“เต” คุณธัญวดีเรียก ทำให้เตชัสดึงสายตาจากใบหน้าสวยของขวัญดาวกลับมา เขาตีหน้านิ่ง แล้วฟังมารดาพูดต่อ “ยังไงก็รีบทำเรื่องรับปลาวาฬเป็นลูกให้เร็วที่สุด ถ้าทางนั้นมีปัญหาอะไรก็มาบอกแม่ บอกตามตรงแม่อยากได้หลานชายคนนี้ไว้”
“ครับ ผมก็อยากเลี้ยงหลานไว้เอง ยังไงผมจะรีบติดต่อไปทางบ้านของแม่ปลาวาฬให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่มีข้อมูลเรื่องแม่ของปลาวาฬรู้เพียงว่าแม่แกเสียไปแล้ว”
คุณธัญวดีฟังแล้วมองหน้าหลานรู้สึกสงสารน้องปลาวาฬขึ้นมา “น่าสงสาร”
“คุณแม่คะ ยังไงให้รินอุ้มบ้างสิคะ หลานน่ารักน่าชังจริงๆ รินอยากเลี้ยงเองเลยนะคะ” ปารารินเสนอตัว เพราะอยากมีซีนน่ารักกับเขาบ้างเพื่อเตชัสจะมองเห็น ไม่อย่างนั้นเตชัสจะมองว่าเธอไม่รักหลาน
“เอาสิ ยายริน ลองเลี้ยงหลานไปก่อน ต่อไปแต่งงานแล้วก็มีเป็นของตัวเองสักคน อีกอย่างถ้าปลาวาฬเป็นลูกของเตแล้ว ต่อไปก็เป็นลูกของรินเหมือนกันนั่นแหละ” คุณธัญวดีรีบพูด ปรายตามองไปทางขวัญดาวที่ยืนมองพ่อหนุ่มน้อย ทว่าพอขวัญดาวเห็นสายตาของคุณธัญวดีที่มองมาเธอก็มองตอบพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
‘มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าหน้าเรามีอะไรติดเหรอ’
ขวัญดาวไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่คนในครอบครัวนี้คุยกันสักนิด เพราะรู้ตัวดีว่าแค่มาเลี้ยงหลานให้ท่านประธานเพื่อรอเวลาให้เขาหาคนเลี้ยงตัวจริงมาได้เท่านั้น
“คุณแม่ครับ ผมไม่ชอบให้คุณแม่จับคู่ผมกับรินนะครับ ผมบอกไปหลายครั้งแล้วคุณแม่ไม่ฟังผมเลย”
คนที่เพิ่งยื่นมือไปรับเด็กทารกตัวอ้วนกลมมาไว้ในมือถึงกับชะงัก ปารารินซ่อนความไม่พอใจไว้ภายใต้ใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ขวัญดาวเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน
นี่เธอมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาหรือเปล่า และก็เห็นสายตาสะบัดๆ ของคุณธัญวดีที่มองมาอีกหน ครั้งนี้ขวัญดาวเพิ่งจะเข้าใจกับท่าทางประหลาดของคุณธัญวดีคงกลัวลูกชายจะมาสนใจเธอเพราะเล็งว่าที่เมียไว้ให้ลูกชายแล้ว
คุณเตชัสถูกจับคู่กับผู้หญิงคนนี้หรอกหรือเนี่ย
ขวัญดาวยิ่งทำตัวลีบขึ้น เธอไม่เกี่ยวด้วยนะ นี่คือสิ่งที่ขวัญดาวอยากพูดออกไป แต่ทำไม่ได้ เธอไม่น่ามาอยู่ในสถานการณ์ชวนน่าอึดอัดแบบนี้เลย จึงพยายามก้าวถอยหลังออกไปอย่างระมัดระวัง
ทว่าเสียงแผดร้องดังของเจ้าปลาวาฬน้อยก็ทำให้ต้องสาวเท้าเข้าไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว
“แอ๊!!!”
“ปลาวาฬเป็นอะไรคะ”
“เป็นอะไรไปคะ อย่าร้องนะคะ” ปารารินเห็นขวัญดาวจะเข้ามาแย่งไป จึงพยายามปลอบร่างเล็กในอ้อมแขน
เธออุ้มยังไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ เจ้าเด็กบ้านี่ก็ร้องไห้จ้าออกมาราวกับถูกน้ำร้อนลวก ปารารินพยายามฝืนยิ้มหวานเพราะอยู่ต่อหน้าว่าที่สามีและแม่สามีในอนาคต แต่ยิ่งห้ามเจ้าเด็กอ้วนก็เหมือนยิ่งยุ ปลาวาฬน้อยร้องไม่หยุดแถมหน้าตาขาวผ่องตอนนี้แดงก่ำไปหมด
“คุณแม่คะ เด็กนี่ เอ๊ย หลานเป็นอะไรก็ไม่รู้”
“ไหน แม่มาดูสิ” คุณธัญวดีเอามาอุ้มแต่ว่าเจ้าปลาวาฬน้อยที่เคยยิ้มให้ตอนนี้กลับเอาแต่ส่งเสียงร้องไม่หยุดจนทำให้ผู้ใหญ่ตรงนั้นปวดหัวไปตามๆ กัน “ปวดท้องหรือว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าปลาวาฬ”
“ไม่สบายหรือครับ ไหนผมดูหน่อย” เตชัสยื่นหน้าเข้าไปดู ตอนนี้มีแต่คนมุงเจ้าพุงป่องจนหมด แม้ทุกคนพยายามปลอบเท่าไรแต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมหยุดร้อง จนขวัญดาวต้องแทรกเข้าไป
“ขิงขอดูน้องหน่อยค่ะ” ขวัญดาวอุ้มปลาวาฬออกมา “น้องคงหิวค่ะ เพราะแกยังกินไม่อิ่ม ให้ขิงอุ้มไปป้อนข้าวก่อนดีกว่านะคะ” ขวัญดาวได้โอกาสเลยรีบหาทางเลี่ยง แต่ไม่คิดว่าจะทำให้คนในวงนั้นหันมามองเธอตาปริบๆ แล้วคุณธัญวดีก็กรีดเสียงสูงขึ้นมา
“นี่เธอเลี้ยงหลานฉันยังไง ทำไมปล่อยให้หิวจนร้องไห้แบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกัน หลานฉันไม่ใช่เด็กข้างถนนนะจะได้เลี้ยงให้อดได้น่ะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับคุณแม่” เตชัสรีบห้ามเพราะเรื่องบานปลายไปกันใหญ่ “ขิงเขาก็ป้อนซุปให้ปลาวาฬกินอยู่ แต่ว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยตอนที่ป้อน ขิงเลยพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ก็อย่างที่คุณแม่เห็นตอนเข้ามานั่นแหละครับ ขิงพาไปอาบน้ำมา”
“เข้าข้างกันเชียวนะเต”
“ผมไม่ได้เข้าข้างครับ แต่ผมพูดความจริง คุณแม่จะให้รินเขาพาไปป้อนอาหารก่อนไหมล่ะครับ จะได้ดูว่าปลาวาฬหิวจริงหรือเปล่า”
เตชัสก้มมองเสื้อทำงานตัวเอง “ก่อนคุณแม่มาก็ป้อนซุปไปแล้ว แต่เจ้าปลาวาฬมันกินดุมาก ผมเผลอนิดเดียว เอาช้อนไปตักซุปเอง จนเละไปทั้งตัว ดูเสื้อผมสิครับ” เตชัสมองเลยมารดาไปหยุดสายตาที่น้องสาว “ลองป้อนอาหารให้หลานดูไหมริน”
ลึกๆ แล้วปาราริน ไม่ชอบเด็กจึงรีบส่ายหน้า ถ้าให้ป้อนข้าวพี่เตชัสค่อยน่าสนใจหน่อย ขณะที่เตชัสลอบยิ้ม คิดไว้แล้วว่าปารารินต้องรีบปฏิเสธ
คุณธัญวดีหันไปมองหน้าสายตาไม่แน่ใจ ปารารินรู้ตัวว่ารีบพูดเร็วไป ดูเป็นการไม่รักหลาน เลยแก้ตัวอ้อมแอ้ม “เอ่อ คือคุณแม่คะ รินอยากเลี้ยงหลานเองมากเลยนะคะ แต่ว่ารินอยากทำอาหารให้หลานกินด้วยตัวเองมากกว่า วันนี้ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ยังไงวันนี้เราปล่อยให้เขาเลี้ยงกันไปก่อนดีไหมคะ วันหลังเราค่อยมาใหม่ จะได้มาเลี้ยงหลานกันทั้งวัน” ปารารินมองเสื้อผ้าของเตชัส “เพราะวันนี้พี่เตคงต้องรีบไปทำงาน”
คุณธัญวดีมองหน้าปาราริน “เอาแบบนั้นเหรอริน แต่เราเพิ่งมาเองนะ แม่ยังไม่ทันได้เล่นกับหลานเลย” ก่อนจะเหลือบมองไปที่เจ้าปลาวาฬ หน้าตาน่าเอ็นดูกว่าที่นางคิดไว้มาก
“คุณแม่คะ คุณแม่มีห้องเด็กกับของใช้เด็กแล้วหรือคะ อย่าเพิ่งรีบเลยค่ะ รินว่าเรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า ไปเตรียมของให้หลานไงคะคุณแม่”
คุณธัญวดีมองหลานชายตัวกลมแล้วพยักหน้ารับคำอย่างเห็นด้วย ตอนแรกไม่คิดว่าหลานจะน่ารักน่าชังขนาดนี้ แต่ตอนนี้อยากได้ไปเลี้ยงเองเหลือเกิน
ปารารินขยับไปมองปลาวาฬใกล้ๆ แล้วเอานิ้วจิ้มแก้มพองๆ “คนดีอยากไปอยูกับคุณย่ากับคุณแม่ เอ้ย อารินแล้วใช่ไหม เดี๋ยวอาจะไปเตรียมห้องให้นะคะ”
ทารกตัวใหญ่แหงนมองหน้าปาราริน ไม่คุ้นหน้า ไม่ชอบที่คนแปลกหน้ามาจิ้มแก้ม แกเลยอ้าปากแผดเสียงร้องไห้จ้าไม่หยุด
“แอ้ แอ้...”
ปลาวาฬกระทุ้งเท้าไปมา จนปารารินรีบถอยห่าง
‘เด็กบ้า ร้องเก่งจัง เสียงก็ดังน่ารำคาญ’
“ร้องทำไมลูก” คุณธัญวดีขยับเข้าไปมอง “อย่าร้องนะครับลูก คนดีของย่า”
ขวัญดาวก้มหน้าลงไปพูดปลอบ “น้องปลาวาฬคนดี ไม่ร้องนะคะ หยุดร้องนะ เดี๋ยวไปกินซุปกัน”