5.23 pm.
"ไม่อยากจะเชื่อ...อะไรมันจะกันดารขนาดนี้เนี่ย"
ฉันบ่นไปตามถนนระหว่างที่มือก็กำลังชูโทรศัพท์ราคาแสนแพงที่ตอนนี้ไม่มีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียว ก็เข้าใจแหละว่ามันอับสัญญาณแต่นี่มันก็จะเกินไปหน่อยไหม
"แล้วคนแถวนี้เขาใช้ชีวิตยังไงกัน?"
ฉันเท้าสะเอวพร้อมกับดันแว่นตากันแดดตัวเองขึ้นพลางหันมองซ้ายทีขวาทีอีกครั้ง ตอนนี้แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเอง บ้างก็ไปสอนบ้างก็ไปซ้อมอาคารเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่พวกเรามาลงส่วนฉันก็มัวแต่เดินหาสัญญาณเพราะทำอะไรไม่ได้มาตั้งแต่เช้าแล้ว
"แม่หนูมาเดินอะไรอยู่แถวนี้ลูก?"
เสียงของคุณยายที่กำลังนั่งอยู่ที่ศาลาหน้าบ้านทำเอาฉันสะดุ้ง เพราะแกค่อนข้างที่จะแก่เอามากๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ไร้มารยาทจนถึงขั้นไม่ทักทายหรือต่อบทสนทนาหรอกนะ
"สวัสดีค่ะคุณยาย พอดีหนูมาเดินหาสัญญาณโทรศัพท์น่ะค่ะ"
"สัญญาณ..."
"สัญญาณมือถือแบบนี้น่ะค่ะ"
คุณยายเลิกคิ้วมองฉันก่อนจะพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม
"เครื่องโทรที่เอาไว้แนบหูสินะ"
"อ่า...ใช่ค่ะ คุณยายทำอะไรอยู่เหรอคะ?"
ดูเหมือนถ้าจะถามยายไปก็คงไม่ได้อะไร เพราะงั้นฉันเข้าไปคุยกับแกที่กำลังนั่งใช้เครื่องถอผ้าอยู่ดีกว่า
"กำลังถอผ้าขิตอยู่น่ะ หนูรู้จักไหม?"
"จริงๆเมื่อวานหนูก็เห็นไปแบบที่ทำเสร็จไปแล้ว แต่เพิ่งได้เห็นวิธีการทำวันนี้แหละค่ะ"
"อยากทำไหมล่ะ?"
"อ่า...หนูว่ายังดีกว่านะคะ"
ฉันตอบคุณยายด้วยรอยยิ้ม เอาจริงๆมันก็สวยอยู่หรอกแต่จะให้มานั่งหลังขดหลังแข็งทำมันก็ยังไงๆอยู่
"ตรงทางนู้นมีสัญญาณโทรศัพท์นะ"
"คะ?"
ฉันเลิกคิ้วมองคุณยายหลังเธอบอกมาแบบนั้นพร้อมกับชี้ให้ฉันมองไปทางเนินเขาที่ไม่มีบ้านคนเลย มีแต่ต้นไม้ใหญ่และหญ้าเท่านั้น...
"ตรงนั้นลูกชายฉันชอบไปนั่งคุยโทรศัพท์กับสาวๆ เขาว่ามันเป็นจุดเดียวที่มีสัญญาณแต่เดินไกลหน่อย"
"ขอบคุณมากๆนะคะคุณยาย งั้นหนูไปก่อนนะ"
"เดินระวังๆนะลูก ทางอันตรายอยู่"
"ค่ะๆ"
ทางอันตรายฉันไม่หวั่นหรอก แต่ที่หวั่นเพราะตอนนี้ไม่มีเน็ตเล่นมากกว่า ปานนี้โลกเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วก็ไม่รู้
ฟึ่บ..ฟึ่บ...
"อ๊ะ!?"
หญ้าบาดขาซะได้! ฉันเม้มปากมองเรียวขาตัวเองที่ถูกหญ้าบาดเพราะเดินแหวกหญ้าเข้าไปตรงต้นไม้ใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังกัดฟันสู้พร้อมกับก้าวเดินต่อและเหลือบมองโทรศัพท์ตัวเองเป็นระยะ..
"มะ มาแล้วๆ"
มีสัญญาณจริงๆด้วย! ฉันยิ้มกว้างด้วยความดีใจแม้มันจะขึ้นแค่สามจีแต่ถึงอย่างนั้นแชทมันก็เด้งอยู่ มีคนมากมายต่างทักเข้ามาหาฉันด้วยความเป็นห่วงหลังฉันลงรูปตัวเองกำลังเดินทางมานี้ไปเมื่อหนึ่งวันที่แล้ว มีทั้งดีเอ็มจากบรรดากิ๊กและคนรู้จักคนอื่นๆแต่กลุ่มเพื่อนของฉันกลับไม่มีใครพูดหรือถามถึงฉันสักคน เพราะตอนนี้พวกเธอต่างกำลังสนุกสุดเหวี่ยงกันอยู่บนเรือยอชต์...
"น่าอิจฉา"
อยากไปจัง...ทำไมต้องมาแค่ฉันคนเดียวที่ต้องมาติดแหง็กอยู่บนเขาบนดอยคนเดียวแบบนี้เนี่ย!?
พรึบ
ฉันเดินไปนั่งบนพื้นราบใต้ต้นไม้พลางเลื่อนฟีดดูชีวิตสุดหรูของเพื่อนตัวเองด้วยความอิจฉา ก่อนจะเข้าดูหน้าโปรไฟล์ของพายที่ตอนนี้เธอมียอดติดตามเป็นล้านคนได้แล้ว...
"หรูจัง.."
แค่พายลงรูปบนเรือยอชต์รูปเดียวไม่ถึงวันคนกดไลก์ไปกว่าครึ่งล้านแล้ว...ต่างจากฉันที่ลงไปเป็นอาทิตย์ถึงจะมีคนกดไลก์เยอะขนาดนั้น...พายนี่ทำอะไรก็ดูดีดูน่าเอ็นดูไปหมดเลยนะ..
"เฮ้อ"
ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะความขุ่นมัวภายในจิตใจกำลังเกราะกินใจฉันสุดๆ...อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้แย่แฮะ เพราะอากาศที่นี่ดีมากๆยิ่งพระอาทิตย์กำลังจะตกแบบนี้ยิ่งทำให้ความรู้สึกแย่ๆภายในใจหายไปได้ง่ายๆเลย
พรึบ
ฉันวางโทรศัพท์ลงข้างตัวก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับขยับไปอิงต้นไม้ใหญ่ เพราะกะจะพักสายตาสักหน่อย...ตื่นเช้ามากเพราะงั้นขอพักสายตาสักห้านาทีแล้วกัน...
(เรน)
6.35 pm.
พรึบ!
"วางเบาๆ"
"อ่า..โทษทีว่ะแต่กูปวดหลังจะแย่"
ผมมองไอ้กระทิงที่เพิ่งทิ้งกระสอบปูนลงบนพื้นหลังจากที่เราช่วยกันแบกลงมากองไว้หน้าอาคารเรียน พรุ่งนี้ต้องเร่งก่อผนังแล้วเลยต้องเตรียมขนของมาใกล้ๆจุดที่จะก่ออิฐ
"ไอ้เสือมันไปตายห่าไหนวะเนี่ย"
กระทิงเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์หลังเพื่อนตัวดีอีกคนหลายไปไหนไม่รู้ ผมจึงต้องกวาดสายตามองช่วยก่อนจะชี้ให้กระทิงมองตามไปทางห้องเรียนที่ตอนนี้มีไอ้เสือและไอ้น่านน้ำกำลังยืนกอดคอกันจีบสาวครุศาสตร์อยู่
"มึงไม่น่าชวนพวกมันมาเลยไอ้เรน"
"ก็มันบอกอยากช่วย"
"ช่วยทำให้งานล่าช้าน่ะสิ"
ผมยิ้มขำกับคำพูดของไอ้กระทิง คือจริงๆกระทิงมันอยู่คณะวิศวะนะ แต่คนที่อยู่คณะเดียวกับผมคือน่านน้ำ ส่วนเสืออยู่วิศวะเหมือนกระทิงแต่ที่เรารู้จักกันมันเริ่มจากผมไปค่ายแล้วเจอกระทิงที่มาออกค่ายด้วยเราเลยสนิทกันเพราะชอบออกค่ายเหมือนกันนี่แหละ ส่วนอีกสองคนสนิทกันเพราะชอบจีบสาวเหมือนกัน...
