว่าเธอจะกล้าตอบโต้กลับขนาดนี้ สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องมองเธออย่างพร้อมเพรียงและเสียงหนึ่งก็ดังลอยขึ้นมาเบา ๆ เข้าหูอีกครั้ง “ใครจะอยากยุ่งล่ะ ถ้าไม่กลับมาเป็นภาระของคนอื่นแบบนี้!” จิณห์วรามองจ้องหน้าคนที่พูดอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่มีท่วมอก น้ำตาไหลรินออกมาอย่างอดไม่ได้ “หนูไม่ได้กลับมาเป็นภาระครอบครัวป้านะคะ ป้าไม่มีสิทธิ์จะมาพูดแบบนี้กับหนู ครอบครัวป้าดีแล้วงั้นเหรอ ลูกหลานป้ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมถึงต้องมายุ่งกับชีวิตลูกหลานบ้านคนอื่นแบบนี้ หนูรู้ว่าทุกคนพูดแบบนี้บ่อยมาก หนูไม่ได้แกล้งไม่รู้สึกนะ แต่วันนี้ที่ตอบโต้เพราะอยากให้รู้ว่าหนูก็มีหัวใจ ชีวิตของหนูให้มันหนักที่หัวหนูเถอะ ไม่ต้องให้มันหนักที่หัวของพวกป้าขนาดนั้นก็ได้” คำพูดของจิณห์วราทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นอึ้งเงียบไปเป็นแถบ ๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อได้แต่มองจ้องหน้าเธออย่างนิ่งงัน หญิงสาวเดินหันหลังจากไปเงียบ ๆ น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทางยาว เจ็บปวดเสียใจที่โดนคนอื่นพูดถึงแบบนี้ ไม่เคยคิดอยากจะตอบโต้ใครกลับแบบนี้เลยสักครั้ง แต่ที่ต้องพูดเพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่าเธอก็มีหัวใจ เธอก็มีความรู้สึก เผื่อว่าวันพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ที่มันทำให้ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว เธอท้องไม่มีพ่อก็ใช่อยู่ แต่มันผิดนักหรือไงกันเธอก็อยากถาม  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม