“ถ้าตกลง เธอจะไม่มีสิทธิ์ไปไหน จนกว่าฉันจะปล่อยเธอไปเอง” พีรวัชร์เอ่ยจริงจัง
“ค่ะ ตามที่นายหัวบอกนั่นแหล่ะค่ะ ว่าแต่นายหัวจะไม่ยึดบ้านเราแล้วใช่มั้ยคะ จะคืนที่ให้เราจริงๆ ใช่มั้ยคะ” น้ำมนต์เอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไง ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ว่าแต่เธอเถอะใจถึงพอที่จะเป็นนางบำเรอของฉันมั้ย” พีรวัชร์เอ่ยท่าทางยียวน เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปให้ไอ้บดินทร์แน่นอน ที่สำคัญกว่านั้นที่ดินของเธอก็จะตกเป็นของไอ้บดินทร์ซึ่งเขายอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนอย่างมันทำให้เขาคิดดีกับมันไม่ได้เลย
“หมายความว่าฉันต้องนอนกับนายหัว” แม้พอจะรู้เลาๆ ว่าเงินมากมายขนาดนี้เขาคงไม่เอาเธอมาเป็นแค่พนักงานในรีสอร์ทหรอก แต่เด็กกะโปโรอย่างน้ำมนต์ ใครจะคิดว่าคนอย่างนายหัวพีรวัชร์จะพิศวาสในตัวเธอ
“ก็ใช่สิ เพราะเธอขายตัวเองให้ฉันแล้ว ฉันคงไม่จ้างเธอมานั่งเฉยๆ หรอกนะ ประโยชน์ของเธอมันคงได้แค่นี้จริงๆ” พีรวัชร์เอ่ยเสียงยียวน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกสนุกในการต่อปากต่อคำกับแม่สาวคนนี้
“ฉันเข้าใจค่ะนายหัว ฉันยอมหมดทุกอย่างแหล่ะ ขอแค่พ่อกับแม่ไม่ต้องย้ายออกไปไหน” น้ำมนต์ยอมรับสภาพ และเธอกำลังหาทางออก เธอไม่รู้ว่าเธอจะปดบิดามารดาได้อย่างไร ถึงจะทำให้บิดามารดาไม่รู้เรื่องที่เธอเอาตัวเข้าแลกกับโฉนดที่ดินของที่บ้านเธอ
“งั้นเธอก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” พีรวัชร์กล่าวจริงจัง
“พะ...พรุ่งนี้เลยเหรอคะ มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” น้ำมนต์ตั้งตัวไม่ติด เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้ทุกอย่างในชีวิตของเธอจะต้องเปลี่ยนไป
“ถ้ากลัวก็กลับไป ถือว่าเราไม่เคยพูดอะไรกัน ฉันไม่น่ามาเสียเวลากับเด็กอย่างเธอเลย” พีรวัชร์เอ่ยออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
“ใครกลัวล่ะ ไม่มีทาง คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้ฉันจะมาหานายหัวที่นี่เวลานี้ นายหัวช่วยสั่งคนของนายหัวไว้ด้วยก็แล้วกัน” คนอย่างน้ำมนต์เมื่อได้ตัดสินใจอะไรไปแล้วเธอจะไม่มีวันหันหลังกลับ ต่อให้เธอรู้สึกกลัวมากแค่ไหนก็ตาม