สูญเสีย

1325 คำ
"เอ้อ...คุณชื่ออะไรคะ" พิมรดาถามเขาหลังจากที่นั้งรถออกมาได้สักพัก ภาคินหันมามองหน้าเธอและพบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่แล้ว "ภาคิน" เขาตอบสั่นๆ ก่อนจะก้มลงไปเช็คงานกับไอแพ็ดต่ออย่างไม่สนใจ พิมรดาเเอบย่นจมูกใส่เขา "ชิ" "นายครับ" โจเรียก ภาคินมองกระจกส่องหลัง ถัดไปจากรถลูกน้องหนึ่งคัน มีรถต้องสังสัยขับตามห่างๆ พิมรดาหันมองหน้าภาคิน "มีอะไรหรือป่าวค่ะ" พิมรดาถามขึ้น อย่างสงสัย "จัดการมัน" ภาคินไม่ตอบพิมรดาแต่สั่งลูกน้อง คนสนิทแทน "ครับนาย" โจรับคำสั่งแล้วกดโทรศัพท์โทรออกทันที "จัดการมัน" โจกอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์ พิรดาเริ่มรู้สึกถึงอะไรไม่ชอบมาพากล "เกิดอะไรขึ้นพวกคุณจะทำอะไร" พิมรดาถามขึ้น "เดี๋ยวคุณก็รู้เองแต่ไม่ใช้ตอนนี้" ภาคินไม่อธิบายอะไรเพิ่ม แถมยังพูดให้เธอสงสัยเขาไปอีก พิรดาเริ่มกังวล เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพ่อกับแม่แต่ไม่มีคนรับสาย พิมรดาเริ่มใจไม่ดี ภาคินมองคนตัวเล็กที่นั้งอยู่ เบาะข้างๆอย่างบอกไม่ถูก "นี้คุณไม่ต้องโทรหรอกเดียวผมก็พาคุณไปหาพ่อกับแม่คุณแล้ว" ภาคินพูดขึ้น พิมรดาเริ่มสังเกตเห็นว่าด้านหน้ากับด้านหลังมีรถขับประกบอยู่ พิมรดาหันไปมองคนตัวโตอีกครั้ง "คุณไม่ได้หรอกฉันใช่ไมคะ" เธอถามเขาด้วยความกลัว มันมีอะไรแปลกๆ "คุณพิมรดาอยู่กับนายยังไงก็ปลอดภัยแน่นอนครับ" โจพูดขึ้นเขาอดสงสารเธอไม่ได้ ภาคินมองหน้าลูกน้อง โจก้มหน้าลงอย่างรู้ตัวว่าถูกเจ้านายตำหนิทางสายตา เธอเริ่มรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติ พิมรดานั้งมองโทรศัพท์ที่กดโทรออกพ่อกับแม่เธอไว้อย่างใจไม่ดีปกติพ่อกับแม่เธอจะรับโทรศัพท์ตลอดไม่ว่าท่านทั้งสองทำอะไรอยู่ แต่นี้สามวันมาแล้วที่เธอโทรหาพวกท่านแล้วไม่มีคนรับและก็ยังไม่มีโทรกลับมาด้วย ภาคินเหลือบตามองหญิงสาวที่ใช้นิ้วลูบโทรศัพท์ลงไปบนรายชื่อโทรออกเป็นเบอร์ ของบุพการีทั้งสองด้วยใบหน้าที่มีความกังวลของเธอ มันทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวในใจขึ้นมาแว๊บหนึ่งจนเขาต้องรีบหันหน้าหนีออกไปมองนอกหน้าต่างรถที่กำลังวิ่งด้วยความเร็ว ใช้เวลาไม่นานรถวิ่งเขามาที่หน้า ศาลา วัดแห่งหนึ่ง มีรถยองอยู่นิดหน่อย แต่ในศาลานั้นพิมรดาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นงานศพ พิมรดาหันไปมองภาคิน "เรามาทำอะไรกันนี้คะ" "ลงรถเถอะ" ภาคินกล่าวด้วยเสียงทีเย็นลง "ไม่..พรีมไม่ลงคุณพาพรีมมาทำไม พรีมนะกลับบ้านคุณพ่อคุณแม่รอพรีม อยู่" พิมรดาเริ่มใจไม่ดี หน้าขาดซีดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพ่อกับแม่ด้วยมือที่ สั่นทาว "พ่อค่ะแม่ค่ะได้โปรดรับโทรศัพท์ พรีมด้วย" น้ำตาเริ่มไหลออกมา ภาคินนั้งมองเธอด้วยความเห็นใจ เขาโบกมือให้ลูกน้องลงจากรถไปก่อน "คุณ..พอเถอะท่านรับโทรศัพท์คุณไม่ได้หรอก" พิมรดาส่ายหน้า มองเขาตากลมพร้อมกับหยาดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม ภารินมองแล้วใจอ่อนยวบลงทันที "ท่านแค่ไม่ว่างใช่ไมคะ คุณบอกฉันสิว่าท่านไม่ว่างบอกฉันสิ..ฮื้อออ...ได้โปรด...ฮื้อๆๆ คุณพาฉันกลับนะ ไปไหนก็ได้ไปบ้านไปโรงพยาบาลหรือที่ไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่นี้" พิมรดาบอกเขา ภาคินเข้ามาจับไหล่เธอไว้ทั้งสองข้างเขาเขย่าตัวเรียกสติเธอเบา "คุณฟังนะ คุณต้องยอมรับความจริงให้ได้ท่านทั้งสองไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว" พิมรดาหน้าซีด "ไม่จริงใช่ไมคะ คุณบอกพรีมสิว่ามันไม่จริง...ฮื้ออๆๆคุณพ่อคุณแม่..ฮื้อออ" พิมรดาใจแตกสลายเธอไม่ได้เตียมใจมาเจอเรื่องแบบนี้เลย "แล้วพรีมจะอยู่กับใคร...ฮื้อออๆๆ" ภาคิดมองเธอทำไมเขารู้สึกเจ็บปวดกับเธอไปด้วย ไม่หรองเขาก็เเค่รู้สึกสงสารเธอเท่านั้น ภาคินปล่อยให้พิมรดาร้องไห้ไปสักพักใหญ่ "เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อคุณแม่คะ ท่านไปสบายหรือเปล่าหรือว่าท่านเจ็บปวดหรือเปล่าคะ..ฮึกๆ" พิมรดาพยายามตั้งสติเมื่อเวลาผ่านไป เธอถามเขาและพยายามกลั้นก้อนสะอื้นไปด้วย "เรื่องมันยาวรู้แต่ว่าการตายของพ่อแม่คุณไม่ใช่เรื่องปกติ ตอนนี้คุณลงไปหาท่านก่อนเถอะ ส่วนเรื่องอื่นเราค่อยคุยกันอีกที และที่สำคัญในงานศพมีใครยืนอะไรให้คุณกินห้ามกินเด็ดขาด เพราะคุณคือเป้าหมายต่อไปของพวกมัน" "ทำไมคะ ทำไมพวกนั้นถึงใจร้ายได้ขนาดนี้" "ก็เพราะความโลภไง ตอนนี้ทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณไว้ใจไม่ได้สักคนเดียวรวมถึงอาของคุณด้วย" พิมรดามองหน้าภาคิน เธอมองสบตาเขา แววตาของเขามันบอกว่าเขาพูดความจริง พิมรดาพยัคหน้ารับ "เข้าใจแล้วค่ะ" "คุณพร้อมหรือยังเราต้องเข้าไปข้างในกันแล้ว" "พร้อมค่ะ" ประตูรถเปิดออกอัตโนมัติ พิมรดา สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ (เธอต้องเข้มแข็งนะพิมรดา) เธอบอกตัวเองในใจ ภาคินลงไปยืนรอเธออยู่ด้านล้างพิมรดาก้าวลงจากรถด้วยขาที่ไม่มั่นคงเอาซะเลย โจเดินเข้ามารายงาน "ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับนาย" ภาคินพยักหน้ารับรู้ "ไปกันเถอะคุณ" เขาหันมาบอกเธอและทั้งคู่ก็เดิน เข้า ไปในศาลาโดยที่มีคนของภาคินยืนอยู่เป็นจุดเพื่อดูเเลความปลอดภัยให้นาย ภายในศาลามีโลงศพว่างอยู่คู่กัน ประดับด้วยดอกไม้แสนสวย มีรูปตั้งอยู่ด้านหน้า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาสวดคนที่ศาลายังไม่เยอะมาก แต่ถึงเวลานี้พิมรดาก็มองไม่เห็นใครแล้วเพราะม่านน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจนมองไม่เห็นใคร เธอตกเป็นเป้าสายตาของคนในงานทันที แต่ทุกคนรู้ดีว่านี้คือบุตรสาวคนเดียว ของผู้วายชนม์ ภาคินยืนประกบเธอไม่หาง "เป็นไปตามที่เราคิดไว้จริงๆด้วย" โสภากระซิบกับสามีด้วยความหนักใจ "เก็บอาการหน่อยสิคุณ เดี๋ยวค่อยว่ากันว่าจะหาวิธีจัดการยังไงต่อ" บวรผู้มีศักดิ์เป็นอาของพิมรดากระซิบตอบภรรยา บวรมองหลานสาวที่ตอนนี้มีภาคินยืนเฝ้า อยู่ไม่ห่าง ภาคินนี้เเหละก้างอันใหญ่ที่เขารู้สึกหนักใจ ใครๆก็รู้ถึงเกียรติศักดิ์ ว่าไอหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา บวรยืนคิวขมวดอย่างคิดไม่ตก ทุกการกระทำของสองผัวเมียอยู่ในสายตาของเทวัญทั้งหมด "หนูพรีมมาแล้วหรอลูกโถ้ๆ ไม่เป็นไรนะถึงพ่อกับแม่หนูจะไม่อยู่แล้วหนูยังมีอานะจ้ะ" โสภาเข้าเล่นละครฉากใหญ่ทันที พิมรดาไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ สายตาของ พิมรดายังคงจ้องมองรูปพ่อกับแม่เธอที่ตั้งอยู่หน้าโลงศพ พอเห็นว่าพิมรดา ไม่มีปฏิกิริยาอะไรด้วยเธอพยายามจะเดินเข้าไปให้ถึงตัวของ พิมรดาแต่ถูกคนของภาคินกันไว้ก่อน "ขอโทษนะครับ ขอเวลาส่วนตัวให้ พิมรดาก่อนนะครับ" โจพูดขึ้นโสภาหน้าเสียรีบถอยออกไป นั้งกับสามีตามเดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม