บทที่ 3

1755 คำ
ไอติมไข่แข็งหน้าโรงเรียนกลายเป็นหม้ายโดยไม่รู้สาเหตุ ทันทีที่แผ่นหลังผู้โดยสารสัมผัสเบาะ รถจี๊ปคันใหญ่ก็ออกตัวว่องไวปานสายฟ้า พลขับหน้าหล่อเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ซ้ำยังไม่หยอกล้อกับลูกชายเหมือนอย่างเคย ญดารินลอบสังเกตความผิดปกติของชายหนุ่มตลอดเส้นทาง พอดวงตาคู่คมจ้องกลับมาทีไรเธอขนลุกซู่ราวกับมีความผิดติดตัว ปุรินเลี้ยวเข้าอาณาเขตไร่ประเวศสกุล ความยิ่งใหญ่ของไร่องุ่นกินพื้นที่ไปมากกว่าหนึ่งพันไร่ นอกจากผลผลิตสุดตระการตาแล้ว ขับไปเรื่อยๆ ยังมีห้องอาหาร ร้านกาแฟ และรีสอร์ตติดปลายเชิงเขาอย่างภูผาอิงดาว ล้อทั้งสี่ข้างหยุดหมุนตามอารมณ์ผู้ขับขี่ ใบหน้าคมสันแสดงความหงุดหงิดทันทีที่ปลายเท้าสัมผัสพื้น “เมี่ยง!” เสียงเข้มตะโกนเรียกพี่เลี้ยงของลูก พออีกฝ่ายวิ่งออกมาจากในครัวปุรินก็ยื่นกระเป๋าพร้อมสั่งให้พาภูหมอกเข้าบ้าน “คืนนี้พ่อจะส่งหมอกเข้านอนไหม” ดวงตาเฉี่ยวคมไม่ต่างกับพ่อหม่นเศร้าตามประสาเด็กถูกละเลย ภูหมอกคว่ำปากจากนั้นก็เขย่งปลายเท้าดึงชายเสื้อที่หลุดนอกกางเกงยีน “มานะพ่อ หมอกอยากฟังนิทาน” ลมหายใจคนพาลสะดุดห้วงหนึ่งเมื่อได้ฟังสิ่งที่ลูกพูด หัวใจแทบขาดรอนๆ แต่เพราะภาระหนักอึ้งบางครั้งจึงไม่อาจใส่ใจภูหมอกแบบที่ควรจะเป็น “โอเคหมอกรีบอาบน้ำ ทำการบ้านให้เสร็จอย่าดื้อกับพี่เมี่ยงเดี๋ยวคืนนี้พ่อมานอนด้วย” ชายหนุ่มลูบศีรษะทุยพลางระบายยิ้มบางๆ ด้านญดารินพอเห็นภาพตรงหน้าได้แต่ภาวนาให้ภูหมอกช่วยทำให้ปุรินสงบลง แต่พอเด็กน้อยหันหลังเข้าบ้าน ชายหนุ่มที่คิดว่าอาจเย็นขึ้นอ้อมไปยังท้ายรถ มือกระด้างหยิบปืนลูกซองแล้วก้าวดุ่มๆ ไปทางทิศที่ต้องการ ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในไม่กี่นาทีข้างหน้าทำหญิงสาวปากคอสั่น ดวงตากลมฉายแววกังวล ทว่าสุดท้ายญดารินก็จ้ำอ้าวตามหลังอีกฝ่าย “คุณปุน เดี๋ยวก่อนค่ะรอหญ้าก่อน” ญดารินรีบไปดักหน้าคอกม้า เธอเดาว่าปุรินคงจะขี่ม้าตัวโปรดไปเอาเรื่องใครบางคนในละแวกบ้านพักคนงาน เพราะอาณาจักรแห่งนี้ไกลสุดลูกหูลูกตา พื้นที่หลายหมื่นตารางเมตรใหญ่เกินกว่าจะเดินไปหากัน “ทำบ้าอะไร” พ่อเลี้ยงหนุ่มขมวดคิ้วตำหนิ “ออกไปอย่ามาเกะกะขวางทาง” ลมหายใจอุ่นร้อนระบายออกหลายรอบบอกอารมณ์ข้างในที่ใกล้ระเบิดเต็มทน “คุณปุนจะไปไหนคะ” ญดารินได้ยินเหล่าคนงานสุมหัวคุยกันท้ายไร่ หมู่นี้ข่าวไม่ดีหนาหูขึ้นทุกวันหลายครั้งบางคนมีปัญหาเพราะไปกู้เงินนอกระบบและเอาไปเล่นพนันซึ่งเป็นกฎต้องห้ามถ้าอยากอาศัยใบบุญที่นี่ ครั้งหนึ่งมือขวาคนสนิทพ่อเลี้ยงหนุ่มเคยพลาดท่าเอาชีวิตไปสังเวยพนันบอลและมันเกือบพรากคนไร้ทางออกจากครอบครัว ปุรินจึงเกลียดอบายมุขชนิดนี้เข้ากระดูกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “ทำไมต้องตอบ ลืมไปหรือเปล่าฉันอยู่ในฐานะเจ้านายส่วนเธอแค่ขี้ข้าคุณย่า” “ถ้าหญ้าเป็นอย่างที่คุณบอกจริง งั้นหน้าที่ขี้ข้าก็ควรรายงานคุณท่านถูกไหมคะ” เสียงเรียบเฉยกล่าวเหมือนไม่สะทกสะท้าน คนตัวเล็กทำท่าจะหยิบเครื่องมือสื่อสาร ทีแรกญดารินยอมรับว่าหวาดกลัวแต่ความรู้สึกพวกนั้นดับมอดเพราะความบ้าระห่ำของอีกฝ่ายเกินมนุษย์ทั่วไป ใบหน้าเขม็งขึงกับทีท่าเดือดดาลจะให้เธอวางเฉยได้อย่างไร หญิงสาวกลัวปุรินพลั้งมือฆ่าคนมากกว่า “หญ้าโทร. หาคุณท่านเลยดีกว่า ท่านคงไม่สบายใจหรอกถ้ารู้ว่าตัวเองไปทำบุญส่วนหลานกำลังจะทำบาป” “ญดาริน!” ไวเท่าความคิดคนอารมณ์ร้อนคว้าสมาร์ตโฟนเครื่องบางปาลงพื้น ร่างกำยำปรี่เข้าไปกระชากแขนแล้วย่างก้าวประชิดจอมอวดดี มือกระด้างบีบปลายคางสั่งสอนให้เธอสงบปากสงบคำ “อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนโปรดคุณย่าแล้วจะพูดอะไรก็ได้ เธอก็แค่ลูกคนงานหัดเจียมตัวไว้ซะบ้าง แค่สะเออะมาเป็นเมียฉันก็น่าขยะแขยงจะแย่” “จะบอกให้นะถ้าเงียบไม่ได้ทีหลังก็หัดใช้ปากเก่งๆ นี้ให้เป็นประโยชน์”เสียงเย้ยหยันว่าจากนั้นค่อยๆ เลื่อนปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากบาง “คะ…คุณปุน” สรรพนามเรียกชายหนุ่มแผ่วเบาฟังแทบไม่ได้ยิน มือสองข้างชื้นเหงื่อความกลัวผุดทั่วทุกอณูของผิวหนัง “ถ้าลีลาดี ฉันอาจประทับใจจนลืมว่าเธอมันน่ารังเกียจยังไง” ร่างเล็กสั่นเทาด้วยไม่เคยเห็นปุรินด้านนี้มาก่อน ดวงตาคู่คมดูหยาบช้ากว่าปกติ “ปล่อยหญ้า อย่าทำแบบนี้”ญดารินต้องใช้ความกล้าอย่างมากกว่าจะห้ามคนใจร้าย ทำไมเขาถึงเลือดร้อนทั้งยังอันตรายจนน่าตกใจ “ระแวงกลัวฉันจะทำอะไรตรงนี้ เธอน่าจะทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วนะเราเป็นผัวเมียกันเรื่องแค่นี้ถือว่าปกติมาก” ร่างสูงยักไหล่พลางหัวเราะสะใจที่ได้เอาคืน “ปกติแน่ค่ะ ถ้าคุณปุนไม่ใช้วิธีนี้บังคับหญ้า” “วิธีนี้” ปุรินถามทั้งที่รู้คำตอบเป็นอย่างดี “วิธีไหน ลองอธิบายให้ฟังหน่อยสิคนเก่ง”เขาตีรวนก่อนดันหญิงสาวชิดขอบรั้ว “คุณกำลังบังคับหญ้าให้ทำอย่างที่ต้องการ คุณไม่คิดบ้างเหรอคะทำแบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” “ลูกผู้ชาย”ปุรินทวนคำจากนั้นก็ยกมือลูบแก้มสาวน้อย “ฉันไม่เป็นลูกผู้ชายตั้งแต่วันที่เธอสรรหาวิธีสกปรกมาหว่านล้อมคุณย่าแล้วไม่รู้หรือไง ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัดไม่หัดเจียมตัวมีค่าอะไรถึงต้องให้เกียรติ”น้ำเสียงเย็นชากระซิบข้างหู เขาต้องการบดขยี้ศักดิ์ศรีผู้หญิงน่ารังเกียจคำพูดห่ามๆ จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ “ถ้ายังรักสบายก็อยู่นิ่งๆ ทำตัวง่ายๆ อย่าสร้างปัญหาให้ปวดหัว เธอนอนกอดทะเบียนสมรสของเธอไป แต่ถ้าล้ำเส้นเมื่อไหร่ต่อให้เป็นคนของคุณย่าฉันก็จะเขี่ยเธอทิ้ง!” ชายหนุ่มผลักแม่เมียตีทะเบียนจนพ้นตัว ร่างแข็งแกร่งตรงเข้าไปในคอกม้าก่อนกระตุกเชือกขี่เจ้าสีครามออกไป คล้อยหลังอีกฝ่ายคนที่จมอยู่กับความเสียใจยืนจ้องแผ่นหลังกว้างไกลสายตาออกไปเรื่อยๆ หญิงสาวก้มเก็บเศษซากผุพังบนพื้นหญ้า โทรศัพท์เครื่องเล็กแตกร้าวไม่ต่างกับหัวใจของเธอ ทุ่งหญ้าเขียวขจีปลิวไหวตามลม คนใจร้อนควบม้าเร็วราวกับเหาะ มือกระด้างดึงเชือกบังคับสัตว์หน้าขนให้เลี้ยวตามทิศที่ตนต้องกา เจ้าของบุคลิกน่าเกรงขามกระโดดลงจากหลังม้าจากนั้นก็เร่งฝีเท้าผ่านพื้นดินที่อบอวลไปด้วยฝุ่น เห็นเป้าหมายอยู่ไม่ไกลสองขาถีบแคร่ไม้ทำชายหนุ่มที่กำลังดื่มเหล้าย้อมใจตื่นทันตา “นาย…” “กูเคยบอกแล้วใช่ไหมมึงจะทำอะไรก็ได้แต่อย่าหาเรื่องเหี้ยๆ ใส่ตัว แต่นี่นอกจากมึงไม่ฟังคำกูแล้วมึงยังทำกูเดือดร้อน มึงรู้ไหมของล็อตที่มึงไปส่งมูลค่าเท่าไหร่” น้ำเสียงดุดันว่าขณะกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย “ผมขอโทษ” สิงค์ยกมือไหว้เจ้านาย นัยน์ตาแดงก่ำสบตาผู้พูดมองก็รู้ว่าบรรเลงความเศร้ามาทั้งช่วงบ่าย นอกจากเป็นนายจ้างปุรินยังเหมือนพ่อพระสำหรับชาวบ้านและคนงานที่นี่ ชายหนุ่มปากหมาเลือดร้อนก็จริงแต่ทุกครั้งที่เกิดปัญหาเขาไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง หนำซ้ำยังพัฒนาชุมชนใกล้ๆ จนเจริญยิ่งกว่าเดิม ปุรินไว้ใจสิงค์เพราะทำงานด้วยกันตั้งแต่เขารับไม้ต่อจากคุณหญิงพรรณนารายใหม่ๆ หนุ่มนักเรียนนอกในเวลานั้นยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับกิจการของบรรพบุรุษนักก็มีสิงค์นี่แหละคอยเป็นมือเป็นไม้ให้ ดังนั้นการที่สิงค์ติดพนันทำให้ถูกดักทวงหนี้ระหว่างทางไปส่งไวน์ถือเป็นเรื่องบัดซบมากสำหรับคนที่มีอายุงานนานและความรับผิดชอบดี “มึงไปกู้พวกไหนมา” โดนตีนเขาไม่พอสิงค์ยังเสนอหน้าไปหาตีนเพิ่ม ใบหน้าช้ำเลือดรอยแผลตามเนื้อตัวก็เพราะสมรภูมิรบเมื่อเช้า “ถ้าผมบอกนายอย่า…” “มึงเลือกเอาว่าจะเล่าหรืออยากแดกลูกกระสุนกู” อาวุธเหล็กเย็นเฉียบไล่ตามใบหน้าไม่พอปุรินยังแสยะยิ้มร้าย “กูบอกให้มึงเลือก!” เห็นฝ่ายตรงข้ามชักช้าพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่รีรอหยิบปืนยิงขึ้นฟ้าทันที เป็นที่รู้กันในหมู่คนงานนิสัยเขาไม่เคยให้โอกาสใครเกินสามครั้ง ปุรินปกครองลูกน้องมากมายเพราะฉะนั้นทุกการกระทำต้องเด็ดขาด ถึงเขารักสิงค์เหมือนครอบครัวแท้ๆ แต่ผลของการแหกกฎย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ปัง! ปัง! “นาย… ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว” สิงค์กอดขาผู้เป็นนายน้ำตาพลันไหลอาบแก้ม “ผมจะไม่ทำอีกผมสัญญา” “กูให้โอกาสมึงเมื่อกี้มึงยังเงียบไม่ตอบเท่ากับโอกาสที่มึงขอจบแล้ว” “แต่ผม…ผมไม่มีทางเลือก ผมแค่อยากรวยอยากให้ครอบครัวสบาย” “ไม่มีใครสบายเพราะพนันบอล ของเหี้ยๆ แบบนั้นแม่งจะทำให้มึงฉิบหาย” พอได้ฟังคำตอบคนโมโหถึงกับนิ่งไปพักหนึ่ง ปุรินเข้าใจทุกคนอยากสบายไม่มีใครต้องการชีวิตที่แร้นแค้นลำบากไปทั้งชาติ แต่ทางออกไม่ใช่การเป็นผีพนันแล้วหวังรวยทางรัด วิธีผิดๆ แบบนั้นไม่เคยทำให้ใครเจริญยิ่งจะฉุดให้ต่ำลง “พรุ่งนี้กูต้องไม่เห็นหน้ามึงที่นี่อีก ส่วนเมียกับลูกมึงเขาไม่ได้ทำอะไรผิดจะอยู่ต่อก็ได้ แต่มึงไสหัวไปให้พ้นๆ หน้ากู” มือแกร่งผ่อนแรงลงเมื่อสิ้นคำพิพากษา พ่อเลี้ยงหนุ่มหันหลังไม่ฟังเสียงร้องไห้ คนงานที่เฝ้ามองอยู่อาจคิดว่าคำสั่งเขาเลือดเย็นและใจร้าย หากสิ่งที่อยู่ในใจพวกนั้นไม่ระคายความรู้สึกปุรินสักนิด ชายหนุ่มยึดคำสอนบิดาเป็นหลักถ้าต้องการอยู่ในจุดสูงสุดทำตัวเป็นหมาล่าเนื้อไม่แคร์ใครน่ะถูกต้องที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม