“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ชิน”
ฝ่ามือเรียวเล็กยังคงลูบไล้แก้มสากไปมา หัวใจที่เต้นแรงแทบจับจังหวะความถี่ไม่ได้ ใบหน้าหล่อฟุบลงอยู่บนเนินอกอวบ ทำให้รุ่งทิวาต้องยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ทั้งสุขและเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก กลัวเหลือเกินกลัวจะไม่ได้อยู่เป็นความสุขให้เขาอีกตลอดไป
ถ้าหากอชิรวัฒน์จะต้องลงเอยกับผู้หญิงคนนั้น เธอก็คงต้องร่วมยินดีกับเขามากกว่าจะอยู่ขวางทางความสุข รู้ดีว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นความผิดมหันต์ ถ้าหากว่าบิดาและมารดาของอชิรวัฒน์รับรู้เข้า พวกท่านทั้งสองคงจะรู้สึกผิดหวังกับเธอมาก ทุกคนคงจะตราหน้าว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายที่ยอมเป็นของเล่นไร้ค่าของอชิรวัฒน์แบบนี้
“ขอบใจ” เสียงพูดพึมพำที่ดังอยู่ข้างหูตอบกลับ ก่อนจะหมุนตัวที่เหนื่อยอ่อนล้มนอนแผ่ราบข้างกายรุ่งทิวาแทน ดวงตาคมจับจ้องมองเพดานภายใต้ความมืดที่ปกคลุม อาการมึนเมาที่มีเมื่อครู่ส่างหายไปชั่วพริบตาเดียว
“พี่ชินอาบน้ำไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ ฉันจะกลับไปนอนที่ห้อง เผื่อคนมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
“กลัวคุณลุงคุณป้าจะรู้สินะคะ รุ้งลืมไปเลยว่าเราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน”
“เธอคิดว่าฟ้ารดาเป็นไงบ้าง เหมาะสมกับฉันไหม?”
เป็นคำถามที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วทำไมอชิรวัฒน์ถึงเลือกที่จะมาถามเธอแบบนี้กัน เขาอยากให้เธอรู้สึกเจ็บปวดหรือว่าเขาอยากตอกย้ำให้เธอต้องรู้สถานะของตัวเอง หัวใจดวงน้อยรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง ไม่อาจหักห้ามกับทุกความรู้สึกที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ได้ ได้แต่บอกเตือนตัวเองว่าตอนนี้เขาเป็นโสด เขายังไม่มีใคร ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะทำอะไรก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ผิดบาป
“ก็ต้องเหมาะสมอยู่แล้วค่ะ พี่ชินชอบเธองั้นสินะ”
“เขาเป็นคนที่ฉันแอบรักมานานแล้ว ฉันดีใจที่ตอนนี้เขาก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน ถ้าวันหนึ่งฉันต้องแต่งงาน เธอจะอยู่ที่นี่กับฉันไหมรุ้ง?”
รุ่งทิวาก็ตอบตัวเองยังไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้เธอก็ยังอยากอยู่มองดูเขา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรก็ตาม แต่ไม่รู้ว่าคนที่จะมาอยู่ร่วมชีวิตกับอชิรวัฒน์ ผู้หญิงคนนั้นจะอยากให้เธอเป็นส่วนเกินของครอบครัวเขาหรือเปล่า
เพราะรุ่งทิวารู้ตัวเองดีว่าเธอเป็นภาระให้ชีวิตของอชิรวัฒน์มานาน ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นความเต็มอกเต็มใจที่เธอสามารถตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างเช่นเขาได้
“ไม่รู้สิคะ รุ้งไม่รู้ว่าควรจะอยู่ในสถานะอะไร รุ้งตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าวันไหนรุ้งเรียนจบ รุ้งคงไม่ให้พี่ชินต้องลำบากทั้งกายและใจหรอกค่ะ พี่ชินจะลงเอยกับเขาเหรอคะ?”
“ก็มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะเป็นแบบนั้น ฟ้าเพิ่งจะตกลงที่จะคบหาดูใจกับฉัน พ่อกับแม่ของฉันคงจะดีใจ ถ้าทุกอย่างมันจะเป็นแบบนั้น”
“งั้นรุ้งก็ต้องดีใจกับพี่ชินล่วงหน้าสิคะ ขอให้พี่ชินมีความสุขในทุก ๆ วัน เรื่องของเราจะเป็นความลับและไม่มีใครรับรู้ตลอดไป รุ้งสัญญาค่ะ”
น้ำเสียงสั่นเครือที่ตอบกลับเป็นความเสียใจที่รุ่งทิวาไม่อาจควบคุมความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลานี้ได้ เจ็บที่ต้องรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว เจ็บที่จะต้องเห็นเขาพัวพันกับผู้หญิงคนอื่น เป็นสิ่งที่เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากร่วมแสดงความยินดี ให้กับชีวิตรักของเขาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ความตั้งใจที่มีคือจะอยู่บ้านหลังนี้ต่ออีกแค่เพียงหนึ่งปี อยู่จนถึงวันที่เรียนจบและดูแลชีวิตของตัวเองได้ ยังคงเป็นความตั้งใจเดียวที่รุ่งทิวาภาวนาให้ตัวเองเข้มแข็งมากกว่าตอนนี้ที่กำลังเป็นอยู่
อชิรวัฒน์รับรู้แทบจะทุกอย่างว่าคนที่นอนอยู่ข้างกายคิดอย่างไรกับเขาบ้าง เรื่องความสัมพันธ์ทางกายไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเขาก็ไม่ปฏิเสธว่ารุ่งทิวาทำให้สุขสมมาก จนไม่คิดอยากจะออกไปหาใครคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนเธอเลย
นึกย้อนไปถึงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขากับพี่ชายของรุ่งทิวาเดินทางไปฉลองความสำเร็จหลังจากที่รับปริญญาแล้วเสร็จ ระหว่างทางที่กลับจากพัทยารถที่เขานั่งมาดันประสบอุบัติเหตุระหว่างทางเข้า เขาเป็นคนขับรถส่วนอาทิตย์นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ แม้จะระมัดระวังกับการเดินทางมากแค่ไหน แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย เพราะรถที่วิ่งสวนมาจากเลนถนนฝั่งตรงข้ามวิ่งเข้าชนประสาน จนรถของเขาต้องกระเด็นตกลงไปข้างทางอย่างรุนแรง วินาทีนั้นแทบช็อกหมดสติเพราะอาทิตย์ที่นั่งอยู่ข้างกายกระเด็นออกไปอยู่นอกประตูรถ สติที่มีอันน้อยนิดรีบพาร่างของตัวเองที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงสดที่ไหลอาบทั่วแก้ม คลานลงไปดูสภาพของเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“อาทิตย์ แกไหวไหม แกรอก่อนนะฉันจะเรียกรถพยาบาลมาเดี๋ยวนี้”
“ชิน ถ้าฉันไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แกรับปากฉันอยู่อย่างหนึ่งได้ไหม แกช่วยดูแลน้องสาวฉันแทนฉันหน่อยได้หรือเปล่า?”
น้ำเสียงที่แห้งแหบเอ่ยขอร้องเพื่อนที่เป็นเพียงความหวังเดียว เหมือนกับรู้ตัวเองว่าคงไม่มีชีวิตรอดเพื่อกลับไปดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวได้อีกแล้ว
“อย่าพูดแบบนี้สิอาทิตย์ น้องสาวแกแกก็ต้องกลับไปดูแลเอง จะมาฝากฉันให้ดูแลได้ยังไงวะ”
“เหมือนฉันจะไม่ไหวจริง ๆ ว่ะ รับปากฉันหน่อยสิชิน แกรับปากฉัน ฉันจะได้หมดห่วง”
“ไม่อาทิตย์ ฉันไม่รับปากอะไรทั้งนั้น แกต้องกลับไปดูแลรุ่งทิวาด้วยตัวแกเอง น้องแกเขาไม่เหลือใครแล้ว แกจะมาทิ้งเขาไปแบบนี้ไม่ได้”
“ฉันถึงต้องฝากฝังกับแกไงล่ะชิน แกเป็นเพื่อนรักที่ฉันไว้วางใจที่สุด ดูแลยายรุ้งแทนฉันหน่อยนะ ดูแลมันจนกว่ามันจะดูแลตัวเองได้ ฉันไว้ใจแกนะชิน ฉันรู้ว่าแกจะช่วยดูแลยายรุ้งแทนฉันได้เป็นอย่างดี สงสารน้องฉันทีเถอะนะชินนะ ฝากแกลายายรุ้งด้วย ฝากแกไปขอโทษยายรุ้งด้วย ขอโทษที่ฉันไม่ได้อยู่ดูแล ขอโทษที่ฉันจะต้องทอดทิ้งไปก่อนแบบนี้”
“อาทิตย์ อาทิตย์ แกทำใจดี ๆ ก่อน ฉันรับปากว่าฉันจะช่วยดูแลรุ่งทิวาให้ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ รถโรงพยาบาลกำลังมาแล้ว แกต้องทำใจให้เข้มแข็งนะอาทิตย์ แกต้องอยู่ทะเลาะกับฉัน ต้องอยู่เลี้ยงน้องสาวของแกไง”
“ขอบใจนะชิน ขอบใจที่แกรับปากฉัน ฉันดีใจที่ได้มารู้จักและเป็นเพื่อนกับแก แกเป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุด ขอบคุณนะชิน ขอบคุณจริง ๆ”
เหมือนกับเป็นคำสั่งเสียและคำสั่งลาเดียว ที่ยังคงดังก้องอยู่เต็มสองหูของอชิรวัฒน์ ถ้าหากวันนี้เพื่อนรักได้รับรู้กับทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้อาทิตย์เสียใจและผิดหวังในตัวเขามากเช่นกัน แต่เขาก็ทำหน้าที่ที่ได้รับปากไว้กับอาทิตย์ อุปการะเลี้ยงดูรุ่งทิวามาตั้งแต่อายุ 13 ขวบ ให้ที่อยู่อาศัย ให้ชีวิตที่ดี ให้การศึกษา ให้ครอบครัวที่รุ่งทิวาจะไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวกับโลกใบนี้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตลอดไป เพราะนับวันที่อายุเริ่มมากขึ้น เขาก็อยากที่จะสร้างครอบครัวกับใครสักคน อยากทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจและมีความสุขกับชีวิตในบั้นปลายที่เหลืออยู่
ถ้าหากจะถามว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นรุ่งทิวา คำตอบเดียวที่เขาจะตอบได้ เพราะรุ่งทิวาเป็นเด็กในปกครองที่ไม่เคยคิดอยากจะเอาเธอมาเป็นคู่ชีวิตในวันข้างหน้า แค่ต้องยุ่งเกี่ยวและมีความสัมพันธ์ทางกายกันลับ ๆ เช่นนี้ เขาก็รู้สึกผิดกับเพื่อนรักที่จากไปมากเกินพอแล้ว ทั้งที่ตัวเองได้รับความไว้วางใจจากอาทิตย์มากขนาดนั้น แต่กลับหักหลังเพื่อนโดยการย่ำยีน้องสาวของเพื่อนอย่างไม่น่าให้อภัยได้เลย
ความเงียบที่ปกคลุมไม่มีเสียงพูดคุยใดให้ได้ยินอีก ก่อนที่ร่างสูงที่เปลือยเปล่าจะขยับตัวลุกขึ้นออกจากเตียง หยิบจับเสื้อผ้าที่หล่นอยู่บนพื้นมาสวมใส่จนเรียบร้อย
“เธอนอนเถอะ ฉันจะกลับไปนอนที่ห้อง”
อชิรวัฒน์เดินออกจากห้องนอนของรุ่งทิวาไป หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง น้ำตาที่พร้อมจะไหลทะลักเอ่อล้นออกมาเหมือนเขื่อนแตก เก็บงำความทุกข์ที่มีในใจไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เสียงร้องไห้ยังดังระงม นั่งกอดเข่าปลอบประโลมตัวเอง ในเมื่อรู้ว่าต้องเจ็บมาตั้งแต่แรก เธอก็ยังท้าทายความเจ็บปวดด้วยการเป็นแมลงเม่าที่อยากบินเข้ากองไฟ ถ้าวันนี้จะต้องมานั่งเสียใจและเจ็บปวดกับความรู้สึกที่มีในเวลานี้ โทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเธอเอง โทษหัวใจดื้อด้านที่มันไม่รู้จักรักดี....