@ห้องชมรม
"............."
ฉันได้แต่นั่งหน้างอ บอกตามตรงตอนนี้มันโคตรเบื่อ เบื่อที่สุด เฮียพีชลากฉันมาห้องชมรมกีฬาอีสปอร์ต ห้องที่พวกเขาเอาไว้พักผ่อนตอนไม่มีเรียน เนื่องจากมหาลัยที่พวกเราเรียนอยู่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมแพงที่สุดในประเทศ แต่ล่ะปีมีเงินสนับสนุนจากสมาคมผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก และที่มากที่สุดก็เห็นจะเป็นครอบครัวของเฮียพีช ให้การสนับสนุนเงินบริจาคปีล่ะไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท ตัวเขาในตอนนี้เรียกได้ว่ามีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นๆ อยากทำอะไรก็ทำ แม้แต่ห้องพักส่วนตัวมหาวิทยาลัยยังจัดเอาไว้ให้พวกเขาโดยเฉพาะ นี่สินะข้อดีของคนรวย เขาถึงว่ากันว่า คนมีเงินเนรมิตได้ทุกอย่าง
"นั่งหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองขนาดนี้ ไอ้พีชมันแกล้งอะไรอีกครับคนสวย
เสียงทุ้มอบอุ่นของเฮียไปร้ทดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มเอ็นดู เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมส่องประกายอย่างขี้เล่น เหมยหลินที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งถึงกับหันขวับไปมองอย่างมีความหวังว่ามีคนเข้าข้าง
"สวัสดีค่ะเฮียไปร้ท : ฉันหันไปมองยังต้นเสียงก่อนจะพนมมือไหว้กล่าวคำทักทายรุ่นพี่สุดหล่ออย่างเฮียไปร้ท
ริมฝีปากเล็กคลี่ยิ้มบาง แม้จะยังมีรอยบูดเบี้ยวอยู่บ้างในแววตา ท่าทีที่เรียบร้อยแต่ไม่อาจซ่อนความหงุดหงิดไว้ได้หมด
"ว่าไงครับ...หน้างอขนาดนี้ มันแกล้งอะไรเราอีก
เฮียไปร้ทเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ ขณะเดินอ้อมมาด้านข้าง มือหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกมือเท้าโต๊ะหลวม ๆ มองหน้าฉันที่ยังไม่หายโกรธ
"ก็เฮียพีชนะสิคะ เหมยอุตส่าห์จ้องตั๋วหนังเอาไว้ ตัวเองไม่ไป เหมยก็เลยยกให้คนอื่น พอเหมยจะไปกลับลากเหมยมานั่งในห้องนี้ ไม่ยอมให้เหมยไปดู แถมยังยึดตั๋วของเหมยไปอีก ใจร้ายชะมัด
น้ำเสียงฉันสั่นนิดหน่อยด้วยความไม่พอใจ ตาคู่โตแสดงความขุ่นเคืองเต็มที่ มือก็กอดอกแน่น ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่เจ้าตัวต้นเหตุที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
พูดจบก็ทำหน้างอใส่ แถมยังขมวดคิ้วเป็นปม ปากจู่จนแทบจะติดกับปลายจมูกอยู่แล้ว แต่ดูอีกคนสิ....นั่งผิวปากอารมณ์ดีเฉยเลย มันน่าตีให้ตาย
พีชนั่งไขว่ห้าง สะบัดขาเบา ๆ ตามจังหวะเสียงผิวปากที่แผ่วเบา เขาเอนหลังพิงพนัก มือประสานกันไว้บนตักด้วยท่าทีที่ดูไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ดวงตาเรียบเฉย แต่แอบแพรวพราวอย่างน่าหมั่นไส้
"มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องวะ..วุ่นวายอะไรกับชีวิตเขาขนาดนั้น.. : เฮียไปร้ทหันไปพูดกับเฮียพีช แต่อีกคนไหวไล่ใส่อย่างไม่สนใจ แถมยังทำหน้าตายียวน ท่าทางแบบนี้ไปหัดมาจากไหนกัน ชักจะกวนเกินไปแล้ว
ไปร้ทชี้ปลายนิ้วไปยังอีกฝ่ายค่อนข้างแรง ดวงตาเปล่งประกายจริงจัง ส่วนพีชเพียงยักไหล่เบา ๆ ราวกับคำตำหนิที่ได้ยินคือเสียงลมผ่านหู
"เฮียพีช !!!
ฉันตวัดสายตามองเขาอย่างเหลืออด พร้อมเสียงตะโกนที่ปะปนทั้งความโกรธและความน้อยใจ
"ว่า..
คำตอบของเขาเบาและเนือย แต่กลับทำให้ฉันอยากขว้างหมอนใส่หน้าเขาแรง ๆ
"เอาตั๋วหนังของเหมยมา...ขืนเฮียยังแกล้งเหมยอยู่แบบนี้ เหมยจะไปไม่ทันนะ..
ฉันเดินเข้าไปใกล้ มือยื่นไปตรงหน้าเขาอย่างเรียกร้อง ดวงตาวาววับด้วยแรงต้าน ทว่าอีกคนกลับกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนกำลังสนุก
"ก็ไม่ได้อนุญาตให้ไปตั้งแต่แรกแล้วนิ
เขาตอบเสียงเรียบแต่เด็ดขาด พร้อมเลิกคิ้วข้างหนึ่งช้า ๆ เหมือนจะบอกว่า ‘ฉันมีอำนาจ’
"เฮีย...??
เสียงของฉันอ่อนลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะถอยหลังออกเล็กน้อยเมื่อสบตาคมนิ่งของเขา
ฉันมองหน้าเขา แต่เขากลับทำเป็นไม่สนใจ แถมยังยักคิ้วข้างเดียวใส่ฉันอีกด้วย ราวกับว่าเขาคือผู้ชนะ ให้ตายเถอะเฮียพีชคนที่นิ่งขรึม เย็นชา ไม่สนโลก น้ำแข็งขั้วโลกเหนือยังอาย คนที่ทุกคนพูดถึง คงไม่ใช่เขาสินะ
ฉันกัดริมฝีปากแน่น พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังลุกพรึ่บ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจเต้นแปลก ๆ กับท่าทีเหนือกว่าของเขา
"เดี๋ยวๆ..มึงมีสิทธิ์อะไรไปอนุญาตหรือไม่อนุญาต ???
เสียงเฮียไปร้ทแทรกขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าเริ่มไม่พอใจอย่างจริงจัง เขายืนเต็มความสูงพร้อมเงาทาบทับพีชที่ยังคงนั่งเฉยอยู่
"ใช่..เฮียมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้ : ฉันขยับไปยืนข้างหลังเฮียไปร้ท แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าฉันเห็นด้วยกับคำพูดของเฮียไปร้ททุกอย่าง
มือหนึ่งจับแขนเสื้อของเขาเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยการขอความช่วยเหลือ เฮียไปร้ทคือเกราะกำบังที่ดีที่สุดในเวลานี้
"ขยับออกมา...ไปยืนอยู่หลังคนอื่นทำไม
เสียงเย็น ๆ ดังขึ้นจากพีช แววตาแข็งกร้าวชั่ววูบหนึ่ง มือชะงักกับพนักพิง ก่อนจะหันหน้ากลับมาเต็ม ๆ
"กูไม่ใช่คนอื่น...
น้ำเสียงของไปร้ทมั่นคง ท่าทีไม่ถอย ร่างสูงยืดตัวตรง ข่มกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
"มึงอ่ะคนอื่น...
พีชตอกกลับทันที แววตาไม่เปลี่ยน สีหน้าแน่นิ่ง ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อยแต่ชัดเจนทุกคำ
"ถ้ากูเป็นคนอื่น มึงก็ไม่ต่างกันหรอกไอ้พีช
ไปร้ทจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่กระพริบ เสียงเริ่มต่ำลง แฝงไปด้วยความท้าทาย
"ต่างดิวะ...ต่างแน่นอน
พีชหัวเราะในลำคอ เสียงเบาราวกับล้อเลียน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายด้วยสายตาเย้ยหยัน
"ต่างยังไง...มึงกับกูมีศักดิ์เป็นพี่ของเหมยหลินเท่ากัน
ไปร้ทยังคงนิ่ง แต่สายตาเริ่มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ
"ต่างตรงที่เหมยหลินชอบกู แต่ไม่ได้ชอบมึง...
พีชพูดพลางยกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมนิ่งเจือความแน่ใจและเอาชนะ ทุกถ้อยคำหล่นออกมาช้า ๆ แต่หนักแน่นราวกับค้อนทุบหัวใจ
ทุกอย่างเงียบลงโดยอัตโนมัติหลังสิ้นสุดประโยคของเฮียพีช เฮียไปร้ทถึงกับเค้นยิ้มออกมา ก่อนจะจ้องมองเฮียพีชด้วยสายตาแห่งการจับผิด
ความเงียบกลืนห้องทั้งห้องทันที เหมยหลินเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว เฮียไปร้ทหรี่ตามองพีชอย่างชั่งใจ ริมฝีปากขบเม้มแสดงความอึดอัดที่เริ่มปะทุขึ้น
"มึงชอบน้องเหรอ ??
คำถามที่แหลมคม ดังก้องกลางความเงียบของอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน
"ยัยนี่ต่างหากที่ชอบกู
พีชปรายตามองฉันแวบหนึ่ง ริมฝีปากหยักยกขึ้นน้อย ๆ อย่างผู้เหนือกว่า สีหน้าเรียบเฉยแต่คำพูดนั้นทิ่มแทงตรงใจกลาง ความนิ่งของเขายิ่งทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
"ชอบแล้วไง..ก็เฮียไม่ยอมใจอ่อนให้เหมยสักทีอ่ะ เหมยก็เหนื่อยเป็นนะ ขี้เกียจจีบแล้วเนี่ย
ฉันเบ้ปากใส่เขา มือทั้งสองเท้าเอวอย่างหงุดหงิด ดวงตาคู่โตสะท้อนความน้อยใจระคนอ่อนล้า รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังไล่คว้าสิ่งที่ไม่เคยใกล้ได้สักที
"เธอชอบฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าชอบฉันจริงก็ต้องพยายามหน่อย..และอีกอย่างเธอก็ควรจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังฉัน ไม่ใช่ดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองอยู่แบบนี้
น้ำเสียงเขาอ่อนลงจนน่าประหลาด ริมฝีปากที่ขยับพูดคำเหล่านั้นดูนุ่มนวลกว่าทุกที ดวงตาคมที่เคยนิ่งเฉยบัดนี้กำลังจ้องฉันด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มันอบอุ่น แต่ก็แฝงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ
"ฮะ..เฮีย : ฉันถึงกับชะงัก จากเดิมที่กำลังหงุดหงิด พร้อมจะฟาดกลับเขาทุกคำ แต่พอได้ยินคำพูดที่เขาบอก บวกกับน้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาเอ่ย เฮียพีชเอาแต่จ้องฉันด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งนิ่ง ทำเอาฉันถึงกับรวน ไปต่อไม่เป็น ได้แต่ยืนเกาะแขนเฮียไปร้ท ทำหน้าตางุนงงอยู่อย่างนั้น
มือที่กำแน่นค่อย ๆ คลายลงโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจสะดุด ราวกับทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง เสียงหัวใจของตัวเองดังกลบทุกสิ่ง ความสับสนพุ่งปะทะจนพูดไม่ออก ได้แต่หันไปมองเฮียไปร้ทอย่างขอที่พึ่งทางใจ
"หึ...ไม่อยากให้น้องมันไปกับผู้ชายคนอื่นก็พูดมาดิ..จะลีลาเพื่อ ???
ไปร้ทหัวเราะหึในลำคอ ส่ายหน้าเบา ๆ สายตาชำเลืองไปทางเพื่อนสนิทด้วยแววล้อเลียนเจือจริงจัง ราวกับจับไต๋ได้ทุกอย่างแล้ว
"อืม..กูไม่อยากให้ไปกับผู้ชายคนอื่น..กูหวง..
เสียงของเขานิ่ง แต่น้ำหนักเต็มเปี่ยม ดวงตาคมกริบฉายชัดถึงความรู้สึกจริงที่ไม่ปิดบังอีกต่อไป สีหน้าเรียบสงบ ทว่าคำว่า “หวง” ที่หลุดออกมา กลับทำลายกำแพงในใจฉันอย่างจัง
"อะไรนะ ! : แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน หวงงั้นเหรอ เฮียพีชหวงฉันกับผู้ชายคนอื่นเนี้ยนะ เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ชอบฉันนี่น่า ถ้าเป็นฉันหวงเขาล่ะว่าไปอย่าง
ร่างกายฉันแข็งค้างทันที ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ ใบหน้าร้อนวูบวาบ ลมหายใจขาดห้วง ดวงตาเบิกกว้างมองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"หึ..... ไอ้เชี้ยพีช...ยอมรับออกมาจนได้นะมึง
ไปร้ทกระตุกยิ้มที่มุมปาก เอียงคอมองเพื่อนสนิทราวกับคนที่รอมานานว่าจะมีวันนี้
"ก็ยัยเด็กกะโปโลคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวกู กูก็แค่หวงแทนแพรไหมก็เท่านั้น ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
พีชพูดเสียงราบเรียบ แววตาวูบไหวเล็กน้อยราวกับพยายามเก็บความรู้สึกบางอย่างไม่ให้ไหลทะลักออกมา
"หวงแทนแพร ? เฮียจะมาหวงเหมยแทนแพรเนี่ยนะ บ้ารึเปล่า..
ฉันขมวดคิ้ว มองหน้าเขาด้วยสายตาสงสัยเต็มแรง ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่อยากเชื่อในเหตุผลที่เขาเอ่ยออกมา
"เห่อะ !!! กูว่าแล้ว : เฮียไปร้ทส่ายหน้าก่อนจะเผยรอยยิ้มมุมปากออกมา อย่างกับคนที่รู้ใจเพื่อนสนิทของตัวเองเป็นที่สุด
เขากอดอกพลางหัวเราะเบา ๆ อย่างผู้ชนะ ดวงตาแพรวพราวเจือความสะใจปนเอ็นดู
"ถ้าอยากดูมากเดี๋ยววันหลังฉันจะพาไปดู...
พีชเอ่ยเสียงนุ่ม ราวกับจะประนีประนอม ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเหมือนพยายามอ่อนข้อ
"แต่หนังมันฉายวันนี้วันสุดท้าย เหมยอยากไปวันนี้นี่น่า
ฉันรีบพูดทันควัน น้ำเสียงแอบงอน ใบหน้าเริ่มฟ้องถึงความเสียดาย ริมฝีปากจู่เล็กน้อย
"วันนี้ก็ได้ แต่เธอต้องรอฉันอยู่ที่นี่ รอฉันทำงานส่งอาจารย์เสร็จ เดี๋ยวจะพาไปโอเคไหม
เขาขยับเข้ามาใกล้เล็กน้อย สายตานิ่งแน่ว ท่าทางไม่ได้อ้อนวอนแต่จริงใจจนทำให้ฉันลังเล
"ไม่ต้องมาหลอกเหมยเลยนะ ไปตอนนี้มันจะทันได้ไง...ป่านนี้หนังฉายไปได้ครึ่งเรื่องแล้วมั้ง กว่าจะไปถึงก็จบพอดี เขาคงจะให้เข้าอยู่หรอก...
ฉันบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงหมดหวัง ขมวดคิ้วแน่น เอามือกอดอกเชิงป้องกันตัวเองจากความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
"ไปกับฉันเธอห่วงอะไร..อยากดูกี่รอบก็บอก..ฉันจัดการให้เธอได้...ดูวนเป็นร้อยรอบยังได้เลย
เขายักไหล่น้อย ๆ ราวกับสิ่งที่พูดเป็นเรื่องง่าย สีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงความมั่นใจเต็มเปี่ยม น้ำเสียงอบอุ่นจนทำให้ใจฉันแกว่งไปหมด
"ขี้โม้
ฉันกลอกตา มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ซ่อนความหวั่นไหวไว้ไม่มิด
"โม้ไม่โม้เดี๋ยวก็รู้เอง..ไปนอนกินนมรอตรงโน้นไป เสร็จแล้วเดี๋ยวเรียก
พีชยิ้มมุมปากก่อนจะชี้ไปที่โซฟา ราวกับแกล้งแหย่ฉันให้หัวร้อนอีกครั้ง
"เฮียยย..เหมยไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ
ฉันตีแขนเขาเบา ๆ ด้วยความขัดใจ ใบหน้าแดงเรื่อ ดวงตากลอกกลิ้งอย่างงอน ๆ แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ ราวกับหัวใจยอมแพ้ให้กับความอ่อนโยนซ่อนเย็นชานั้นโดยไม่รู้ตัว
"อ้าวเหรอ...ดูภาพรวมแล้วนึกว่าใช่... : สายตาจ้องมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าอก ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมามองหน้าฉันอีกครั้ง ยกยิ้มมุมปากแล้วเน้นคำว่า "เด็กอนุบาล" แบบนี้แปลว่าอะไร จะบอกว่าของฉันมันเล็กเหมือนของเด็กอนุบาลงั้นเหรอ ไอ้คนบ้า
"เฮียพีช !!!!!