“คัท!!!อุบัติร้าย อุบายรัก ปิดกล้อง!!!”
“เย่!!!!” เสียงทีมงานในกองส่งเสียงออกมาอย่างดีใจ เมื่อสิ้นเสียงของผู้กำกับสั่งคัท นักแสดงหลายคนปรบมือขึ้นด้วยความดีใจ บ้างก็วิ่งเข้าไปรุมดูจอมอนิเตอร์ เพื่อเช็กงานซีนสุดท้าย
“ขอบคุณน้องเพตรา น้องรีวายและนักแสดงทุกท่านเลยนะ ทำได้ดีมากๆ ครับ” เสียงเข้มของผู้กำกับเอ่ยขึ้นพร้อมกับนั่งลงดูจอมอนิเตอร์ที่เป็นฉากปิดกล้องของละครเรื่องนี้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
“ขอบคุณทีมงานทุกคนนะคะ” ฉันยกมือไหว้ทีมงานในกองทุกคนด้วยสีหน้ายินดีปรีดา เต็มเปี่ยมไปด้วยเลือดฝาด ในที่สุดก็ปิดกล้องซะที หลังจากที่เราเร่งถ่ายซีนสุดท้ายยาวนานกันมาเกือบ24ชั่วโมง เพื่อให้ทันวันออนแอร์และละครออกมาดีที่สุด
“แอบเสียดายนะเนี่ย ผมนึกว่าเพตราจะจูบจริงซะอีก”
“ถอยไปน่ารีวาย!” ฝ่ามือนุ่มนิ่มของฉันดันแผงอกของรีวาย ดาราหนุ่มที่ประกบคู่เป็นนักแสดงนำกับฉันให้ออกห่าง ตอนที่เขาพยายามยื่นจมูกคมเข้ามาคลอเคลียต้นคอของฉัน
“เสียดาย” แขนแกร่งปล่อยฉันออกจากกอดปลอมๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเขาจะต้องปล่อยตัวฉันตั้งแต่ได้ยินเสียงผู้กำกับสั่งคัทแล้ว ชักจะยุ่มย่ามกับฉันเกินไปแล้วนะ นี่ถ้าไม่เกรงใจว่าเขามีงานที่กองอื่นต่อฉันปล่อยหมัดใส่หน้านายนี่ไปแล้ว
“หิวแสง! อยากเป็นข่าวกับฉันนักรึไง”
ริมฝีปากอวบอิ่มแสยะยิ้มมุมปากอย่างเหยียดๆ รีวายเขาเป็นนักแสดงนำที่ชอบมาทำหยุมหยิมกับนักแสดงหน้าใหม่ หรือไม่ก็นักแสดงที่มีชื่อเสียง ไม่อยากคิดว่าเขาเป็นพวกชอบเกาะกระแสหรอกนะ เพราะด้วยฝีมือการแสดงของเขาก็ดีใช้ได้ แต่เสียตรงที่เขาชอบทำรุ่มร่าม มือไม้เป็นปลาหมึก แต๊ะอั๋งดาราผู้หญิง ยิ่งเป็นดารารุ่นน้องที่ไม่กล้าทักท้วง เขายิ่งชอบรังแก แต่กับฉันไม่ได้แอ้มหรอก
“หึ!ปากดี หยิ่งไปเถอะเพตรา”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับนายนะ แต่คิดว่านี่คงเป็นงานสุดท้ายที่ฉันจะร่วมกับคนแบบนาย”
“นี่เธอ!!”
แกร๊ก!
“เฮ้ย!”
“ถอยออกให้ห่างจากคุณหนู...ก่อนที่ฉันจะระเบิดหัวนายด้วยไอ้นี่” ยังไม่ที่รีวายจะสัมผัสโดนแขนของฉันอีกครั้ง ปืนสั้นสีดำวาวในมือของพิธาก็ถูกขึ้นลำ เล็งประชิดไปยังหน้าผากของรีวาย
“เชี่ยเอ๊ย!” รีวายถอยกรูดไปสองสามก้าวด้วยใบหน้าหน้าที่ซีดเผือด หันรีหันขวางหาคนช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครสนใจกลุ่มฉันเลยสักคน เพราะนักแสดงต่างรีบไปเปลี่ยนชุดและทีมงานก็กำลังเก็บอุปกรณ์ต่างๆ
“คิก~ เบาหน่อยพิธา เดี๋ยวเขาจะฉี่ราดลงตรงนี้ฉันอายแทน” ฉันกลั้วขำยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะอย่างมีจริต มองภาพตรงหน้าอย่างเป็นเรื่องปกติ พิธาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉัน ที่คุณพ่อส่งมาดูแลฉันน่ะ
“กรี๊ด!!! นี่มันเรื่องอะไรกันคะคนสวยของพี่” พี่จี้ผู้จัดการส่วนตัวของฉันวิ่งปรี่เข้ามากอดแขนฉันเอาไว้แน่น “คุณพิธา เก็บปืนก่อนค่า โอ๊ย! จี้จะเป็นลม”
“เก็บปืนลงก่อนเถอะพิธาเดี๋ยวนายจะได้แบกพี่จี้กลับบ้านนะ”
“ครับคุณหนู” ฉันมองพี่จี้แล้วก็อดขำไม่ได้กับภาพผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังกุมหน้าอกข้างซ้าย พร้อมกับหายใจกระหืดกระหอบอยู่ข้างๆ ฉัน เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่พิธาชักปืนเล็งไปทางรีวายเมื่อสักครู่
“ขอบคุณนะพ่อบอดีการ์ดกล้ามปู เก็บไปเลยจ๊ะพ่อคุณ!!”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ผมกลับแล้วนะพี่จี้ หวัดดีพี่” รีวายยกมือไหว้พี่จี้ลวกๆ ส่งสายตาอาฆาตมาทางฉันก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปทางห้องแต่งตัว
“นี่ก็เหรอเกิน ถ้าพี่มาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นคะ” พี่จี้สาวสองแสนสวย หุ่นบึกบึนที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉันเดินบ่นมาตามทางเดินที่จะไปยังห้องแต่งตัวนักแสดง กระเป๋าแบรนด์เนมใบใหญ่ที่คล้องอยู่ในแขนของเธอเหวี่ยงไปมาแทบชนเข้าสะโพกของฉัน
“ช่วยไม่ได้ค่ะ นายนั่นอยากมาทำรุ่มร่ามใส่เพตราทำไม นั่นมันน้อยไปด้วยซ้ำกับพวกชอบจิกตอดกินเล็กกินน้อยกับผู้หญิง”
“ค่า~ ลูกสาวรีบไปเปลี่ยนชุดดีกว่าค่ะคุณแม่โทรมาตามหลายรอบแล้ว เดี๋ยวไม่ทันลงเรือ”
“เพตราไม่อยากไปเลยค่ะพี่จี้"สองเท้าเรียวหยุดกะทันหัน หมุนตัวกลับไปเกาะแขนพี่จี้ไว้อย่างออดอ้อน "เราหนีงานนี้กันดีมั้ยคะ”
“ว้าย!! คุณน้อง อย่าแม้แต่จะคิด พี่ยังไม่อยากตายเพราะฝีมือเมียมาเฟียนะคะ ได้ข่าวว่าหายไปแบบไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลยนะ ถ้าใครขัดคำสั่งนายหญิงเพนนี โอ๊ย! อย่าหาทำค่ะลูกสาว รีบไปค่ะลูก!” ฉันแอบขำเบาๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบแทบจะทันทีของพี่จี้
“พี่จี้กลัวคุณแม่ขนาดนั้นเชียว”
"อย่าเรียกว่ากลัวค่ะ เรียกว่าเกรงกลัวมากขึ้นมากที่สุดน่าจะเหมาะกว่า"
"คุณแม่ออกจะใจดี แค่หนีงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนท่านเฉยๆ ท่านไม่ทำอะไรพี่จี้หรอกค่ะ"ฉันรบเร้าไปทางพี่จี้ด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด
"น้อยไปสิคะไปค่ะเพตรา พูดแล้วขนหัวลุก"
"นั่นแม่ ไม่ใช่ผีจะได้ขนลุก"
"ไปค่า~คนสวย อย่ามัวโอ้เอ้!"มืออันเท่าฝาบ้านของพี่จี้ดันหลังให้ฉันเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวอย่างเร็วรี่ เพราะตอนนี้นายหญิงเพนนีผู้เป็นแม่ของฉันจะโทรตามตัวอีกแล้ว
"ส่วนคุณกล้ามปูรออยู่หน้าห้องนะค้า สาวๆ ของเปลี่ยนชุดก่อน อ๊าย~ปืน”
สาวสองสะดุ้งเฮือกเมื่อพิธาเปิดชายเสื้อสูทออกทำให้เห็นปืนพกสีดำที่เหน็บอยู่ตรงเอว เหมือนตั้งใจให้เห็นมัน พี่จี้ยิ้มเจื่อนไปทางบอดี้การ์ดตัวโต ก่อนจะรีบวิ่งตามฉันเข้ามาในห้องแต่งตัว
ครืดๆๆๆ
สายเข้า~หม่ามี้
"เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ค่ะ~"ฉันแกล้งกรอกเสียงล้อเลียนระบบตอบรับอัตโนมัติของโทรศัพท์ พลางแกะต่างหูออกไปด้วย หลังจากกดรับสายที่โทรเข้ามาของคุณแม่
(อย่ามาแกล้งแม่นะยัยเพต)
"สวัสดีค่า~ ส.บูรพาหีบศพค่า~"
(ยัยเพต!!!)
"อ้าย!!"มือเล็กรีบดึงไอพอดออกจากหูหลบเสียงหวีดของผู้เป็นแม่แทบไม่ทัน พร้อมกับลูบหูป้อยๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นไปยัดลงหูอีกครั้ง
"แก้วหูลูกแตกกระจุยกระจายหมดแล้วค่ะคุณแม่!!"
(สมแล้วมั้ยแกล้งแม่ดีนัก)
"โถ่~แม่ขา"ฉันกรอกเสียงหวานลงไปอย่างออดอ้อน มือก็จัดความเรียบร้อยของชุดที่พึ่งเปลี่ยนไปด้วย
(ถึงไหนแล้วคะ คนของแม่รายงานแล้วนะ ว่าลูกถ่ายละครเสร็จแล้ว เมื่อไหร่จะถึงสักที ให้ผู้ใหญ่รอ... )
"อื้อ~แม่คะ ลูกแต่งตัวใกล้เสร็จแล้วค่ะ เตรียมพานไว้ได้เลย แม่ได้ยกลูกสาวถวายพานให้คนบ้านนั้นแน่นอน"
ฉันรีบตัดบทคุณแม่ออกทางประชดประชัน ถึงเรื่องที่ท่านกำลังพยายามยัดเยียดคู่หมั้นลึกลับให้กับฉัน
(เพต!)
"เพตราขอโทษค่ะคุณแม่ ลูกจะออกเดินทางแล้วล่ะค่ะ อีกครั้งชั่วโมงเจอกันนะคะ"นิ้วเรียวกดวางสายผู้เป็นแม่อย่างเซ็งจิต มองตัวเองผ่านทางกระจกเงาด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย
"เลี่ยงไม่ได้แล้วใช่มั้ยรอบนี้"เจ้าของใบหน้ารูปไข่พยักน้อยเบาๆ โผเข้ากอดพี่จี้เอาไว้หลวมๆ เธอเองก็ลูบหัวของฉันกลับอย่างปลอบประโลม "เลี่ยงไม่ได้ก็พุ่งชนมันไปเลยค่ะคนสวย"
"นั่นผู้ชายนะคะพี่จี้ อีกอย่างเพตราก็ไม่ใช่อุกกาบาตจะเอาแรงที่ไหนไปพุ่งชน"ฉันบ่นเสียงอู้อี้ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เพราะกลัวเครื่องสำอางบนหน้าจะเลอะ
"ตลกละ! เอาน่าพี่จี้คิดว่าคงไม่ใช่แค่เพตราหรอก ที่คัดค้านการคลุมถุงชนครั้งนี้ ลองคุยกับเจ้าตัวเขาดูก่อน เผื่อเขาเองก็ไม่อยากร่วมหัวจมท้ายกับเรา ก็วินวินกันทั้งคู่"พี่จี้บอกพลางเติมลิปสติกลงริมฝีปากอวบอิ่มของฉันไปด้วย เธอยิ้มให้ฉันอย่างให้กำลังใจ
"หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะพี่จี้ เพตราขอให้เขาคนนั้นมีเมียสาม มีลูกสี่ เมียน้อยอีกห้า จะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวดองอะไรกับเรา สาธุ"
"จ๊ะ! พี่จะช่วยสาธุก็แล้วกัน"
เราสองคนยิ้มฝืดให้กัน ก่อนจะยกมือขึ้นสาธุเหนือศีรษะของตัวเอง ทั้งๆ ที่ในใจรู้ดีว่าคนที่เราอธิษฐานถึงนั้น มันเป็นไปได้อยากสำหรับคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน