“....” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามเขาว่ากำลังพูดถึงฉันอยู่รึเปล่า พร้อมกับหันมองซ้าย มองขวา หาผู้คนที่อยู่บริเวณนี้ เพราะฉันไม่ได้รู้จักเขาเลยสักนิด
“ผมหมายถึงคุณนั่นแหละคนสวย”
“เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ” ฉันเอียงคอถามแขกผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ นิ้วเรียวเกลี่ยผมขึ้นทัดหูเมื่อพบว่าลมทะเลพัดมันมาปิดหน้าของตัวเอง
“ผมอาร์เมอร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...คุณเพตรา” มือหนายื่นมาตรงหน้าหมายจะจับมือทำความรู้จัก แต่ฉันกลับมองมันนิ่งๆ ไม่ได้ยื่นมือไปจับมือของเขาตอบแต่อย่างใด อาร์เมอร์สะบัดมือแก้เก้อก่อนจะล้วงมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
“เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน แต่โทษทีฉันไม่สนิทใจจะจับมือคนแปลกหน้าน่ะ”
“อืม~ หยิ่งใช้ได้”
“เอ๊ะคุณ! หยิ่งไม่หยิ่งแล้วมันเรื่องอะไรที่คุณต้องมาวิจารย์ฉัน ฉันหยิ่งแล้วบ้านคุณมันแคบลงหรือยังไง”
“ล้อเล่นน่า” เขากลั้วขำในคอเบาๆ เมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจจากฉัน “คุณนี่มันเจ้าแม่จอมฟาดเหมือนที่ใครๆ เขาลือจริงๆ”
เจ้าแม่จอมฟาด ฉายาประจำปีที่ผ่านมาของฉันเองแหละ ฟาดทุกสำนัก ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่ชอบเขียนข่าวเสียๆ หายๆ ของฉัน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องจริง ใครกล้ายื่นไมค์มาถามอะไรซี้ซั้วก็จะถูกฉันฟาดกลับด้วยคำพูดเจ็บแสบบ้าง ไม่ตอบแต่แสยะยิ้มเยือกเย็นไปให้บ้าง ก็เท่านั้น
“ขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับ” มือหนารั้งแขนของฉันเอาไว้ ตอนที่ฉันจะก้าวเดินออกไปจากบริเวณริมระเบียงของเรือ “น้องครับ” เขาไม่สนใจคำพูดของฉัน แต่กลับเป็นว่ามายืนดักทางฉันเอาไว้อีก อาร์เมอร์ยื่นแก้วไวน์ที่พึ่งรับมาจากบริกรสาวคนที่พึ่งขอถ่ายรูปกับฉันมาให้
“ฉันดื่มไปเยอะแล้ว ขอตัวเข้าไปข้างในงานก่อน”
“เดี๋ยว!” น้ำเสียงเยือกเย็นแสดงความไม่พอใจดังมาจากคนตัวสูงอย่างชัดเจน
“ไหนๆ เรารู้จักกันแล้ว แค่แก้วนี้แก้วเดียว เพื่อมิตรภาพของเรา”
“เคยมีใครบอกคุณมั้ย ว่าคุณนี่มันน่ารำคาญชะมัด”
ฉันเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่นอย่างนึกรำคาญก่อนจะวางแก้วไวน์เปล่าที่อยู่ในมือลงถาดที่บริกรคนเมื่อสักครู่ถือรออยู่แล้ว จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับเอาแก้วไวน์ที่อาร์เมอร์คะยั้นคะยอให้ดื่มอย่างไม่เต็มใจนัก คนตัวสูงแสยะยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะเลื่อนแก้วไวน์ในมือของเขามาชนแก้วกับฉัน
“กูคิดว่ามึงอยู่ในกาสิโนซะอีก” ยังไม่ทันที่ไวน์ในแก้วจะไหลเข้าปาก เสียงเข้มของผู้ชายอีกคนก็ต้องทำให้ฉันชะงักซะก่อน แวบแรกที่มองเขาผ่านทางก้นแก้วก็พบกับผู้ชายตัวสูงมากๆ เดินเข้ามาทางฉันกับอาร์เมอร์
ฉันลดแก้วไวน์ในมือลงทำให้เห็นใบหน้าหล่อคมคายเหมือนหลุดออกจากแม็กกาซีน จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้าจนอยากจะเดินเข้าไปถามว่าทำมาจากหมอไหน ฉันเผลอสบตานิ่งๆคู่นั้นมันเหมือนถูกมนต์สะกด ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว ให้โฟกัสเพียงเค้าแค่คนเดียว
“กูเบื่อๆ เลยออกมาหาอะไรสนุกๆ ทำ” ประโยคสุดท้ายอาร์เมอร์ยกยิ้มมุมปากส่งสายตามาทางฉัน
“คุณมีเพื่อนแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” สติกลับมาอีกครั้ง ฉันพูดเร็วปร๋อก้าวขาออกจากทางระเบียงเรือในทันที
“เดี๋ยว! คุณยังไม่ดื่มไวน์นั่นเลย อย่าเสียมารยาทสิครับคนสวย”
“เดี๋ยวกูดื่มแทนเธอเอง!!”
“อ๊ะ!” มือหนาของผู้มาใหม่ยื่นมาคว้าไวน์ในมือฉันอย่างเสียมารยาท แต่ฉันเบี่ยงหลบก่อนที่เขาจะจับโดนแก้วไวน์ในมือฉัน นี่มันอะไรกัน สองคนนี้ชักจะวุ่นวายกับฉันมากเกินไปแล้วนะ
“อะไรของมึงวะไอ้เค”
“อย่ายุ่งน่า ฉันดื่มได้เหอะ แล้วพวกนายก็เลิกยุ่งกับฉันซะ!!” ฉันมองไวน์เจ้าปัญหาในมืออย่างช่างใจ เนื่องจากตอนนี้ฉันเองก็เริ่มมึนๆ แล้ว
“อย่าเก่ง!!” นัยน์ตาดุดันมองมาทางฉันเชิงออกคำสั่ง ฉันไม่ใส่ใจแต่กลับกรอกไวน์ในแก้วลงคอรวดเดียวหมดแก้ว
“ฮึ!” อาร์เมอร์ยิ้มร่าออกมาอย่างพอใจ เมื่อเห็นฉันดื่มไวน์เจ้าปัญหานั่นจนหมดแก้ว
“ผมเตือนคุณแล้วนะ!” สายตาเยือกเย็นของคนอีกคนมองมากทางฉันอย่างขัดใจ แก้วไวน์เปล่าในมือถูกวางลงบนถาดที่บริกรถืออยู่ จากนั้นรีบเดินออกมาโดยที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองพวกเขาอีก
“ไอ้เหี้ยเมอร์ มึงเล่นอะไรของมึง”
“กูไปล่ะ คืนนี้กูยกให้มึงก็ได้ หึ! ขอให้สนุกนะเพื่อน”