เมื่อนะโมถูกตบ
‘นี่เธอจำผู้ชายที่อยู่กับเธอเมื่อคืนไม่ได้เหรอ ยัยสี่ตา’
“คนที่ชนนะโมเมื่อกี้หล่อดีนะ แกรู้จักไหมอังเปา”
ขนมผิงเอ่ยถามไปพลางสอดสายตามองหาร้านขนมหวานไปพลาง
“รู้จักสิ พี่โยธา อยู่ปีสามดังมากในคณะวิศวะ เห็นว่าเพิ่งไปแข่งขันอะไรสักอย่างมาด้วยนะ”
“ได้รางวัลไหม”
“แน่นอนสิอันดับหนึ่งไม่มีใครเทียบเทียม”
“แบบนี้ก็แปลว่าเก่งมากอ่ะดิ”
“ที่สุด! หล่อ เก่ง ฉลาด สุภาพบุรุษ เพอร์เฟค!”
เพอร์เฟคกับผีสิ! สุภาพบุรุษจริงเขาไม่ทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักหรอกนะ
นะโมด่าทอในใจก่อนจะหันหลังกลับไปมองหน้าชายคนที่อยู่ในบทสนทนาซึ่งกำลังทานข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนด้านหลังเธอ
ขณะที่ดวงตาทั้งคู่สบกันใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชาก็กระตุกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะเมินสายตานะโมและก้มทานอาหารต่อ
“ไหนไอ้ชานนของแกฮะอังเปา”
“นั่นสิ ขอฉันมองหาแป๊บ”
อังเปาว่าพลางกวาดสายตาไปรอบๆ โรงอาหารคณะวิศวะ ก่อนจะสะดุดดังจึ้กหลังจากเห็นอดีตแฟนหนุ่มของตัวเองที่เพิ่งเลิกกันเมื่อเช้ากำลังหยอกล้อเล่นอยู่กับสาวสวยหุ่นเอ็กซ์ที่เห็นไกลๆ ยังมองออกว่าเอาแตงโมยัดนมตัวเองแทนฟองน้ำ
“ไอ้ ชา นน!!”
พรึ่บ!
อังเปารีบรุดออกจากโต๊ะด้วยความเร็วจนเพื่อนคว้าตัวไม่ทัน เธอเดินไปยังโต๊ะของชานนที่ยังนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเพ่งเล็ง
เมื่ออังเปาไปถึงก็ทุบโต๊ะอย่างแรง
ปึง!!
“ไอ้ชานน!!!”
เสียงเล็กตวาดเรียกชื่อชานนเสียงดัง จนคนทั้งโรงอาหารในละแวกนั้นหันมอง
“อะ อังเปา!”
“เออ! เลิกกับกูได้ไม่ถึงวันกลับมานั่งจู๋จี๋อยู่กับแม่โคนมตัวใหม่ มึงตายแน่ไอ้เลว!”
ขนมผิงเกาะแขนลูกตาลแน่นไม่กล้าเข้าไปแทรกเพื่อลากตัวอังเปาออกมา เพราะรู้ดีว่าหากเพื่อนระเบิดลงแล้วใครก็ห้ามไม่ไหว เว้นก็แต่…
“ยัยป้าเข้าไปห้ามมันหน่อย”
“ห้ามทำไม สมควรแล้วนี่ดูก็รู้ว่านอกใจตั้งแต่ยังคบกับอังเปา โดนสั่งสอนเสียบ้างก็สมควร”
“แต่ฉันกลัวยัยอังเปาฟิวส์ขาดน่ะสิ ดูท่ารอบนี้จะโมโหจริงๆ นะ”
นะโมมองไปยังอังเปาก็แอบรู้สึกเห็นด้วยกับลูกตาล
“เฮ้อ…”
หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะเดินนิ่งๆ เข้าไปหาอังเปา เดิมทีอยากจะมองดูเฉยๆ ไม่คิดจะเข้ามาห้ามเพราะโต๊ะที่ชานนนั่งดันอยู่ข้างๆ กับโต๊ะของโยธา แต่ก็ช่วยไม่ได้ เธอเองก็ไม่อยากให้เพื่อนสติแตกจนเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน
“อังเปาหยุด”
นะโมร้องห้ามแต่เพื่อนสาวคนสนิทก็ไม่ฟัง เรียกได้ว่าเกิดอาการหูดับไปชั่วขณะก็ว่าได้
“ไอ้เลว! แกทำอย่างนี้ได้ไงวะ”
อังเปายังไม่หยุดโวยวายเดินเข้าไปฟาดงวงฟาดงาใส่ชานนจนวงแตก ทั้งยังเผลอลงไม้ลงมือกับชานนจนฝ่ายชายเกิดบาดแผลเพราะเล็บเจลสุดแหลมคมดันเผลอฟาดใส่หน้าเขาเข้าไปเต็มๆ
“เข้าไปดึงตัวมันกลับมาเลยนะโม”
“เออรู้แล้วนา”
นะโมจำใจเดินแทรกกลุ่มเพื่อนชานนเข้าไปดึงร่างอังเปาออกมา ยื้อแย่งอยู่นานอังเปาก็ไม่ฟังทั้งยังสะบัดมือนะโมทิ้งจนเธอต้องออกแรงดึงแขนอังเปาอีกรอบ แต่ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
เพลียะ!