"งั้นเดี๋ยวกูไปหาอะไรมาคลุมก่อนกันฝนตก มึงไปตรวจงานเลยก็ได้เดี๋ยวมืดก่อน"
"โอเค ไว้เจอกัน"
"เออ คืนนี้มีนั่งล้อมกองไฟด้วยนะเผื่อไม่รู้"
ผมเลิกคิ้วมองกระทิงขณะที่มันก็พยักหน้าไปทางพวกน่านน้ำ
"ความคิดไอ้น่านน้ำเลย"
"เจ้าอาวาสอนุญาตแล้วเหรอ"
"อือ เห็นว่าได้แต่อย่าดึกเกินสี่ทุ่มอันนี้ก็ชวนเฉพาะคนอยากมาใครอยากพักก็ตามสบาย ยังไงก็ฝากมึงบอกทุกฝ่ายอีกทีด้วย"
"โอเค งั้นกูไปเก็บงานก่อน"
กระทิงพยักหน้าตอบผมจึงหยิบปากกากับสมุดเดินไปตามจุดต่างๆ เพื่อคุยกับคนที่ดูแลในเรื่องที่แจกแจงงาน ค่ายที่ผมสร้างขึ้นมาค่อนข้างจะครบวงจรเพราะจุดประสงค์หลักในการทำค่ายของผมคือมาทำเพื่อให้ได้อะไรบางอย่าง และบางอย่างที่ว่าคือคนในหมู่บ้านมีสิ่งที่สามารถนำไปพัฒนาได้
ทั้งสนับสนุนสินค้าในหมู่บ้าน สอนหนังสือเด็กๆ สร้างและซ่อมโรงเรียนและเรียกร้องสิทธิ์ที่พวกเขาควรที่จะได้ เพราะงั้นค่ายที่เกิดเลยต้องขอความช่วยเหลือจากหลายๆคณะ
"วันนี้มีรอบกองไฟนะครับเผื่อสนใจ"
"ดีจัง เราเอามาชเมลโล่ไปย่างได้ไหม"
"ได้ครับ"
ผมพยักหน้าให้พวกพี่ๆในคณะที่มาร่วม พวกเขาจะดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมในชุมชน ผมยิ้มให้พวกเขาก่อนจะเดินออกมาหลังจากจดสิ่งที่ได้วันนี้แล้ว ต้องสรุปงานที่ทุกฝ่ายทำทุกวันจะได้รู้ว่าแต่ละฝ่ายควรเพิ่มหรือลดอะไรลงบ้าง...
"วิเวียน.."
ใช่สิมีอีกคนนึงที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามาตั้งแต่บ่าย...เห็นหลังกินข้าวบอกว่าจะออกไปเดินดูวิถีชีวิตชาวบ้านแล้วทำไมจนป่านนี้ยังไม่กลับมาที่จุดรวมพลกัน
"กระทิง"
"เออว่า?"
กระทิงที่กำลังยืนคุยกับฝ่ายก่อสร้างฝ่ายที่ตัวเองดูแลหันมามองผมด้วยความสงสัยหลังผมเดินเข้าไปหา
"มึงเห็นวิเวียนไหม?"
"ห๊ะ..เธอบอกจะออกไปที่หมู่บ้านไม่ใช่เหรอ?"
"ใช่ แต่จนตอนนี้ยังไม่กลับ"
"ได้ไง มันมืดแล้วนะเราบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องมารวมกันก่อนหนึ่งทุ่มที่นี่ทุกวัน"
"อืม กูว่ากูต้องเข้าไปตามเธอว่ะยังไงฝากมึงจัดการต่อด้วย"
"เกิดอะไรขึ้นวะหน้าเครียดกันเชียว"
ผมกับกระทิงหันมองน่านน้ำกับเสือที่กำลังเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย
"ก็วิเวียนหายไปน่ะสิ"
"เชี้ย คนสวยของกูหายไปเนี่ยนะ!?"
เสือเบิกตากว้างมองเราด้วยความตกใจทันที ก่อนเราจะพยักหน้าตอบ
"เดี๋ยวกูออกไปตาม"
"งั้นกูไปด้วย"
"โอเค เอาไฟฉายไปด้วย"
ผมบอกเสือขณะที่มันก็ยกไฟฉายขึ้นโชว์ผมกับมันจึงเดินออกจากโรงเรียนเข้ามาทางหมู่บ้านแทน แต่ตอนนี้ที่นี่เงียบและมืดสุดๆ
"ให้ตาย คนในหมู่บ้านเข้านอนกันหมดแล้วแน่ๆ"
"จริง สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีไปไหนของเธอ"
รู้งี้ให้คนไปด้วยสักคน ผมถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอวางใจปล่อยคนในค่ายออกไปคนเดียว
"ยังไงเราแยกกันหาก่อนยี่สิบนาทีแล้วมาเจอกันตรงนี้โอเคไหม"
ผมหันไปมองเสือขณะที่มันก็พยักหน้าตอบ
"ถ้าไม่เจอทำไงวะ"
"คงต้องแจ้งผู้ใหญ่บ้าน แต่เราหากันก่อน...ก่อนฟ้าจะมืดกว่านี้"
ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้อับแสงลงเรื่อยๆด้วยความร้อนใจก่อนจะแยกกับเสือไปคนละทาง ผมออกไปทางขวาที่เป็นเส้นขึ้นเขาส่วนเสือลงไปทางใต้ของหมู่บ้าน
พรึบ..
แรงลมที่กำลังพัดลงมาจากบนเขาทำให้ผมเงยหน้ามองขึ้นไปตรงเนินเขาที่มีเงาต้นไม้ใหญ่ก่อนจะส่องไฟไปทางนั่น และต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างเพรียวนอนหลับตาอิงไปกับต้นไม้ใหญ่อยู่
"วิเวียน!"
เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่แล้วอยู่ในสภาพไม่ได้สติแบบนี้!?