ที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจไปขอหวยในเวลางานแบบที่ถูกต่อว่า พอดีวันนั้นเธอต้องเดินเอาเอกสารไปให้แผนกคลังสินค้า เลยต้องใช้เส้นทางที่ผ่านต้นโพธิ์ใหญ่
เตชัสทำหน้าขรึมใส่แล้วจ้องหน้าคนทำเด็กร้องไห้ สั่งการเสียงเข้ม “ทำเด็กร้องไห้ก็หนึ่งเคส ขอหวยในเวลางานก็อีกหนึ่งเคส ผมว่าคุณต้องชดเชยความรู้สึกให้น้องปลาวาฬ และชดเชยที่ใช้เวลางานไปทำเรื่องส่วนตัว วันนี้ยังไม่ต้องกลับบ้าน ดูน้องปลาวาฬให้ผมต่ออีกสองสามวัน จนกว่าผมจะได้พี่เลี้ยง ส่วนเรื่องการลาไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมเป็นธุระให้เอง”
“อะไรนะคะ!” น้องปลาวาฬเธอก็เอ็นดูอยู่หรอก แต่งานของเธอมีน้อยเสียเมื่อไหร่ อีกอย่างถ้าคนที่บริษัทรู้เข้าว่าเธอไม่ไปทำงานแต่มาเลี้ยงหลานให้คุณเตชัส เธอไม่อยากได้ยินคำครหาว่าคิดจะจับเจ้านาย
ขวัญดาวทำหน้าเหวอ “แต่ว่า...”
เตชัสกอดอกขยับเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจ้องคนตัวเล็กกว่าที่มีส่วนสูงระดับอกเขา “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าพร้อมแล้วก็ออกไปกินข้าว จะได้มีแรงเลี้ยงน้องปลาวาฬ ชดเชยที่ชอบเอาเวลางานไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
ขวัญดาวถูกเขาบังคับด้วยสายตาจนต้องอุ้มน้องปลาวาฬเดินตามเขาเข้าไปดูซุปในครัวด้วยสีหน้าสับสน ริมฝีปากนุ่มขยับบ่นพึมพำ “ทำผิดในงาน แต่ให้มาทำงานชดเชยที่บ้าน มันใช่เหรอ” ทว่าก้มลงมองทารกที่อุ้มกอดแนบอกอยู่ “ถ้าน้องปลาวาฬไม่น่ารักน่าเอ็นดูจนพี่ขิงทิ้งไม่ลงขนาดนี้ พี่ขิงไม่ยอมคุณเตหรอก”
ทารกน้อยเบิกตากว้าง แล้วคลี่ยิ้มปากบานเหมือนรู้ว่าถูกชมว่าน่ารัก
“แอ้ แอ้”
ทว่าคนที่เดินนำไปก่อนนั้นหูดีได้ยินเสียงพึมพำ จึงหันกลับมามองใบหน้าสวยที่มองสบตาเขาเข้าพอดี
“คุณบ่นอะไรเมื่อตะกี้ ไม่พอใจ หาว่าผมใช้ความเป็นเจ้านายบังคับคุณให้ช่วยเลี้ยงหลานเหรอ”
สาวน้อยพยายามระงับความคิดไม่ให้ไปตอบโต้ “เปล่าค่ะ” แล้วเสมองไปทางอื่น ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด
เตชัสหันกลับไป แววตาเจ้าเล่ห์ฉายวาบขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
‘อยู่ที่บริษัทหาจังหวะจีบยาก เอามาอยู่ที่บ้านจะได้หาทางเข้าไปจีบง่ายๆ หน่อย’
ตอนที่ 6 ขอดูหน้าหน่อย
ครู่ต่อมา ขวัญดาวอุ้มน้องปลาวาฬตามเตชัสเข้ามาในครัว กลิ่นหอมที่โชยมาจากในครัวปลุกให้ทารกตัวกลม ดวงตาใสแจ๋วกลมโต ยืดคอมองตามกลิ่นไป
“หม่ำ หม่ำ”
อาการชะเง้อคอมองตามนั้นทำให้ขวัญดาวรู้ว่าน้องปลาวาฬคงหิว ดวงหน้าสวยหวานก้มมองเด็กน้อยด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะลดหน้าลงไปแอบหอมหน้าผากกว้างของแก สูดดมกลิ่นแป้งผสมเนื้อเด็กอ่อน แล้วยิ้มหวานหยอกเย้า
“น้องปลาวาฬอยากหม่ำแล้วใช่ไหมคะ”
ทารกตัวกลมดีดดิ้นพลางยืดตัวขึ้นจนขวัญดาวต้องอุ้มดีๆ เพราะกลัวแกตกลงไป
“หม่ำ หม่ำ”
พี่เลี้ยงจำเป็นก้มลงไปกระซิบเบาๆ “กลิ่นหอมดีเนอะ ผิดคาดกับที่พี่ขิงคิดเอาไว้ นึกว่าต้องทำซุปใหม่ให้น้องปลาวาฬกินแล้ว” พอเห็นอาการยัดกำปั้นป้อมๆ ใส่ปาก ขวัญดาวก็ส่ายหน้าระอาแกมเอ็นดู แล้วเอื้อมมือไปดึงกำปั้นออกจากปากของแก
“ไม่เอาๆ ค่ะน้องปลาวาฬ เอากำปั้นออกจากปากก่อนนะ เดี๋ยวเราจะได้กินอาหารเช้าแล้วค่ะ”
ขวัญดาวมองแผ่นหลังกำยำที่เดินไปตรงบริเวณเคาน์เตอร์บิลต์อินสีขาวเรียบหรู ตักซุปอะโวคาโดออกจากหม้อใส่ถ้วยเซรามิกสีขาวทนความร้อนสองถ้วยที่เตรียมเอาไว้แล้วสามถ้วย สองถ้วยแรกของเจ้าปลาววาฬกับขวัญดาว ส่วนอีกถ้วยเขาตักไว้เผื่อใครไม่อิ่ม ท่าทางเขาดูชำนาญกว่าที่เธอคิดไว้มาก พอตักซุปใส่ถ้วยเสร็จ เตชัสก็หันกลับไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องเก็บอาหารสุญญากาศออกมา ใช้ที่คีบอาหารคีบปลาแซลมอนรมควันจากในกล่องวางลงบนถ้วยซุปสีเขียวเข้มทั้งสอง แล้วยังโรยหน้าด้วยกรูตองซ์ที่อบเองอีกถ้วยละสี่ห้าชิ้น
เตชัสทำอย่างตั้งใจ ใส่ใจทุกรายละเอียด จนสองชีวิตที่กำลังมองเขาทำซุปตาปรอย เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พอดีกับชายหนุ่มทำเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นสาวน้อยกับทารกจ้ำม่ำกำลังจ้องเขาด้วยสายตาตะลึงราวกับว่าเหลือเชื่อ
“คิดว่ามันพอจะกินได้ไหม”
ริมฝีปากนุ่มขยับตอบคำถามเขา “กินได้สิคะ งานดีขนาดนี้” ขวัญดาวสะดุ้งเฮือกรีบปรับเปลี่ยนสีหน้า “ซุปของคุณเตออกจะน่ากินค่ะ”
“เอิ๊กๆ ๆ” พอดีกับน้องปลาวาฬขำขึ้น ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าแกกำลังขำอะไร
ทว่าเสียงขำนี้ทำเอาคนอุ้มหน้าเจื่อนไปราวกับถูกเด็กน้อยจับผิดเอา ขวัญดาวรู้สึกอายจนต้องมองเมินไปทางอื่น ทั้งหมดอยู่ในสายตาเตชัส เพียงแต่เขาวางสีหน้าเรียบเฉยไม่อยากทำให้เธอเขิน
“สงสัยเจ้าวาฬยักษ์มันจะอารมณ์ดีเนอะ หัวเราะไม่หยุด”
เขาเดินมาลูบหัวกับแก้มพองๆ ของเจ้าวาฬแล้วเหลือบมองคนแก้มแดงระเรื่อ
“ไปกินซุปกันดีกว่า ส่งแกมา เดี๋ยวผมอุ้มเอง”
ขวัญดาวเองก็เริ่มปวดแขน เพราะน้องปลาวาฬน้ำหนักมากกว่าทารกวัยเดียวกัน เธอจึงส่งปลาวาฬตัวกลมให้เขาอุ้มอย่างระมัดระวัง
เตชัสอุ้มทารกตัวใหญ่เกินวัย ในขณะที่มืออีกข้างจับมือขวัญดาวจูงให้เดินตามไปที่โต๊ะบาร์สีขาวสำหรับรับประทานอาหาร พอใกล้ถ้วยซุป เจ้าหนูก็ปล่อยน้ำลายไหลย้อยออกมา
“หม่ำ หม่ำ”
น้ำลายใสๆ ที่ไหลตกลงบนหลังมือคนอุ้มทำให้ขวัญดาวคิดจะเอาผ้าเช็ดน้ำลายออกจากมือเตชัส แต่เพิ่งรู้สึกว่ามือข้างขวาของเธออยู่ในมือเขาจึงดึงมือออกช้าๆ อย่างเขินอาย
“คุณเตปล่อยมือขิงได้แล้วค่ะ น้ำลายน้องปลาวาฬจะหกลงถ้วยซุปอยู่แล้วนะคะ มา ขิงเช็ดให้”
ขวัญดาวเอาผ้าสะอาดเช็ดที่แก้มพองๆ ก่อนค่อยมาเช็ดหลังมือให้เตชัสจนสะอาด ภาพท่านประธานเข้าครัวเตรียมอาหารทำให้เธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างประหลาด ผิดจากท่านประธานที่ทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง ลงตรวจแต่ละแพลนต์เองทุกวัน มีวิศวกรเดินตามเป็นทิวแถว หัวใจดวงน้อยเต้นตุบๆ พยายามบอกตัวเองว่าแค่ประหม่าไป ก่อนหน้านี้เธอก็ทำงานกับเขามาสักระยะ แต่ทำไมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
ขวัญดาวอ้าปากค้างเมื่อป้อนซุปอะโวคาโดให้น้องปลาวาฬแทบไม่ทัน พอช้อนซุปถูกจ่อเข้าปาก เจ้าหนูก็กลืนหายๆ จนคนทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“อร่อยใช่ไหมเจ้าแสบ กินเยอะๆ นะ ถ้าถูกใจ วันหลังจะทำให้อีก” เตชัสเห็นเจ้าวาฬยักษ์กินได้มากขนาดนี้ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยที่ตื่นมาเตรียมอาหารให้ตั้งแต่ตีห้า
เจ้าวาฬยักษ์ไล่อ้าปากตามช้อนซุปราวกับปลาจะกระโดดฮุบเหยื่อจนเตชัสหลุดขำออกมา