“ท่าทางน้องปลาวาฬจะชอบซุปอะโวคาโดของคุณเตค่ะ” มือเธอป้อนซุปเข้าปากเจ้าหนู แต่ก็หันไปยิ้มให้เขา
เตชัสยื่นมือมาขอช้อน “เอาช้อนมา เดี๋ยวผมป้อนแกเอง ขิงไปกินซุปเถอะ เดี๋ยวจะหายร้อนแล้วไม่อร่อย ถ้าไม่รีบกิน ผมออกไปทำงานแล้วขิงจะกินอะไรลำบาก เพราะปลาวาฬดูติดคุณมาก ส่วนอาหารกลางวันไม่ต้องห่วงนะ ไม่ต้องทำเอง แม่บ้านจะจัดการให้ ผมสั่งเขาไว้แล้ว”
“ค่ะคุณเต”
กลิ่นซุปหอมฟุ้งเตะจมูก น้องปลาวาฬก็กินน่าอร่อย ในที่สุดขวัญดาวก็ยอมปล่อยให้เตชัสป้อนอาหารให้น้องปลาวาฬเอง แล้วหันกลับไปจัดการซุปอีกถ้วยที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ พอตักเข้าปาก รสซุปหอมละมุนกลมกล่อมไหลเข้าปาก อร่อยจนต้องร้องว้าว แทบไม่อยากเชื่อว่าเจ้านายของเธอเป็นคนลงมือปรุงเองจนหลุดปากชมออกมา
“ซุปของคุณเตอร่อยมาก ขิงไม่เคยกินซุปอร่อยแบบนี้เลย” เธอชมจากใจ มันอร่อยจนอยากเก็บสูตรไปทำกินเองบ้าง เพราะซุปถ้วยนี้ถ้าไปสั่งตามร้านอาหาร อย่างน้อยๆ ก็ต้องจ่ายหลักร้อยขึ้นไป
“ถ้าชอบ ในหม้อมีอีก ผมทำเอาไว้เยอะ น่าจะกินได้อีกสี่ถึงห้าถ้วย” เขาตอบขณะตักซุปคำสุดท้ายป้อนน้องปลาวาฬ แล้วดูท่าว่าแกยังไม่อิ่ม
“คุณเตมีเคล็ดลับอะไรในการทำไหมคะ ขิงจะได้จำเอากลับไปทำกินบ้าง”
เตชัสอมยิ้มหันกลับมามอง คนที่ตักซุปเข้าปากท่าทางเอร็ดอร่อยจริงๆ ไม่ได้แกล้งยอ เขาวางช้อนเอาไว้บนจานสะอาดซึ่งมีซุปอีกถ้วยหนึ่งตักเอาไว้สำรองเผื่อใครไม่อิ่ม
ชายหนุ่มคว้าโหลบรรจุขนมปังกรูตองซ์มาคีบลงไปในถ้วยซุปของขวัญดาว
“ผมชอบกินกรูตองซ์ พร้อมกับซุป” เขาอมยิ้มเมื่อเห็นขวัญดาวตักกรูตองซ์เข้าปากพร้อมกับซุปแล้วพยักหน้าว่าอร่อย “ขิงอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมซุปที่ผมทำถึงอร่อย”
ขวัญดาวพยักหน้า ยิ้มพาซื่ออย่างไม่ได้คิดอะไร แค่อยากจดจำสูตรอร่อยๆ ไปลองหัดทำดู จะได้กลับไปทำให้บิดาลองชิมดูบ้าง เพราะถ้าชวนเข้าไปร้านอาหารหรูๆ ท่านคงไม่ยอมไป
“ค่ะ ขิงอยากรู้ค่ะ”
เตชัสยิ้มหล่อ จ้องหน้าใสๆ ที่ไม่ได้สวยใสด้วยศัลยกรรมเหมือนสาวๆ ส่วนใหญ่ที่เขาเจอ “ผมใส่ใจ แล้วก็ใส่ความ...”
ขวัญดาวนิ่งอึ้งไป อ้าปากค้างจนเตชัสประหลาดใจ เขายังหยอดมุกจีบเธอไม่เสร็จ ทำไมขวัญดาวเก็ตกับสิ่งที่เขากำลังสื่อง่ายดายขนาดนี้
“คุณเตคะ ข้างหลังค่ะ คุณเต” ขวัญดาวชี้มือไปด้านหลังของเขา บนโต๊ะบาร์ที่เขาจับเจ้าวาฬนั่งแล้วใช้แขนกำยำประคองร่างจ้ำม่ำอยู่
“ทำไมครับ”
เตชัสหันหลังกลับไปมอง แล้วมีสีหน้าเหมือนช็อกหนัก จากนั้นก็ครางเบาๆ
“พระเจ้า ซุปปลาวาฬ” เขาหันกลับไปมองหน้าสาวเจ้าที่ยังตาแข็งค้างจ้องน้องปลาวาฬที่เขียวไปทั้งตัว
ขวัญดาวอ้าปากค้าง “ที่มาของมนุษย์ตัวเขียว” อดนึกถึงฮัลก์มนุษย์ตัวเขียวจอมพลังไม่ได้
เพราะคนป้อนมัวแต่หันไปจีบพี่เลี้ยง เจ้าหนูกินเก่งอดทนรอของอร่อยไม่ไหว ซุปอีกถ้วยอยู่ใกล้มือเลยตักกินเอง แต่ไม่เข้าปากสักช้อน ซุปสีเขียวเลยกระจายอยู่เต็มตัวตั้งแต่หัวจดปลายเท้า บางส่วนยังกระเซ็นไปถูกเสื้อทำงานของเตชัสอีกด้วย
“งานเข้าแล้วขิง เขียวไปทั้งตัว”
ขวัญดาวตีสีหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะขำหรือจะสงสารแกดี
“น้องปลานิลขา หนูไม่อิ่มใช่ไหมลูก”
ส่วนมืออีกข้างของแกจุ่มไปในถ้วยซุป โชคดีที่เตชัสยังรอบคอบไม่ได้วางซุปร้อนๆ ใกล้มือเด็ก ซุปนั้นเป็นซุปที่เย็นแล้ว เขาเตรียมไว้เผื่อปลาวาฬไม่อิ่ม
“คุณเตไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เถอะค่ะ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย ขิงพาน้องปลาวาฬไปอาบน้ำก่อน แล้วจะป้อนซุปต่อให้เอง”
เตชัสพยักหน้า “ก็ดีครับ” เพราะเช้านี้เขาเองก็ต้องรีบไปจัดการงานบางอย่างในบริษัทที่ค้างคาเอาไว้ให้เสร็จ
ร่างสูงหันกลับจะก้าวเดินไปทางห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่เตชัสจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ กริ่งสัญญาณที่หน้าห้องก็ถูกกด ส่งเสียงบอกว่ามีใครมา
“ใครมาแต่เช้า...” เขาหันมาบอกขวัญดาวที่กำลังอุ้มมนุษย์ตัวเขียวไปอาบน้ำ “คุณไปอาบน้ำให้ปลาวาฬเถอะ เดี๋ยวผมไปเปิดประตูเอง”
เสียงกริ่งสัญญาณที่หน้าประตูห้องดังขึ้นซ้ำๆ เตชัสถอนใจ “ใครนะ ใจร้อนเหลือเกิน”ร่างสูงอยู่ในชุดพร้อมไปทำงาน ติดตรงที่ว่าเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนครึ่งท่อน บางส่วนของเสื้อถูกป้ายด้วยซุปสีเขียวเป็นจุดๆ
ร่างสูงมองไปทางประตูหน้าห้องแล้วเปลี่ยนทิศทางจากที่จะมุ่งตรงไปห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ เดินไปที่ประตูหน้าห้อง เขากำลังจะเปิดประตู แต่แล้วก็เปลี่ยนใจค้อมศีรษะส่องไปที่ตามแมว คนที่ยืนกดกริ่งสัญญาณอยู่นั้นไม่มีทางที่เขาจะจำผิด
“คุณแม่ ยายริน มาได้ถูกเวลาจริงๆ” เตชัสเห็นเค้าลางความวุ่นวายกำลังจะเกิด หญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันสวมชุดเดรสสีครีม มีกระเป๋าล้อลากมาด้วย
ชายหนุ่มพึมพำ “นอกจากจะมาดูหน้าลูกเจ้าฉัตรแล้ว จะมายัดเยียดยายรินเป็นแม่เจ้าปลาวาฬด้วยแน่ๆ คุณแม่นะคุณแม่ คิดว่าลูกชายหาเมียเองไม่ได้หรือไง”
เขารู้มาตลอดว่ามารดาจงใจยัดเยียดปารารินมาเป็นภรรยาของเขา เสียแต่ว่าเขาเห็นปารารินเป็นน้องสาวคนหนึ่ง ตั้งแต่วันที่มารดารับเธอมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คนอย่างเตชัสไม่ใช่นายฉัตรเทพ ที่คุณแม่บงการอะไรแล้วไม่พอใจก็ได้แต่เงียบ
มือหนาสแกนนิ้วมือและกดรหัสหกหลักบนหน้าจอจากนั้นประตูก็เปิดออก เตชัสหรี่ดวงตาแคบ แล้วส่งยิ้มให้มารดา เลยไปถึงน้องเลี้ยงที่มองเขาแวบหนึ่งแล้วก้มเก็บซ่อนหน้า ตาชัสวกกลับมามองมารดาที่เดินกอดอกผ่านหน้าลูกชายตัวดีเข้ามา
“ไหนล่ะลูกชายของนายฉัตร” คุณธัญวดีกวาดสายตามองหา
เมื่อวานที่รู้ข่าวนางช็อกมาก เพราะได้ทาบทามลูกสาวไฮโซรายหนึ่งไว้ให้ฉัตรเทพ ตั้งใจว่าฉัตรเทพกลับมาที่บ้านเมื่อไรก็จะนัดวันดูตัวให้ทันที แต่สิ่งที่นางคิดไว้ก็ไม่เป็นดังฝัน เพราะลูกชายจากไปอย่างกะทันหันเสียก่อน
นางเสียใจมาก ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องจริง ตอนนี้นางก็ยังทำใจไม่ได้เลย ทว่าอย่างไรเสียก็ยังเหลือลูกชายอีกคนที่เป็นความหวังเดียวจะให้สืบทอดวงศ์สกุลต่อไป