เขาเอื้อมมือมาลูบไล้ที่แก้มของฉัน สองมือของเขาประคองใบหน้าของฉัน ให้เงยขึ้นรับจุมพิตอ่อนโยนจากเขา ก่อนจะเลื่อนจูบมากดลงบนแก้มทั้งสองข้างของฉัน สลับไปสลับมา แล้วลากไถจูบลงมาตามลำคอขาวเนียนของฉันอย่างหลงใหล
สัมผัสนี้ทำให้ฉันเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงและรู้สึกวาบหวิว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาซุกไซ้ไถจูบที่ลำคอของฉัน พลางขบเม้มดูดดึงเบา ๆ ความอ่อนโยนนุ่มนวลจากริมฝีปากของเขาช่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าฉันจะบอบช้ำ
“อ๊ะ!” ฉันเผลอไผลไปกับสัมผัสซาบซ่าน จนส่งเสียงแปลกประหลาดออกมาอย่างน่าอาย
เขาเลื่อนขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดุดันมากยิ่งขึ้น ปลายลิ้นอุ่นรุกเร้าเอาแต่ใจ พยายามสอดแทรกดุนดันเข้ามาภายใน จนฉันต้องจำใจเปิดปากต้อนรับในที่สุด
การดูดดื่มที่หนักหน่วงของเขา เพิ่มความรุนแรงเป็นเท่าทวีคูณ เขาบดจูบหนัก ๆ ลงบนริมฝีปากของฉันเนิ่นนาน จนฉันแทบขาดอากาศหายใจ
ฉันเลื่อนมือขึ้นไปผลักที่หน้าอกของเขา แต่เรี่ยวแรงที่มีถูกเขาดูดกลืน จนหดหายไปหมด ราวกับว่าฉันแค่วางมือไว้ที่แผงอกของเขาเท่านั้น
เขาจูบฉันแรงขึ้น จนฉันเผลอจิกเล็บลงไปที่หน้าอกของเขา แผ่นอกของเขาเปลือยเปล่าและอัดแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ยิ่งฉันจิกเล็บลงไป เขาก็ยิ่งจูบฉันแรงขึ้น ราวกับว่าการกระทำของฉันมันเป็นการกระตุ้นความรุนแรงของเขา
“อืม!” เสียงที่เขาเปล่งออกมา บ่งบอกว่าชอบใจมากกว่าเจ็บปวด ทั้งที่โดนจิกข่วนขนาดนั้น ยังคำรามเสียงพึงพอใจออกมา ทำให้ฉันเองที่เป็นฝ่ายละอายใจ ที่ไปสร้างความพึงพอใจนั้นให้แก่เขา
จูบรุนแรงนี้ ทำเอาฉันตั้งรับไม่ไหว จนต้องโอนอ่อนผ่อนไปตามแรงฉุดดึงของเขา รู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนที่แผ่นหลังกำลังราบลงไปกับที่นอน พร้อมร่างของเขา ที่กอดรัดและทาบทับลงมาบนตัวช้า ๆ
เขาจูบไซ้ไปทั่วใบหน้าและลำคอของฉัน ทิ้งร่องรอยประทับของจูบอันซาบซ่านเอาไว้ทั่วทุกตารางนิ้วที่เขาสัมผัส
ฉันรู้สึกได้ถึงร่างของเขาที่สั่นสะท้านไม่แพ้กัน จูบนี้ยาวนานแค่ไหนไม่อาจรู้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกถึงไออุ่นจากมืออีกข้างของเขา ที่สอดลึกเข้ามาใต้เสื้อของฉัน พลางเลื่อนขึ้นมากอบกุมที่สองเต้าอวบของฉัน ทำให้ฉันรีบปล่อยมือที่ดันแผงอกของเขา แล้วเลื่อนมากุมมือที่พยายามรุกล้ำใต้เสื้อของตัวเองแทน ด้วยความตกใจ
“เฮือก! พี่เสือ อย่าค่ะ”
เขาไม่พูดอะไร แต่ก้มลงมาจูบปิดปากฉัน ฉันถึงกับมือไม้สั่นและสะท้านไปทั้งตัว มือที่พยายามผลักดันเขาในตอนแรก เปลี่ยนมาลูบไล้ท่อนแขนแข็งแกร่งของเขา อย่างเคลิ้มในสัมผัส
เขาสอดมืออีกข้างเข้ามาปลดตะขอบราของฉัน แล้วค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อแสนเชยของฉันออกจนหมด สาบเสื้อของฉันถูกแหวกออกจากกัน จนสองปทุมโผล่พ้นออกมาอวดโชว์ความอวบเด้งต่อหน้าเขา
ฉันพยายามจับสาบเสื้อทั้งสองข้าง กุมเข้าหากันด้วยความเขินอาย ฉันยันกายหมายจะลุกขึ้นหนีจากการควบคุมของเขา แต่เขากลับไวกว่าที่คิด เขาแนบใบหน้าลงกับลำคอของฉัน แล้วซุกไซ้ซอกซอนลงมาจนถึงเนินหน้าอก ฉันตกใจมากจนทำตัวไม่ถูก ได้แต่พยายามปัดป้อง และผลักดันเขาให้ออกห่าง
“ฮึก! ไม่นะ...ไม่”
“ฮื่อ! พระพาย” เขาทำเสียงราวกับถูกขัดใจ
“พระพาย”
“พระพาย! หนูพระพาย!”
ฉันตื่นขึ้นจากภวังค์ ด้วยเสียงเรียกของคนรอบข้าง ช่างน่าอายยิ่งนัก ที่ฉันเอาแต่นึกถึงสัมผัสวาบหวามใจในคืนนั้น จนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งที่ฉันควรจะลืม ๆ มันไปซะ มันไม่น่าจดจำเลยสักนิด แต่ฉันกลับเอาแต่มานั่งทบทวนมันซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้งที่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ไปเที่ยวกับพี่ ๆ ไม่สนุกเหรอ ถึงได้กลับมานั่งซึมแบบนี้”
คุณนมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยในตัวฉันไม่น้อย
“คุณนม...” ฉันมองหน้าคุณนม อย่างรู้สึกผิด ด้วยสิ่งที่อยู่ในความคิดของฉัน ไม่อาจเล่าขานให้คุณนมฟังได้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน มันคือความผิดพลาด ที่ไม่น่าให้อภัย ฉันไม่อาจพูดมันออกมา เพื่อทำร้ายจิตใจคนที่ฉันรักเหมือนแม่อีกคนได้
ฉันจะพูดได้ยังไง จะบอกได้ยังไง ว่าฉันถูกคนคนหนึ่งตามหลอกหลอน ด้วยสัมผัสของเขา ด้วยอ้อมกอดจากกายแกร่งของเขา ค่ำคืนอันน่าเศร้าเคล้าความอ่อนโยน ไหนจะรสจูบแสนหวาน เสียงคำรามยามเอ่ยชื่อฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นมันตามหลอกหลอน จนฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน อาการเหล่านี้ เป็นเพราะเขาคนนั้น คนที่ทำให้ฉันหมดความภาคภูมิใจในตัวเอง
“มีอะไรเล่าให้นมฟังได้นะลูก อย่าเก็บไว้คนเดียว นมไม่อยากเห็นหนูพระพายเป็นทุกข์ใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม” คุณนมเอ่ยเพียงเท่านั้น
ฉันรีบหันหลังเพื่อหลบสายตาคุณนม เมื่อน้ำตาเจ้ากรรมดันไหลออกมา ฉันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฉันจะมัวมานั่งหลงใหลในสัมผัสบ้าบอนี้ไม่ได้ ให้มันจบเพียงเท่านั้น และฉันควรทำในสิ่งที่มีค่ามากกว่ามานั่งเสียใจ กับความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขและไม่มีความหมายในครั้งนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันวานมันก็ถือว่าเป็นอดีต จะนานหรือไม่นาน ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ มันก็เป็นได้แค่อดีต ฉันไม่ควรเก็บมันมาใส่ใจ และปล่อยมันผ่านไป ให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยาหัวใจเท่านั้นพอ