วันเกิด

1359 คำ
ร่างบางแต่ได้สัดส่วนภายใต้ชุดเดรสสั้นคล้องคอสีดำกำมะหยี่ ขาเรียวสะบัดอยู่บนรองเท้าส้นสูงห้านิ้วก้าวเดินเข้าไปในงานวันเกิดของมาเฟียใหญ่ ที่จัดขึ้นบนเรือสำราญของเจ้าของวันเกิด “คนเยอะจังเลยค่ะคุณแม่” ฉันเอี้ยวตัวหลบแสงแฟลตจากช่างภาพที่กำลังรัวชัตเตอร์ใส่ฉัน หันกลับมาคุยกับคุณแม่ในขณะที่เดินเข้ามาถึงบริเวณโถงที่จัดวันเกิดของคุณอาคาเท เพื่อนทางธุรกิจของคุณพ่อ “เป็นธรรมดาค่ะลูก นี่ขนาดจัดงานบนเรือสำราญนะคะเนี่ย แขกที่มาก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น” "เจ้าของวันเกิด เดินมาโน่นละ” ฉันมองตามคุณพ่อที่พยักพเยิดหน้าไปทางผู้ชายที่ลักษณะรุ่นราวคราวเดียวกันกับท่าน คุณอาคาเทกำลังเดินมากับภรรยาแสนสวยของเขา ที่อยู่ยังไงก็ไม่เหมือนอายุสี่สิบกว่าๆ ถ้าบอกว่ายี่สิบปลายๆ น่าจะเหมาะกับคุณอานารา ที่เดินกอดแขนคุณลุงคาเทอยู่ตรงนั้น “พี่เพนนี พี่คีตะนาราดีใจนะคะที่พี่สองคนกลับมาทันอ่ะ นึกว่าจะไม่เจอกันซะแล้ว” ยังไม่ทันที่คุณแม่จะเดินเข้าไปหา ทั้งสองท่านก็เดินยิ้มร่าเข้ามาหาเราซะก่อน คุณอานาราปรี่เข้ากอดคุณแม่ทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง “กลับมาถึงบ่ายวันนี้พอดีค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะคาเท ขอให้รวยๆ ปังๆ อำนาจแน่นๆ นะคะ” “ตอนนี้อำนาจผมอยู่ในมือนาราหมดแล้ว” คุณอาคาเทพูดติดตลก เล่นเอาผู้เป็นภรรยาฟาดฝ่ามือลงต้นแขนท่านอย่างเคอะเขิน “ฉันก็ไม่ได้ต่างจากแกเลย นี่ไงนายใหญ่ของบ้าน” คุณพ่อพยักหน้ามาทางคุณแม่ “นี่หนูเพตรา ลูกสะใภ้ของน้องใช่มั้ยคะคุณพี่ ยัยหนู” อานาราผละออกจากกอดคุณแม่ เปลี่ยนมาจับมือของฉันเอาไว้แทน “สวัสดีค่ะคุณอาทั้งสอง” ฉันยกมือไหว้คุณอาทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม จนแทบจะกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์เลยทีเดียว “ไหว้พระเถอะลูก ยัยหนูสวยมาก สวยกว่าที่อาเห็นในทีวีซะอีก จริงมั้ยคะพี่คาเท” “พูดแบบนี้อาก็ขอเข้าเรื่องเลยละกัน เรื่องลูกชายอาที่อาหมั้นหนูเอาไว้ให้เค้าตั้งแต่เด็กๆ” “เอ่อ เพตราว่าหลังจากเสร็จงานวันเกิดอาคาเทเราค่อยคุยกันดีกว่ามั้ยคะ” ฉันขัดขึ้นกลางลำ พร้อมกันหันไปหาพ่อแม่ “คุยกันวันนี้นี่ล่ะค่ะลูก ว่าแต่คินตาอยู่ไหนน้า...ณดาลูก” อานารากวักมือเรียกผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ถ้าประมาณไม่ผิดน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับฉัน เธอเดินก้าวขาเรียวๆ บนสั้นสูงนั่นเข้ามาหาอานารา พร้อมกับยกมือไหว้คุณพ่อคุณแม่ฉัน “หนูเห็นพี่คินตามั้ย เข้ามาในงานรึยัง” “สวัสดีค่ะ พี่คินตาน่าจะเดินออกไปคุยโทรศัพท์ค่ะ คุณแม่มีอะไรรึเปล่าคะ” “นี่คุณลุงคีตะ คุณป้าเพนนี และนี่พี่สะใภ้ของหนู ชื่อเพตราค่ะ” “คุณอาคะ...” มือเล็กบีบมือคุณอานาราเบาๆ เป็นเชิงห้าม เมื่อท่านลั่นคำว่าสะใภ้ออกมากลางวงสนทนา แต่กลับไม่มีใครสนใจคำทักท้วงของฉันเลยสักนิด “สวยสง่ามากค่ะคุณแม่ สวยเหมือนคุณป้าเพนนีเลยอ่ะ” “เด็กคนนี้อยู่เป็นนะคะคุณน้อง” “ก็มันจริงที่คะ ณดาดูแล้วไม่เหมาะกับพี่คินตาเลยให้ตายสิ นี่คือคุณเพตรา นักแสดง นางแบบแถวหน้าของเมืองไทยเชียวนะคะ ดีใจนะที่คุณให้เกียรติมางานวันเกิดคุณพ่อฉัน” “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ต้องขอบคุณคุณอาทั้งสองมากกว่า ที่อนุญาตให้เพตรามางานนี้ด้วย” “ถ้าอย่างนั้นเรามาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยดีกว่าค่ะ ไหนๆ เราก็จะได้ดองกันเร็วๆ นี้แล้ว”ฉันยิ้มแห้งๆให้คุณอานารา เอวคอดถูกวงแขนของท่านรั้งให้ไปถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน “เชิญด้านนี้เลยค่ะพี่เพนนี เด็กๆ มาถ่ายรูปด้วยกันค่ะ” เสียงชัตเตอร์ดังลั่นพื้นที่ ฉันพยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเพราะไม่อยากเป็นเป้าสาย หลังจากนั้นเหมือนทุกคนจะแยกกันไปพูดคุยกับคนรู้จักที่เดินเข้ามาทักทายและอวยพรคุณอาคาเท ท่ามกลางเสียงพูดคุยกันระหว่างครอบครัวมาเฟียด้วยกัน คุณพ่อก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่ก็จะถามไถ่กันเรื่องธุรกิจที่ทำอยู่ตอนนี้ ส่วนคุณแม่ก็คุยเรื่องความสวยความงาม ฉันกับแก้วไวน์ในมือจึงเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกมาบริเวณระเบียงชั้นดาดฟ้าของเรือเพื่อรับลมสักหน่อย “ลมพัดแรงเหมือนกันนะเนี่ย” โชคดีที่ชุดฉันมันเป็นแบบรัดรูปพอดีกับตัว ถ้าใส่แบบกระโปรงฟูฟ่องละอองฟิ้วมา รับรองได้เลยว่ามันเปิดขึ้นคลุมหัวแน่ “อ๊ะ! น้องคะ” ฉันกวักมือเรียกบริกรที่กำลังเดินเสิร์ฟไวน์ให้แขกในงาน พร้อมกับส่งยิ้มกว้างไปให้เธอคนนั้น “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”แก้วไวน์เปล่าในมือถูกวางลงถาดที่บริกรถือมา โดยไม่พลาดที่จะหยิบแก้วไวน์แก้วใหม่ที่มีไวน์อยู่ในนั้นขึ้นมาถือไว้ “...คุณเพตราใช่มั้ยคะ” “คะ...มีอะไรรึเปล่าคะ” “นะ...หนูขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ” เป็นไปตามคาดสินะ ฉันว่าแล้วเธอต้องขอถ่ายรูปกับฉัน ไม่ขอถ่ายน่ะสิแปลก “ได้สิคะ” บริกรสาวทำท่าเก้ๆ กังๆ วางถาดที่มีแก้วไวน์ลงบนเปลผ้าใบแถวนั้น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนของเธอเลื่อนไปในโหมดกล้องหน้าและยื่นแขนเธอออกไปเพื่อกดถ่ายรูปคู่เธอกับฉัน แชะ~ “ขอบคุณนะคะคุณเพตรา คุณใจดีมากๆ เลยค่ะ” “ยินดีค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับไวน์แก้วนี้” ฉันส่งยิ้มกว้างไปให้เธออีกครั้ง ก่อนจะสะบัดผมรอนยาวๆ ไปไว้ด้านหลังเมื่อมันถูกลมจากทะเลปะทะเข้ามาแรงๆ ฉันเดินเลี่ยงไปอีกทางด้านบนดาดฟ้าที่มีคนยืนคุยกันอยู่หลายคน เก้าอี้ผ้าใบเรียงรายกันอยู่ริมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ โดยฉันเลือกที่จะเดินหลบไปยืนจิบไวน์อยู่ริมระเบียงเรือที่สามารถมองเห็นวิวทะเลยามค่ำคืนและดวงบนท้องฟ้าได้360องศา บอกตามตรงบนเรือนี้มีขนาดใหญ่มาก จุคนได้ถึงสองพันคนเลยมั้ง ไม่ได้เว่อร์ไปนะ เห็นคุณพ่อบอกว่าในเรือนี้มีทั้งกาสิโน ห้องพัก ห้างสรรพสินค้าในตัว ฟิตเน็ตและอีกหลายอย่างที่เอาไว้บริการคนที่มาใช้บริการที่นี่ ฉันกะว่าจะแวะไปทำสปาด้วยนะก่อนที่เรือจะเทียบท่าวันพรุ่งนี้ “จิ๊ๆๆ คิดไม่ถึงว่าจะเจอเจ้าแม่จอมฟาดที่นี่” ฉันยืนรับลมอยู่สักพัก กระทั่งได้ยินเสียงจิ๊ปากของใครบางคน ร่างบางหันขวับไปตามเสียงนั้นก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาจากทางด้านหลังของฉัน คนตัวสูงหน้าตาหล่อคมออกไปทางลูกครึ่งแถบยุโรป นัยน์ตาสีฟ้าเทาจ้องมาทางฉันไม่วางตา ริมฝีปากหยักได้รูปส่งยิ้มมาให้ ยิ้มที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะเลย “....” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามเขาว่ากำลังพูดถึงฉันอยู่รึเปล่า พร้อมกับหันมองซ้ายมองขวา หาผู้คนที่อยู่บริเวณนี้ เพราะฉันไม่ได้รู้จักเขาเลยสักนิด “ผมหมายถึงคุณนั่นแหละ” “เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ” ฉันเอียงคอถามแขกผู้มาใหม่ที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉันที่ถอยออกห่างเขาเพื่อเว้นระยะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม