“อุ๊ย! คุณเต ฉันขอโทษค่ะ ที่เผลอขึ้นมานอนบนเตียงของคุณ” หญิงสาวตกใจแล้วรีบลุกขึ้นลงไปยืนข้างเตียง
คุณพ่อหมาดๆ รีบลุกขึ้น เดินเข้าไปหาหญิงสาว “ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ผมสั่งให้นายชัยพาคุณเข้ามาพักในห้องนี้เอง นายชัยบอกว่าคุณดูแลปลาวาฬและยังไม่ได้กินข้าว ไปอาบน้ำก่อน แล้วกินข้าว เดี๋ยวผมจะเฝ้าน้องปลาวาฬให้เอง”
ขวัญดาวมุ่นคิ้ว รู้สึกงงไปหมด แล้วน้องปลาวาฬเป็นลูกชายเธอหรือไง เขาต้องเฝ้าเองก็ถูกแล้ว เธอแค่รับหน้าที่ช่วยดูแลให้ เมื่อเขากลับมา เธอควรหมดหน้าที่พี่เลี้ยงจำเป็นแล้วไม่ใช่หรือไง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะกลับแล้ว” หญิงสาวมองไปที่หน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ซึ่งเป็นเวลาสี่ทุ่มเศษ “คุณเตกลับมาแล้ว ถ้างั้น ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
มือหนารีบคว้ามือนุ่มเอาไว้ สายตาแสดงความเป็นห่วง “นี่มันดึกแล้ว คุณจะขับรถกลับได้ยังไง”
“ปกติเวลาฉันทำโอทีดึกๆ ก็ขับรถกลับเอง ไม่เห็นเป็นไรเลยค่ะ”
“งั้นคืนนี้ทำโอทีที่นี่สักคืนได้ไหม ผมจ่ายให้สิบเท่าจากปกติเลยก็ได้”
ถ้าค่าโอทีจะแพงขนาดนั้น มันก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่ที่ทำงานคือเพนต์เฮาส์ของท่านประธาน หากใครรู้เรื่องเข้า เธอจะตกเป็นขี้ปากขาเมาท์เอาได้
“คือขิงไม่สะดวกทำโอทีค่ะ”
ขวัญดาวรีบดึงมือกลับแต่ไม่สำเร็จ คนตัวใหญ่ยังคงยึดมือไว้ไม่ยอมปล่อย พลันร่างสูงก็ขยับมาใกล้ พร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาและส่งสายตาเว้าวอนให้เธอ
“ช่วยเป็นพี่เลี้ยงฉุกเฉินให้เจ้าปลาวาฬหน่อยเถอะขิง คืนนี้ผมหาพี่เลี้ยงให้เจ้าปลาวาฬไม่ทันจริงๆ มันฉุกละหุกมาก จู่ๆ ก็มีคนอุ้มแกมาใส่มือผม คุณก็รู้ ยังไงคุณช่วยอยู่ดูแลแกสักคืนเถอะนะ ดูสิ ปลาวาฬน่าสงสารขนาดไหน” เขามองไปที่เจ้าตัวกลมบนที่นอนพลางถอนหายใจยาวพรืด “ลียาบอกผมว่า แม่แกตายตั้งแต่คลอดแกออกมา เพราะสายรกพันคอเด็ก หมอช่วยลูกได้ แต่ช่วยแม่ไม่ได้ เจ้าฉัตรมันเลยตั้งชื่อจริงแกว่าแต้มบุญ”
ขวัญดาวหันไปมองร่างกลมที่นอนตาแป๋วมองดูเธอกับพ่อคนใหม่ของแกคุยกันแล้วส่งเสียงพลางยกมือขึ้นทำท่าคว้าอากาศ มองดูคล้ายกวักเรียกให้ขวัญดาวขยับเข้าไปหา ทำเอาพี่เลี้ยงสาวใจอ่อนยวบ
“แอ้ แอ้”
เตชัสมองเจ้าตัวกลมที่ยกมือได้จังหวะ ได้ทีรีบพูดต่อ
“เห็นไหม แกกวักมือเรียกคุณให้ช่วยดูแลแกต่อถึงเช้า ขิงจะใจร้ายกับเด็กน้อยตาดำๆ ลงคอเหรอครับ เจ้าปลาวาฬมันน่าสงสาร แม่ตาย พ่อตาย ย่าก็ไม่ยอมมาดูหน้าเพราะยังไม่มั่นใจว่าเป็นหลานแท้ๆ”
มารดาของเขารู้เรื่องนี้แล้ว แต่ท่านตั้งรับไม่ทัน จึงขอให้เขาพาเจ้าหนุ่มน้อยที่ลียายืนยันว่าเป็นลูกชายแท้ๆ ของฉัตรเทพไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับเขาเสียก่อน หากไม่ใช่ก็ขอให้เขารับไว้เป็นเพียงเด็กในบ้าน แต่หากว่าใช่ ท่านก็ยินยอมให้เด็กมีสิทธิ์ทุกอย่างตามกฎหมาย แต่ยังคงทำใจไม่ได้ที่ลูกชายคนโปรดแอบซุกลูกไว้
ส่วนเขาเองประกาศกร้าวต่อหน้ามารดาและญาติผู้ใหญ่แล้วว่าต่อให้เจ้าปลาวาฬไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ ของตระกูลวราฤทธิ์ แต่ก็ต้องอยู่กับเขาในฐานะบุตรชาย แล้วถ้าผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยันออกมาว่าเจ้าปลาวาฬเป็นสายเลือดของวราฤทธิ์ ทุกอย่างของฉัตรเทพต้องเป็นของ
‘เด็กชายแต้มบุญ วราฤทธิ์’ ทั้งหมด
ขวัญดาวลอบถอนหายใจพรืดยาว ท่าทางที่แสดงออกไม่พ้นสายตาท่านประธานที่มั่นใจว่าถือไพ่เหนือกว่า
เตชัสหรี่ตามองผู้ช่วยเลขานุการที่หน้าซีดผิดจากเมื่อครู่ไปถนัด “เมื่ออาทิตย์ก่อนคุณลากิจสองวัน รู้ไหมว่าช่วงทดลองงานไม่ควรมีความจำเป็นใดในการลางาน ขาดงาน หรือมาสาย ฝ่ายบุคคลจะดูประวัติตรงนี้เป็นพิเศษ และมีผลต่อการตัดสินใจว่าจะให้คุณผ่านหรือไม่ผ่านการทดลองงาน”
ขวัญดาวระบายลมหายใจ เธอทราบกฎเหล่านี้ดี สาเหตุที่ต้องลากิจกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะบิดาขึ้นไปซ่อมหลังคาบ้าน เนื่องจากย่างเข้าสู่หน้าฝนแล้ว ขณะนำซิลิโคนอุดรอยรั่วบนหลังคาเกิดอาการหน้ามืดพลาดลื่นตกหลังคา โชคดีที่บ้านของเธอแค่ชั้นเดียวและไม่สูงนัก เพื่อนบ้านเห็นเข้าพอดีเลยรีบมาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล ‘นายขวัญชัย’ วัยหกสิบห้าปี ถึงมือหมอไวจึงปลอดภัย มีเพียงแผลฟกช้ำตามร่างกาย ส่วนสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน
ขวัญดาวถลึงตาใส่เจ้านายหนุ่มที่เอาข้อมูลเหล่านี้มาบีบบังคับ เธอเงยหน้าสวยหวานประสานสายตากับคนยืนกอดอกยิ้มกว้างให้ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ก็ฉันมีความจำเป็น พ่อของฉันพลาดตกจากหลังคาบ้าน มีลูกที่ไหนที่ทราบข่าวว่าพ่อได้รับอุบัติเหตุแล้วจะเพิกเฉยไม่รีบกลับไปดู”
เตชัสยิ้มกรุ้มกริ่ม “ผมเข้าใจในฐานะลูกที่ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลจะคิดเหมือนผมหรือเปล่า แต่ถ้าคุณตกลงช่วยดูแลน้องปลาวาฬให้ผมจนกว่าผมจะได้พี่เลี้ยงมาดูแลแก ต่อให้ฝ่ายบุคคลประเมินให้คุณไม่ผ่านทดลองงาน คุณก็รู้ว่าผมช่วยคุณได้”
เจ้าของร่างสวยรู้สึกว่าตัวเองลืมหายใจไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าเจ้านายจะร้ายกาจยกเรื่องที่เธอกำลังกลัวมาเป็นข้อต่อรองให้ดูแลเด็กน้อย เด็กก็น่ารักน่าเลี้ยงอยู่หรอก แต่ลุงแท้ๆ หรือคุณพ่อคนใหม่ของน้องปลาวาฬทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เธอไม่ได้คิดไปเอง อะไรบางอย่างบอกว่าท่านประธานชอบลอบมองเธอแปลกๆ
ทว่าถ้าไม่ผ่านทดลองงานจะเอาเงินจากไหนไปต่อเติมความฝันของบิดาให้สำเร็จตามเป้าหมาย บิดาของขวัญดาวยังชีพด้วยการเปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์เล็กๆ ซึ่งคนในชุมชนของเธอทำอาชีพนี้กันหลายครัวเรือน เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยว ท่านต้องการต่อเติมบ้านเป็นห้องพักรับรองแขกเพิ่มอีกสองห้อง เวลานี้ก็ขึ้นโครงไปบางส่วนแล้ว ไหนจะกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่เคยสร้างโอกาสให้เธอได้ร่ำเรียนจนจบปริญญาตรี กระทั่งมีงานทำ ขวัญดาวไม่เคยลืม ตั้งใจไว้ว่าจะรีบชำระคืนให้เร็วที่สุด การได้เข้าทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ รายได้ดี มีโอกาสก้าวหน้า แต่หากไม่ผ่านทดลองงานทุกอย่างคงพังไม่เป็นท่า
เจ้านายหนุ่มจ้องมองคนคิดหนัก มุมปากมีรอยยิ้ม ร่างสูงแสร้งไหวไหล่เหมือนจะบอกว่าไม่ใส่ใจต่อการตัดสินใจของเธอนัก
คนเจ้าเล่ห์มองมาที่ขวัญดาว “ก็แล้วแต่นะ ถ้าลำบากใจ คืนนี้ผมดูแลปลาวาฬคนเดียวก็ได้ แต่คุณคงได้ยินมาบ้าง ว่าทำงานดี คนเห็นไม่มาก แต่ถ้าทำพลาดเช่นขาดงานช่วงทดลองงาน คนเขาเห็นกันหมด ได้ยินมาว่าถูกคนในบริษัทซุบซิบด้วยว่าเป็นเด็กเส้น แบบนี้คิดหรือว่าจะผ่านทดลองงาน”
ผู้ช่วยเลขานุการหน้าใสจมอยู่ในความคิด ก็เขาเองไม่ใช่เหรอที่ให้อาจารย์วรรณวิภาส่งเธอมาสัมภาษณ์งาน โดยเตชัสเป็นคนสัมภาษณ์เอง จากนั้นเขาก็สั่งให้เธอมาเริ่มงานในวันถัดไป หลังจากเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ ขวัญดาวถึงได้รู้ว่าการรับพนักงานของบริษัทในตำแหน่งปฏิบัติการสักคนต้องผ่านการสัมภาษณ์ถึงสามด่าน
“ฉันถูกคนในบริษัทนินทาว่าเป็นเด็กเส้นท่านประธานก็เพราะคุณเตนั่นแหละค่ะ”
“ใครอยากให้คุณเป็นลูกศิษย์ที่เพื่อนสนิทผมเอ็นดูกันล่ะ เห็นวรรณวิภาบอกว่าคุณเป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง ผมก็เลยรับคุณเอาไว้ ที่จริงคุณควรขอบคุณผมมากกว่า ไม่ใช่มาตำหนิผมนะขิง”
ทันใดนั้น มือหนาก็เอื้อมมาแตะข้อศอกของขวัญดาว สายตาคู่คมมองผู้ช่วยเลขานุการสาวที่ขยับตัวหนีเขาเล็กน้อย “คุณก็รู้ ผมไม่ใช่แค่รับคุณเข้าทำงานได้นะขิง ผมช่วยให้คุณผ่านทดลองงานได้ด้วย ว่าไง”
“แอ้ แอ้” เจ้าตัวกลมที่นอนอยู่บนเตียงส่งเสียงร้องเรียก
เมื่อคนที่กำลังต่อรองกันอยู่หันไปมองเด็กทารกบนเตียงก็ต้องตกตะลึง
“น้องปลาวาฬ!”