เสียงดังนั้นทำให้บรรยากาศทุกอย่างหยุดชะงักนิ่ง นะโมที่ถูกแรงอังเปาฟาดเข้าหน้าจังๆ อย่างไม่ยั้งมือก็ถึงกับหน้าหัน แว่นหนาตกกระแทกพื้นจนเลนส์แตก
“ไอ้เปา!” ลูกตาลที่เห็นเหตุการณ์ก็เอ่ยชื่อคนทำด้วยความตกใจ
สองสาวลูกตาลกับขนมผิงรีบวิ่งเข้าไปดูนะโม
มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา ข้างแก้มเป็นรอยแดงฉาดลากยาว นะโนหันกลับมาพร้อมกับใช้ปลายนิ้วโป้งคลึงรอยแผลที่มุมปากเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตาอังเปาด้วยแววตาน่ากลัว
“นะ นะ นะโม ฉันขอโทษ”
“…”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” อังเปารีบลนลานเดินเข้ามาหานะโม
“…”
คนที่เพิ่งถูกตบนิ่งเงียบก้มหน้าลงไปหยิบแว่นตาที่ตกพื้นกำไว้ในฝ่ามือ เธอหันไปมองหน้าอังเปาครู่หนึ่งก่อนจะสะบัดแขนที่ถูกเพื่อนอีกสองคนจับไว้และเดินจากออกมา
“นะโมเดี๋ยวก่อน..”
“ไม่ต้องตามมา”
ลูกตาลทำท่าจะวิ่งตามแต่กลับถูกนะโมเอ่ยห้ามไว้ น้ำเสียงเยียบเย็นราวกับธารน้ำแข็งของเธอทำให้ลูกตาลไม่กล้าขัดคำสั่ง และรู้ดีว่าท่าทีของนะโมเช่นนี้คือกำลังปฏิเสธทุกคนที่พยายามจะเข้าใกล้
“เอาไงดีลูกตาล เราตามไปดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกผิง ตอนนี้ตามไปก็มีแต่จะทำให้มันโมโหมากกว่าเดิมปล่อยไปก่อน”
ทางฝั่งโยธาเมื่อเห็นนะโมเดินออกไปเขาก็ลุกตามเธอ ร่างสูงเดินตามหญิงสาวออกมายังหน้าคณะวิศวะ เห็นแผ่นหลังของนะโมไวไวก็รีบเดินตามไป เธอกำลังนั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะม้าหินจึงเดินเข้าไปหา
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“…”
นะโมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอย่างไม่สบอารมณ์ ณ เวลานี้ถ้าโยธากล้าเอ่ยปากส่งเสียงรบกวนเวลาสงบสติอารมณ์ของเธออีกแค่ประโยคเดียว เธอก็พร้อมจะฟาดงวงฟาดงาใส่เขาได้เหมือนกัน
“จะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้อง”
“อย่าดื้อสิ เมื่อคืนตอนอยู่บนเตียงไม่เห็นเธอจะดื้อแบบนี้เลย”
“หุบปาก! แล้วอย่าพูดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ มันคือความจริงนี่”
“ฉันบอกให้หุบปาก!”
เธอเริ่มสะกดความโมโหเอาไว้ไม่ไหวแล้ว แต่โชคดีที่รถบัสของมหาวิทยาลัยวิ่งผ่านมาพอดี เธอจึงเดินหนีเขาขึ้นไปนั่งสงบสติอารมณ์บนรถบัส
พอเริ่มหายหัวร้อนนะโมก็หยิบโทรศัพท์ที่ถือติดตัวไว้ออกมากดหาเบอร์ลูกตาล
(ฮัลโหลนะโมแกอยู่ไหน!)
ลูกตาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลนลานเป็นห่วง
“กลับมาเอารถที่คณะ เก็บของให้หน่อยเดี๋ยวฉันไปเอาที่หอแกเอง”
(ได้ๆ งั้นแกจะมาเอาตอนไหนก็โทรมานะ)
“อืม”
หมดธุระที่จะพูดนะโมก็กดตัดสายพร้อมกับทอดสายตาออกไปนอกรถบัส มองวิวข้างทางที่เป็นต้นไม้ใหญ่ประดับตลอดแนวถนนไปยังคณะ
ตึ้ง!
[อังเปา : นะโมฉันขอโทษนะ ขอโทษจริงๆฉันไม่ได้ตั้งใจทำแกเจ็บ ขอโทษนะ]
นะโมไล่อ่านข้อความจากอังเปาทุกตัวอักษรก่อนจะคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงโดยไม่พิมพ์ตอบกลับเธอ
นะโมเคยเตือนอังเปาอยู่หลายครั้งแล้วว่าเวลาทำอะไรให้มีสติตลอดเวลา โมโหได้ โกรธได้ เอาคืนได้ แต่อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนขาดสติ เวลามีคนห้ามก็ให้รู้จักฟังไม่ใช่ปล่อยให้เป็นแบบวันนี้
หากปล่อยแบบนี้ต่อไป ไม่เตือนเพื่อนให้ดี ชีวิตของอังเปายามโมโหคงได้กลายเป็นไฟที่ไม่มีใครดับได้ และเธอก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
[นะโม : ผิงแกพาอังเปากลับห้องตอนนี้เลย อย่าปล่อยให้มันอยู่ขายหน้าที่นั่นนาน]
[ขนมผิง : รับทราบ! ตอนนี้กำลังจะออกจากโรงอาหาร แล้วแกล่ะอยู่ไหนโอเคไหม]
[นะโม : อืม]
ณ คอนโดนะโม
หญิงสาวกลับมาถึงห้องก็เปิดตู้เสื้อผ้าเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดตัวโคร่งสีชมพู สวมทับบนร่างกาย เปลี่ยนกระโปรงตัวยาวเป็นกางเกงขาสั้นหลวมๆ ไม่ให้อึดอัด จากนั้นก็เดินมาทายาที่หน้ากระจก
“มือหนักชะมัด”
นะโมเห็นรอยแดงบนใบหน้าก็ถอนหายใจเพราะนอกจากรอยแดงแล้วยังมีรอยแผลจากเจ็บเจลของเพื่อนด้วย เธอเปิดลิ้นชักหายาทาก่อนจะร้องซีดออกมาเพราะความแสบ
จัดการกับหน้าตัวเองเสร็จก็หยิบกระเป๋าเงินพร้อมกับโทรศัพท์และกุญแจรถเพื่อออกไปร้านแว่นขาประจำซื้อแว่นตาใหม่อีกอันแล้วไปเอาของที่คอนโดลูกตาล
ระหว่างทางเดินไปยังลิฟต์นะโมก็เจอใครบางคนที่ทำให้เธอชะงักไปเล็กน้อย
โยธาเดินสวนออกมาจากลิฟต์ เขาผงะเธอผงะ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเนื่องจากตอนนี้ข้างกายโยธามีหญิงสาวน่ารักอีกหนึ่งคนเดินควงแขนมาด้วยกัน
นะโมที่ไม่ได้สนใจอะไรมากเห็นเขาเป็นเพียงเศษฝุ่นเม็ดหนึ่งก็เลือกเดินผ่านร่างโยธาไปด้วยท่าทางหมางเมินราวกับไม่อยู่ในสายตา ต่างจากโยธาที่วางสายตาบนใบหน้าเธอตั้งแต่เขาทั้งคู่สบตากัน
“รู้จักเหรอคะพี่โยธา”
สายตาเขาที่มองนะโมทำให้คนตัวเล็กข้างกายโยธาเอ่ยถามพลันมองแผ่นหลังนะโมที่ค่อยๆ เดินจากไป
“เปล่าจ้ะ”
ใบหน้าหล่อละมุนยกยิ้มหวานพร้อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพูดกับคนข้างกาย ทำเอานะโมที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลและได้ยินเสียงนั้นถึงกับแบะปากอยากจะอ้วก
โชคดีของเธอแล้วที่ตอนมีอะไรกันไม่ได้รู้สึกตัวไม่งั้นเธอคงเสียใจและขยะแขยงเขามากกว่านี้ ถือเสียว่าใช้โอกาสนี้ทำบุญทำทานให้คนอดอยากได้กิน
ขอให้อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย!