ล้วงความลับนะโม

1331 คำ
ล้วงความลับนะโม วันต่อมา “โอ้ยร้อน!!! เมืองไทยหรือทะเลทรายเนี่ย” อังเปาบ่นอุบหลังจากถูกใช้ให้มาช่วยยกของเพื่อเตรียมงานกีฬาสีในช่วงกลางวันแสกๆ จนแสงแดดสาดส่องลงมาที่กลางกบาลหัวเธอ “นี่พี่เขื่อน ทำไมไม่หัดใช้ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ไปแบกของฮะ เห็นพวกหนูสี่คนเป็นโคถึกหรือไง” ไม่รอช้าอังเปาก็สาดคำบ่นชุดใหญ่ใส่หน้ารุ่นพี่ของตัวดีที่ถือโอกาสใช้งานรุ่นน้องแสนบอบบางจนเหงื่อใสไหลอาบไปทั้งตัว เขื่อนเห็นสภาพของสี่สาวก็อดสงสารไม่ไหวจึงอาสาเอ่ยปากเลี้ยงกาแฟที่ข้างคณะเป็นการตอบแทน “กินอะไรสั่งเต็มที่เลย พี่เลี้ยงเอง” “งั้นพวกหนูไม่เกรงใจแล้วนะ” “เอาเลย ถือเสียว่าตอบแทนที่ใช้แรงงานพวกน้องละกัน” “อย่างนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย” สามสาวอังเปา ขนมผิง และลูกตาลต่างเลือกเมนูอาหารกันอย่างเคร่งเครียด เพราะมีหลายเมนูมากที่พวกเธออยากกิน ต่างกับนะโมที่เอาแต่กดโทรศัพท์ไม่สนใจคนในโต๊ะ ติ้ง! [โยธา : อยู่ไหนเหรอ?] [นะโม : ทำไมต้องบอก] [โยธา : ก็อยากรู้ไงครับ เผื่อจะได้แวะไปนั่งมองหน้า] [นะโม : ประสาท!] นะโมกดแป้นพิมพ์โทรศัพท์ยิกๆ พลันทำสีหน้าไม่สบอารมณ์จนเพื่อนสาวคนสนิทอย่างอังเปาเผลอชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วยความสนใจ “คุยกับใครอ่ะ” พรึ่บ! มือเล็กรีบเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าทันที “หวงเสียด้วย นี่แกมีแฟนเหรอแม่ป้า” “เปล่า” “แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร” “ยุ่ง!” สิ้นเสียงของนะโมทั้งโต๊ะก็พากันหัวเราะขบขันอังเปา “ชิ ไม่ยุ่งก็ได้ สรุปจะกินอะไรหื้ม?” “อเมริ…” “อเมริกาโนเย็นหนึ่งที่ครับ” เสียงทุ้มสุขุมทว่าแฝงความนุ่มลึกเล็กน้อยเอ่ยแทรกเสียงนะโม เมื่อหันมองเจ้าของเสียงก็เห็นโยธาในชุดนักศึกษาสวมช็อปสีแดงเลือดหมูเดินเข้ามาพร้อมกับนั่งลงข้างเขื่อน “พี่โยธา!” อังเปาเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงที่เพิ่งมาถึงด้วยความแปลกใจ ดวงตากลมเบิกกว้างประกายแสงวิบวับหลังจากถูกออร่าความหล่อของชายหนุ่มกระแทกเข้าเต็มใบหน้าของเธอ “นี่ไอ้โยธาเพื่อนสนิทพี่เอง ส่วนสี่คนนี้รุ่นน้องกู” นะโมมองหน้าโยธาอย่างไม่เชื่อสายตา เธอไม่คิดว่าเขาจะโผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอเร็วขนาดนี้ ต่างจากโยธาที่ยกคิ้วกวนประสาทใส่เธอ “อ้อเมื่อกี้แกจะสั่งอะไรนะ” อังเปาดึงสติกลับมาได้ก็หันมาถามนะโมใหม่อีกครั้ง “อเมริกาโนมะพร้าว” “แหวะ เมนูนี้อีกแล้ว อิ๋วว!!” ตอนแรกเธอจะสั่งอเมริกาโนเย็นธรรมดา แต่ไม่อยากให้เหมือนโยธาจึงเปลี่ยนใจสั่งอเมริกาโนมะพร้าวแทน “งั้นเดี๋ยวกูแนะนำให้รู้จัก คนแรกชื่อน้องลูกตาล คนที่สองน้องขนมผิง คนที่สามยัยอังเปา แล้วก็คนที่สี่…” “น้องนะโม” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “นี่มึงรู้จักน้องนะโมด้วยเหรอ?” “อืม คืนนั้นที่งานวันเกิดรุ่นน้องมึง…กูบังเอิญเจอ” “งานวันเกิดยัยอังเปาอะนะ?” “เอ๊ะ วันนั้นพี่โยธาไปด้วยเหรอคะทำไมอังเปาไม่เห็นพี่เลยล่ะ” ทุกคนเริ่มให้ความสนใจโยธา โดยเฉพาะเหล่าเพื่อนสนิทของนะโมที่มักชอบชวนคนหล่อคุยจนนะโมเริ่มหวั่นใจ เกรงว่าโยธาจะเปิดเผยความลับระหว่างเขาและเธอ “ฮึ่ม!” หญิงสาวกระแอมเสียงในลำคอ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจ “ว่าแต่พี่ไปกี่โมงคะ ความจริงหนูต้องเห็นบ้างแหละพี่ออกจะหล่อ” “พี่ไปแป๊บเดียว แค่แวะเอาของไปให้เขื่อนแล้วก็กลับ” “หว้าเสียดายจัง น่าจะอยู่นานๆ นะคะ” “พอดีตอนนั้นพี่กำลังติดพัน…” ดวงตาเรียวเล็กราวกับเหยี่ยวเหลือบมองนะโมซึ่งกำลังมองหน้าโยธากลับด้วยสีหน้าที่นิ่งกว่าปกติหลายเท่าซึ่งหมายความว่าเธอกำลังไม่ปกติ “ติดพัน….” อังเปาลากเสียงตามด้วยความสงสัย “ติดพันธุระน่ะ” สิ้นเสียงของโยธานะโมก็โล่งอกจนเผลอถอนหายใจดังไปหน่อยทำให้เพื่อนๆ ของเธอหันมอง “นะโม แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงๆ ล่ะ หรือจะเป็นลม!” ขนมผิงว่าพลางทำหน้าตาตื่นตกใจ “เป็นลมมันต้องหน้าซีดไม่ใช่เหรอ?” ลูกตาลเอ่ยขัดพลันเขกหัวน้องเล็กในกลุ่มอย่างขนมผิงเบาๆ “เจ็บนะลูกตาล” “เจ็บอะไรเขกเบาๆ เอง” “แต่ลูกตาลมือหนักไง” “โอ๋ๆๆๆ ไหนเจ็บตรงไหนเดี๋ยวเป่าเพี้ยงให้” “ไม่ต้องเลย ชอบตบหัวแล้วลูบหลังตลอด” “พวกแกเลิกงอนกันก่อน” อังเปาหันไปปามเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งเถียงกันก่อนจะหันไปสนใจนะโมต่อ “สรุปแกเป็นอะไรหรือเปล่ายัยแม่ป้า” “ไม่มีอะไร แค่ร้อนน่ะ” “ต้องโทษไอ้พี่เขื่อนเลย! ถ้าพี่ทำแม่ป้าของเราเป็นลมขึ้นมานะ หนูจะ…” “จะอะไรหื้มอังเปา?” “จะ..!! แย่งขนมพี่กิน!!” ว่าจบอังเปาก็ใช้ช้อนปาดหน้าขนมเค้กของเขื่อนมากินอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนถูกปาดหน้าเค้กถึงกับอ้าปากค้างด่าไม่ทัน “น้องอังเปา” โยธาเอ่ยเรียก “คะ?” “พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม” “ได้สิคะ ถามเยอะๆ ก็ได้” “ทำไมถึงเรียกนะโมว่าแม่ป้าเหรอ?” คำถามของโยธาทำเอาเพื่อนๆ ทั้งสามคนของนะโมหันมองหน้าและหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ก็ดูสิคะ มันออกจะสวยแต่กลับชอบทำตัวเป็นแม่ป้า ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ แว่นหนาเตอะ แถมยังผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิงนี่อีก ที่สำคัญนะ ชอบเอาหน้าสดมามหาวิทยาลัย” “หน้าสดฉันไม่ดีตรงไหน?” นะโมรีบโต้ขึ้นทันที “ไม่ใช่ไม่ดี แต่ถ้าแต่งหน่อยคือแกมีแฟนชัวร์” “ไม่ได้อยากมีสักหน่อย” “ไหนขอกรีดหัวใจออกมาดูหน่อยว่ามันกลายเป็นน้ำแข็งไปหรือยัง” อังเปาแกล้งเพื่อนสาวทำท่าจะแหวกอกนะโมกรีดดูหัวใจแต่กลับถูกนะโมแกล้งกลับจี้เอวที่เป็นจุดอ่อนของเธอจนสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน โดยเฉพาะโยธาที่มองความน่ารักของนะโมจนไม่สามารถละสายตาจากเธอได้เลย เวลาที่หญิงสาวยิ้มเขาก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกลายเป็นสีสดใสขึ้นมาทันที “โอ้ยพอแล้ว! ฉันหัวเราะจนกรามค้างแล้วเนี่ย” “ใครสั่งให้แกล้งฉันก่อนล่ะ” “น้องนะโมชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ?” คำพูดของอังเปาก่อนหน้านี้ทำให้เขื่อนเริ่มสงสัยในสเปคของเด็กเรียนอย่างนะโมเช่นเดียวกัน จึงเอ่ยปากถาม ซึ่งทำให้ชายหนุ่มที่นั่งข้างเขื่อนวางแก้วกาแฟในมือลงและตั้งใจฟังด้วยความสนใจ นะโมลูบปลายคางด้วยสีหน้าครุ่นคิด เธอเองก็ไม่ได้มีสเปคที่สูงอะไรมาก ขอแค่… “หล่อ ฉลาด คุยด้วยกันรู้เรื่อง มีความเป็นผู้นำ ถ้าสุขุมได้ก็จะดีนะโมไม่ชอบคนกะล่อน เล่นกีฬาเก่งก็ชอบ ไม่เรื่องมาก ไม่ติดหรู ใช้ง่าย อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ ที่เหลือก็แค่คุยถูกคอก็โอเค” “เฮ้อขนาดน้องนะโมยังพ่ายแพ้คนหล่อเลย” “ผู้ชายหล่อก็เหมือนดอกไม้ เห็นสิ่งสวยงามแล้วมันจรรโลงใจไม่ใช่เหรอคะ?” เธอตั้งใจแซะเขื่อนเพราะก่อนหน้านี้เคยได้ยินเขาเปรียบเปรยผู้หญิงว่าเป็นดอกไม้ ยิ่งสวยยิ่งดึงดูด มองดูแล้วจรรโลงใจ ซึ่งในยุคที่หญิงชายเท่าเทียมกันเช่นนี้ ผู้หญิงจะมองผู้ชายเป็นดอกไม้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม