พิมรดานั้งเงียบ
(เธอจะมั่วแต่อ่อนแอไม่ได้พิมรดา ยิ่งไม่มีพ่อแม่แล้วเธอต้องเข้มเเข็ง อย่าทำตัวเป็นภาระคนอื่น)
พิมรดาบอกตัวเองในใจ
"พรีมขอโทษค่ะที่ทำให้ทุกคนต้องลำบากไปด้วย"
พิมรดาเอ่ยขึ้น
"ไม่เป็นไรจ้ะ พวกเราไม่ได้ลำบากอะไร"
คุณภาวิณีพูดขึ้น
พิมรดาหันไปมองคนตัวสูงที่ยืนเงียบอยู่ก็พบกับสายตาคมที่มองมาที่เธออยู่แล้ว
"เอาละครับ งั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อน"
ราเชนเอ่ยขึ้นทำร้ายความอึดอัดภายในห้อง
"พี่ชื่อราเชน เป็นพี่ชายคนโต แล้วนั้นพ่อพี่น้องพรีมเรียงว่าลุงเทวัญก็ได้ ส่วนนั้นแม่พี่เรียกป้านีก็ได้ แล้วส่วนนั้นน้องชายพี่ภาคิน คนที่จะดูแลน้องพรีมต่อจากนี้"
ราเชนไล่ยาว
"สวัสดีคุณลุงคุณป้าอย่างเป็นทางการนะคะ พรีมต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาท ไม่ได้ทำความเคารพคุณลุงคุณป้าตั้งแต่เเรก"
"ไม่เป็นไรจ้ะลุงกับป้าเข้าใจ"
"พี่ราเชนสวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับครอบครัวเรายังมีน้องคนเล็กชื่นคนิตอีกคน แต่ตอนนี้ติดเคสผ่าตัดด่วนอยู่ที่โรงพยาบาลเลยมาไม่ได้ ก็เลยได้เห็นพี่กับภาคินก่อน"
พิมรดาหันไปมองคนตัวโตที่ทำหน้านิ่ง
ยากที่จะเดาได้ว่าเขาคิดอะไร
"พรีมขอโทษด้วยที่พรีมต้องมาเป็นภาระให้คุณภาคิน"
เธอพูดขึ้น เธอรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจเธอตอนเจอกันครั้งแรก เพราะเขาจำใจต้องมาดูแลเธอนั้นเอง
"ช่างเถอะอย่าทำตัวอ่อนแอมากก็พอ ถ้าจะไปฟังพระสวดก็เตียมตัวก็แล้วกันอีก20นาทีเจอกันข้างล่าง"
ภาคินพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไป
"หนูพรีมอย่าไปสนใจพี่เขาเลยนะ ความจริงแล้วตาคินเขาใจดี"
คุณภาวิณีพูดปลอบใจเธอ
"ใช่ครับ น้องพี่มันไม่เก่งเรื่องเเสดงออกนะน้องพรีมไม่ต้องคิดมากนะครับ"
ราเชนช่วยเสริมอีกแรง
"ไม่เป็นไรค่ะพรีมเข้าใจ"
พิมรดาตอบกลับเธอเข้าใจว่าเขาไม่ได้เต็มใจแต่อาจจะถูกพ่อบังคับก็ได้
"เอาละงั้นพวกเราไม่รบกวนหนูแล้วระหว่างนี้หนูพักที่นี้ไปก่อน ห้องนี้เป็นห้องของหนูตามสบายนะจ้ะ"
คุณภาวิณีเอ่ย
"พรีมขอบคุณคุณลุงคุณป้าแล้วพี่ราเชนมากๆเลยนะคะ"
"ไม่เป็นไรหนูก็เหมือนลูกสาวลุงกับป้ามีอะไรก็บอกได้เลยไม่ต้องเกรงใจ"
คุณเทวัญกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แลัวทุกคนก็เดินออกไป
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบพิมรดารู้สึกโดดเดียวอย่างบอกไม่ถูกน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ชีวิตที่ไม่มีใครเธอจะอยู่ต่อไปยังไง ทันใดนั้นใบหน้าและคำพูดของผู้ชายหน้าดุก็ลอยเข้ามาในหัว
"ใช่แล้วเธอจะอ่อนแอไม่ได้พิมรดา"
เธอพูดกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อเตียมตัวไปวัด
20นาทีผ่านไป
พิมรดาเดินลงมาจากชั้นบน พบว่า
ภาคินนั้งรออยู่แต่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ชายอีกคนที่ เคาโครงใบหน้าเหมือนกับภาคินแต่ดูแววตาจะขี้เล่นและอ่อนโยนมากกว่า
ภาคินเหลือบตามองผู้หญิงในปกครองของเขา เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวคุมข้อเท้าสีขาวกับเสื้อเชิ้ตผู้หญิงสีดำใบหน้าถูกแต่งแต้มแค่นิดหน่อย ผมยาวดำสลวย
ถูกม้วนเกล้าขึ้นไว้ที่ท้ายทอยยิ่งทำให้ใบหน้าสวยดูโดดเด่นขึ้นไปอีก
"สวัสดีครับน้องพรีม พี่คนิตครับเป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน"
คนิตเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
"สวัสดีค่ะพี่คนิต"
พิมรดายกมือสวัสดีคนิตพร้อมส่งยิ้มอ่อนๆกลับไป
"พี่เป็นกำลังให้นะครับถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้เลยนะ"
คนิตยังชวนคุยตามนิสัยของเขาที่เป็น คนอัธยาศัยดี
"ขอบคุณค่ะ"
พิมรดาตอบกลับ
"จะไปกันได้หรือยัง"
ภาคินที่นั้งดูอยู่พูดขึ้น
คนิตหันไปมองหน้าพี่ชาย แล้วหันมายิ้มให้พิมรดา
"ไปเถอะครับน้องพรีม เดี๋ยวพี่ขออาบน้ำก่อนแล้วพี่ตามไปนะครับ"
คนิตพูดกับพิมรดา
"ค่ะ"
เธอตอบสั่นๆ
ภาคินเดินนำเธอออกไปก่อนแล้ว พิมรดารีบ สาวเท้าเดินตามเขาออกไป
พอเดินออกมาด้านหน้าก็พบว่ามีรถจอดตั้งขบวนรออยู่สามคน
"รถพร้อมแล้วครับนาย"
รถตู้คันใหญ่เปิดประตูรอ
โจรายงานนายของเขา ภาคินพยักหน้าก่อนจะก้าวขึ้นรถไปก่อน
"เชิญครับคุณพรีม"
โจพูดขึ้น
"ขอบคุณค่ะ"
พิมรดาเอ่ยขอบคุณก่อนจะขึ้นรถไป
ภาคินมองลูกน้องอย่างรู้สึกขัดใจไปหมด
"เร็วสิไอโจช้าอยู่ได้"
ภาคินพูดขึ้น
"ครับนาย"
โจขึ้นนั้งข้างคนขับเหมือนเดิม แล้วรถทั้งสามคัน ก็เคลื่อนขบวนออกจากคฤหาสน์ไปโดยรถที่เธอกับภาคินนั้งอยู่คันที่สอง
ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงวัดที่ตั้ง สวดอภิธรรมศพ
แค่มองเข้าไปในศาลาเธอก็เจ็บปวดในใจเหลือเกินน้ำตาเริ่ม เออล้นออกมาจากหน่วยตา ภาคินมองพิมรดาที่นั้งมองงานศพบุพการีผ่านกระจกหน้าต่างรถด้วยความโศกเศร้า
"ไปกันเถอะคุณจะได้เวลาพระสวดแล้ว"
ภาคินเอ่ยขึ้น
"ค่ะ"
พิมรดาพยักหน้ารับประตูรถเปิดออก
ภาคินเดินนำลงไปก่อนเขายืนรอเธอแล้วเดินเข้าไปในศาลาพร้อมกัน
สายตาหลายคู่มองมายังเธอเเละเขา
ภาคินชายหนุ่มรูปหล่อนั้นใครๆก็รู้กันดีว่าเขาเป็นเจ้าพ่อธุรกิจอสังหารายใหญ่ ลูกชายคนกลางของตระกูลคุณากร แต่หญิงสาวแสนสวยที่มีแววตาเศร้าหมอง ที่เดินคู่มากับเขานั้นน้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอคือลูกสาวของปรานุทผู้ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ในโลงศพนั้นเพราะพิมรดาเรียนอยู่ต่างประเทศหลายปีถึงจะกลับมาบ้านบ่อยแต่เธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหน ส่วนพวกที่พอจะรู้ก็ซุบซิบนินทากันไปต่างๆนาๆว่าทั้งสองมาด้วยกันได้ไง
"หนูพรีมมาแล้วหรอลูก มาจ้ะมานั้งกับอานะ"
โสภาอาสะใภ้พยามดึงเธอออกมาให้ห่างจากภาคิน พิมรดาหันไปมองหน้าภาคิน
อย่างขอความช่วยเหลือ
"ไม่เป็นไรผมดูเเลเธอเองคุณไม่ต้องลำบาก "
ภาคินใช้มือโอบไปที่เอวของพิมรดา และดึงรั้งเธอไว้เบาๆเขาพาเธอเดินไปนั้งเก้าอี้ด้านหน้าสุดที่พ่อกับแม่ของเขานั้งอยู่
ทุกการกระทำของภาคินตกอยู่ในสายตาของคนในงานและอีกไม่นานเรื่องนี้จะขยายไปในวงกว้างแน่นอน
"มาจ้ะหนูพรีม มานั้งใกล้ๆป้านี้"
คุณภาวิณีรีบจับแขนพิมรดาให้มานั้งใกล้กัน
โสภาเดินไปนั้งคู่กับสามีอย่างไม่สบอารมณ์
"เราจะแยกหลานคุณออกมาได้ยังไง ภาคินมันทำยังกะจงอางหวงไข่แบบนั้น"
โสภาพูดกับสามี
"มันต้องมีจังหวะมั่งแหละคุณก็ใจเย็นๆหน่อยสิ คุณดูสิลูกน้องไอภาคินยืนอยู่เต็มไปหมดยังไงตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้หลอก"
บวรบ่นภรรยาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เขามองสำรวจลูกน้องพาคินที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆเมื่อเทียบกับคนของตัวเองถ้าเล่นกันซึ่งหน้ายังไงก็แพ้ บวรเริ่มคิดหนัก