“แดกขนาดนี้มึงอาบเลยไหมล่ะจะได้จบๆ” บรรยากาศใต้ร่มไม้หน้าบ้านกลายเป็นที่รวมพลของเหล่าชายโฉดในค่ำคืนนี้ หลังมีปากเสียงกับสิงค์ปุรินเก็บความหงุดหงิดไว้คนเดียวไม่ไหว เขาจึงโทร. ตามเพื่อนสนิทอย่าง กันต์กร เจ้าพ่อธุรกิจค้าไม้รายใหญ่ประจำจังหวัด อารมณ์กรุ่นๆ แบบนี้เห็นทีต้องระเบิดไม่งั้นฉิบหายไม่ได้นอนทั้งคืน
“ป้อนข้าวป้อนน้ำลูกเสร็จเอาแต่หัววันเลยนะมึง” เจ้าพ่อค้าไม้เคี้ยวถั่วจนเมื่อยแก้ม แต่ยังหาจังหวะค่อนขอดตามประสาคนปากหมา
“ป้อนข้าวพ่องกูเล่านิทาน”
“ฮ่าๆ กูเปรียบเทียบไม่ได้เลย”
“มึงนี่นะ” กันต์กรหาเรื่องเรียกตีนปุรินต่อเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมาก ชายหนุ่มเข้าใจต้นตอปัญหาดีด้วยเข้ามาดูแลธุรกิจที่บ้านในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
แถมอายุทั้งคู่ยังห่างไม่กี่ปีพ่อเลี้ยงกันต์จึงถือเป็นเพื่อนที่ปุรินไว้ใจรองจากตุลการ มือขวาคู่ซี้ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่ไปเจรจาธุรกิจที่ต่างจังหวัด ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงได้มานั่งก๊งเหล้าด้วยกัน
“กูทำไม” ปุรินเลิกคิ้วยียวน
“เครียดก็แดก ไม่เครียดก็แดกอยู่ดี”
“ไอ้กันต์”
“แค่หยอกไหมไม่รู้เวรกรรมอะไรของกูไอ้ตุลแม่งก็เสือกไม่อยู่ แดกๆ ไปให้หมดบอกก่อนเคอร์ฟิวกูไม่เกินเที่ยงคืนนะเพื่อน” กันต์กรกระดกเหล้าเข้าปากเพียงรวดเดียว นัยน์ตาเรียวรีระยับแข่งกับแสงไฟเมื่อเริ่มกรึ่มๆ ได้ที่แล้วเหมือนกัน
“รีบเพื่อ งั้นมึงมีของดีช่วยให้กูเมาเร็วๆ ไหมล่ะ”
“หลังรถมี เอาเปล่า” เจ้าพ่อค้าไม้บุ้ยปากไปทางเอสยูวีคันใหญ่ ของดีที่ปุรินถามหาน่ะเขาติดไว้ประจำเวลาอยากระบาย กันต์กรมั่นใจถ้าเพื่อนสนิทได้ลิ้มลองต้องลืมทุกสิ่งแถมยังคึกคักเป็นพิเศษ แว่วๆ มาวันก่อนปุรินไม่ค่อยลงรอยกับเมียเท่าไหร่ ดังนั้นของขวัญชิ้นนี้น่าจะช่วยกระชับสายสัมพันธ์ได้ดี
“ถ้าเด็ดจริงก็ลองมาวัดกัน”
“แล้วมึงต้องขอบคุณกู” เจ้าพ่อค้าไม้ยักคิ้วเรียวผิวปากเป็นเพลงขณะก้าวไปหยิบขวดยาดองหลังรถ กันต์กรหัวเราะน้อยๆ พลางหรี่มองเพื่อนซึ่งนั่งจมขวดเหล้าบนไม้หินอ่อน รับรองคืนนี้ปุรินต้องสนุกจนลืมความเครียดไปเลย
“แดกให้หมดขวดคืนนี้ไม่เมาไม่เลิกโว้ย!” เสียงเข้มหยอกจากนั้นก็เทยาดองในขวด
“สรุปจะอยู่เป็นเพื่อนกู”
“กูให้ห้าแก้วมึงจอดเมื่อไหร่กูชิ่งกลับไปกกเมีย” ปุรินถึงกับส่ายหน้าให้กับความรักเพื่อนของกันต์กร ชายหนุ่มสบถหยาบจากนั้นก็ซดของเหลวสีอำพันรัวๆ เวลาปกติมีแต่เรื่องวิ่งเข้าใส่ให้ปวดหัว ขอดื่มให้ลืมความเครียดหน่อยแล้วกันเพราะคนเช็ดล้างก็นั่งอยู่ข้างๆ เขานี่แหละ
นาฬิกาหมุนไปกระทั่งเกือบเที่ยงคืนใบหน้าแดงก่ำจึงฟุบลงแนบโต๊ะ ภาพตรงหน้าพร่าเบลอเข้าขั้นเลือนราง นัยน์ตาคู่คมปกติแข็งกระด้างบัดนี้หวานเชื่อมด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“เอาเหล้ามาอีก…อึก กูจะเมา”
“ถ้าตอนนี้มึงไม่เมาก็เหี้ยแล้ว”
“ยังไม่เมา”
“เดี๋ยวกูมา” กันต์ทึ้งศีรษะก่อนเดินเข้าไปในตัวบ้าน ป่านนี้คนข้างในอาจนอนหมดแล้ว ใครจะคิดละว่าไอ้ปุนแม่งคอแข็งฉิบหาย ซัดยาดองจนเกือบหมดโหลทำเขาเสียเวลานั่งฟังมันพล่ามปัญหาชีวิตเกือบสองชั่วโมง เพื่อนเวรเอ๊ย
“โอ๊ยกรรมของกูแท้ๆ บ่าฮ่า”[1] บ่นจบร่างสูงก็หันซ้ายมองขวา บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดเขาไม่เจอมนุษย์เลยสักคน
“คุณกันต์” เสียงเรียกข้างหลังเล่นเอาชายหนุ่มสะดุ้ง ดวงตาเรียวรีเพ่งดูชัดๆ นี่มันนางฟ้าเมียไอ้ปุน
“กอหญ้า”
“มาทำอะไรตรงนี้คะหรือเอาน้ำแข็งเพิ่ม” ญดารินขมวดคิ้วพลางเบี่ยงกายเหมือนอยากเข้ามาช่วย
“พอๆ พี่ไม่ไหวไปช่วยพี่แบกไอ้ปุนขึ้นห้องดีกว่า สภาพเรื้อนมากน้องหญ้าเห็นบางทีอาจจะอยากหย่ากับมันพรุ่งนี้เลยก็ได้”
“คิก ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” หญิงสาวเม้มปากกลั้นขำแล้วเดินตามแผ่นหลังกว้าง จริงๆ ลงมาในครัวเวลานี้ก็เพราะอยากดูแลสามีนั่นแหละ เธอได้ยินจากเมี่ยงว่าเขานั่งก๊งเหล้าตั้งแต่หัวค่ำ ท่าทางคงมีเรื่องกลุ้มใจจนต้องระบายใส่ขวดอีกตามเคย และก็เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิดตรงออกไปข้างนอก ปุรินซุกหน้ากอดขวดยาดองราวกับอวัยวะที่สามสิบสาม
“ฮึก…เฮงซวยผู้หญิงแม่งเฮงซวยกันหมด” ปุรินตัดพ้อตามจิตใต้สำนึก
“โรส…”
“เหี้ยเอ๊ย พี่ขอโทษ” กันต์กรโพล่งหยาบพลางส่งสายตาขอโทษเธอ ชายหนุ่มคงรู้สึกผิดเล็กๆ ยาดองขวดนี้นอกจากทำให้พ่อเลี้ยงหน้าดุเมาเละเทะ มันยังพล่ามชื่อใครอีกคนซึ่งเมียฟังแล้วต้องปวดใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ เราพาคุณปุนขึ้นห้องดีกว่า” เธอยิ้มเจื่อนก้มหน้าก้มตาตอบ บุญของไอ้ปุนแท้ๆ ได้เมียนิสัยดี หน้าตาเหมือนนางฟ้าแถมยังใจกว้างราวมหาสมุทร ถ้าเป็นผัวคนอื่นมันคงตายหรือไม่ก็เลี้ยงไม่โต ขนาดกันต์กรฟังยังอยากวางยาพิษเพื่อนข้อหาทรยศเมียให้รู้ซึ้ง
ทั้งคู่ช่วยกันแบกปุรินขึ้นชั้นสอง ตลอดเส้นทางคนเมาเอาแต่พร่ำเพ้อหลายสิ่งที่ตนเองเผชิญทั้งในอดีตและปัจจุบัน
“น้องหญ้าห้ามเอาไปคิดจริงจังนะ ไอ้ปุนเมาทีไรแม่งปากหมาทุกที”
“ค่ะหญ้าเข้าใจ”
กันต์กรผลักเพื่อนลงตรงเบาะ ความรุนแรงจากสัมผัสว่องไวส่งผลให้ศีรษะปุรินเกือบโขกหัวเตียง
“โอ๊ย!” คนไม่รู้ตัวแผดเสียงเบาๆ
“โทษที พอดีมือมันลั่น” เจ้าพ่อค้าไม้สะใจเมื่อได้เอาคืนเล็กๆ น้อยๆ อย่างไอ้ปากหมาต้องเจอแบบเขาเท่านั้น สมน้ำสมเนื้อทันกันดี
“ดีแล้วพี่ฝากดูมันด้วยแล้วกัน
ญดารินหมุนตัวเข้าห้องน้ำทันทีที่ประตูปิดลง เธอหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กใส่อ่างกลับมาก็คุกเข่าข้างเตียง บางทีความเย็นอาจฟื้นคืนสติอีกฝ่ายได้ไม่มากก็น้อย
“อึก…ไม่เอา อย่ายุ่ง” คนเมาพึมพำในลำคอ เมื่อไม่ต้องการให้สิ่งใดๆ มารบกวนที่เขาทำได้คือปัดป้อง
“คุณปุนนี่หญ้าเอง ขอหญ้าเช็ดตัวให้คุณก่อนนะคะจะได้หลับสบาย” หญิงสาวพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบแต่ปุรินไม่มีทีท่าอ่อนข้อเลย เขาขัดขืนทั้งยังดีดตัวขึ้นมาปลดกระดุมทุกเม็ด กระชากเชิ้ตแขนยาวและขว้างมันลงบนพื้น
“แม่งร้อนฉิบ!”
แม้เครื่องปรับอากาศในห้องจะเปิดจนเย็นฉ่ำ เม็ดเหงื่อมหาศาลยังผุดซึมตามร่างกาย ความร้อนที่ไหลเวียนข้างในเหมือนใกล้ระเบิด
ญดารินตกใจจนเบิกตากว้าง เพราะอยู่ดีๆ อีกฝ่ายก็พุ่งตรงห้องน้ำ พอเธอมองผ่านช่องประตูจึงเห็นเขาทรุดกายใต้ฝักบัว
ซ่า! ซ่า!
ใบหน้าแดงเถือกแหงนรับความเย็น ทีแรกปุรินปฏิเสธตอนเช็ดตัว ทว่าไม่รู้ทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจไปจัดการตนเอง
“คุณปุน”
“อะ…ออกไป” ความแข็งกร้าวตอนกลางวันอ่อนลงอย่างน่าเหลือเชื่อ ญดารินสังเกตความผิดปกติตามร่างกายอีกฝ่าย มือเล็กจึงเอื้อมไปสัมผัสหน้าผากเพราะอยากวัดอุณหภูมิ
“นิ่งๆ ได้ไหมคะหญ้าแค่อยากช่วยคุณ”
“ไม่ต้องอย่าเข้ามา!” พอได้ยินเสียงเข้มตวาดกลับมาความน้อยใจพลันผุดขึ้นกลางอก ปุรินรังเกียจกันจนไม่อยากเข้าใกล้ ใจเขาคิดถึงรักแรกตลอดเช่นนั้นเมียอย่างเธอจะไปมีค่าอะไร ต่อให้ทำดีแค่ไหนความดีก็ไม่เคยเอาชนะใจใครได้จริงๆ
“ถ้าคุณเกลียดจนไม่อยากมองหน้าก็ช่วยหลับตาก่อนได้ไหม หญ้าดูแลคุณเสร็จสัญญาจะไม่มากวนให้รำคาญอีกเลย”
“แม่งเอ๊ย!” ชายหนุ่มกัดฟันร่างกายเดือดปุดๆ จนมือสองข้างกำหมัดเห็นเส้นเลือด เห็นแววตาใสซื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ข้างจมูกสติที่เหลืออยู่ยิ่งกระจัดกระจายความอดทนพลันขาดสะบั้น ญดารินอยู่ในฐานะเมียดังนั้นไม่มีเหตุที่เขาต้องปฏิเสธความปรารถนาของตนเอง
“เธอเลือกเองนะ” ปุรินฉกฉวยลมหายใจหญิงข้างกาย กลีบปากหยาบกระด้างบดขยี้ตามความอัดอั้นข้างในก่อนชายหนุ่มจะพลิกขึ้นมาพาดลำแขนกักขังร่างบางไว้กับผนังห้องน้ำ ลมหายใจหอบกระเส่าระบายเข้าออกตามอัตราการเต้นของก้อนเนื้อในอก เนื้อนุ่มนิ่มตัวหอมๆ ยิ่งจุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน
“อยากวัดอุณหภูมิไม่ใช่เหรอ” ปลายนิ้วเขาเคล้าคลึงริมฝีปากระเรื่อ แววตาหยาดเยิ้มสบตาเจ้าของกลีบปากแดงพลางด่าตัวเองว่าตาถั่ว ปุรินไม่คิดเลยว่าผู้หญิงซื่อๆ คนนี้จะไม่ธรรมดา ญดารินแม่งหวานฉิบหาย การมีเธอเป็นเมียนั้นถือว่าไม่แย่อย่างที่คิดในทีแรก อย่างน้อยเขาก็ได้เล่นสนุกกับร่างกายสาวน้อยจนกว่าจะครบสัญญา
“ร้อนไหม”
“มะ…ไม่ค่ะ” เสียงผู้พูดเบาหวิวแต่เขาได้ยินชัดเจนทุกประโยค พ่อเลี้ยงหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อสัมผัสถึงความหวามไหวในดวงตาสีน้ำตาล
“ไม่ไหวแล้วเหรอ”
“ฮึกคุณปุน…อย่าแกล้งหญ้า” คนเจ้าเล่ห์สอดเรียวลิ้นเข้ามาตวัดดื่มด่ำในโพรงปากอุ่นอย่างไม่รีรอ จูบแสนหวาน ทำเขาเคลิ้มพักใหญ่จากนั้นชายหนุ่มก็ดึงกางเกงนอนผ้าซาตินแล้วเกี่ยวซับในตัวจิ๋วลง
ซ่า! ซ่า!
ปุรินผละห่างกลีบปากแดงช้ำก่อนครางต่ำในลำคอ สายน้ำจากฝักบัวไม่อาจทำให้พวกเขาหนาวกายแต่ยิ่งทวีความเร่าร้อนเพราะสองร่างเบียดชิดไม่เหลือที่ว่างให้อากาศแทรกผ่าน มือแกร่งแยกขาขาวก่อนเร่งเร้าจังหวะบดขยี้ในช่องทางคับแคบ สัมผัสจากคนที่รักทำเธอหอบหายใจแรงๆ ญดารินไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านี้เรียกว่าอะไร สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือปลดปล่อยความทรมานให้จบสิ้น สะโพกสาวเด้งตอดรัดปลายนิ้วผู้มอบประสบการณ์แปลกใหม่ ยิ่งอีกฝ่ายรัวจังหวะใส่มากเท่าไหร่ริมฝีปากอิ่มระรื่นยิ่งปล่อยเสียงครางระงม
“เสียวใช่ไหม” ปุรินยิ้มร้ายขณะเดียวกันยังไม่หยุดหยอกเย้าร่องสวาทเฉอะแฉะแม้แต่นาที คนถูกถามแหงนหน้ามองเพดานดวงตากลมโตไม่อาจมองหน้าชายหนุ่มได้อีก
“อ๊ะหญ้าไม่รู้….ฮึกบอกไม่ถูก” พอใกล้สิ้นสุดความทรมานเธอกัดริมฝีปากจนเจ็บ หยาดน้ำหวานค่อยๆ ล้นทะลักตามด้วยลมหายใจที่แผ่วลง
“ปากตอบไม่รู้แต่ก็เสร็จคามือ”
“หญ้า…”
“ยอมรับมาตรงๆ เหอะว่าเ****นอยากให้ฉันเอา”
พูดจบปุรินก็ช้อนบั้นท้ายงามพลางดันญดารินแนบกระเบื้องห้องน้ำ ริมฝีปากหนาก้มจูบปิดปากจังหวะเดียวกับที่กายแกร่งพุ่งทะยานเข้ามา ชายหนุ่มรัวจังหวะรักเน้นๆ จนคนตัวเล็กซู้ดปากทนความเสียวไม่ไหว เธอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินตามสัญชาตญาณดิบ ญดารินตอบสนองความต้องการได้สุดเหวี่ยงจนปุรินเองยังแปลกใจ
เสียงหวานครางเบาๆ ขณะผู้คุมเกมพลิกร่างนวลเนียนหันหลัง แท่นร้อนผ่าวเสียบกลับมาในปากถ้ำสาวอีกครั้ง มือแกร่งบีบเคล้นหน้าอกสองข้างอย่างเมามัน
“พูดสิกอหญ้าฉันอยากได้ยิน” ปุรินเลียลิ้นข้างใบหูขาววนรอบไม่นานก็เลื่อนต่ำลงมายังซอกคอ ร่างกำยำควบขี่คนข้างหน้าราวไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“ฮึก…หญ้าอยาก… อยากให้คุณเอา” ริมฝีปากกระจับขบกันเบาๆ สัมผัสดุดันทำหญิงสาวใกล้ถึงฝั่งฝัน
“อ๊ะ..ไม่ไหวแล้ว”
“นี่หรือเปล่า แรงๆ แบบนี้ใช่ไหมที่เธอชอบ”
เสียงแหบต่ำดังพร้อมกับแรงกระแทกในจังหวะสุดท้าย ชั่วขณะทุกสรรพสิ่งรอบกายพลันเงียบสงัด สมองเธอขาวโพลนหลังจากแตะขอบสวรรค์ครั้งที่สองด้วยน้ำมือเขา
[1] บ่าฮ่า (ไอ้ห่า) เป็นคำด่าของภาคเหนือ