"เดินหนีทำไม?"
ลูกแก้วมองหาผู้หญิงสวย ๆ เมื่อกี้ที่อยู่กับเขา ทว่าไม่มีแล้ว ตอนนี้สีหราชอยู่คนเดียว อีกฝ่ายกำลังจับข้อมือของเธออยู่ ยังไม่ยอมปล่อย
“แก้วคิดว่าคุณสิงห์ไม่อยากให้ใครรู้จักแก้วค่ะ เลยไม่เข้าไปทัก”
เธอรู้ว่าเสียมารยาทที่เจอเขาข้างนอกและทำเป็นไม่รู้จัก แต่อีกฝ่ายเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยา อยู่แต่ในบ้านยิ่งดี ทำให้ลูกแก้วเลือกที่จะเดินหนี ทว่าคนที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า
“ดี ถือว่าฉลาด”
“...”
ลูกแก้วถอนหายใจกับคำพูดของเขา เธอทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะพยายามบิดข้อมือตัวเองออก แต่อีกคนไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยได้แล้วค่ะ”
“เมื่อกี้คุณแพรว ลูกค้าของฉัน”
“...”
“ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น”
ลูกแก้วเงยหน้ามองสีหราชก็พบกับนัยน์ตาราบเรียบ ไม่ได้มีพิรุธใด ๆ ราวกับบอกว่าที่พูดออกมาคือเรื่องจริง
“ค่ะ”
“คิดว่ายังไง”
“อะไรคะ?”
“คิดว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับฉันงั้นเหรอ”
“แก้วไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยค่ะ”
ลูกแก้วตอบตามความจริง เธอไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้รู้สึกอะไร และคำตอบกับแววตาที่ไม่โกหกของลูกแก้วทำให้สีหราชหายใจฟึดฟัดเล็กน้อย
เพราะเธอไม่ได้รู้สึกอะไรจริง ๆ ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างอารมณ์เสีย
“ก็ดี อย่ามางี่เง่าหึงหวงฉันแล้วกัน”
“แก้วไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ แล้วก็ปล่อยด้วย”
ลูกแก้วพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะหลุบสายตามองมือหนาของเขาที่ยังจับข้อมือของเธออยู่ ฉับพลับดวงตาของลูกแก้วก็ปะทะเข้ากับบางอย่างที่นิ้วนางของสีหราช
มือของเขาที่จับข้อมือของเธออยู่เป็นมือซ้าย...และนิ้วนางของเขาก็มีแหวนสวมอยู่
มันคือแหวนแต่งงาน ลูกแก้วจำได้เพราะวันแต่งงาน เธอเป็นคนสวมให้เขาเอง
สีหราชเห็นว่าเธอเอาแต่มองมือของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว สีหราชรีบชักมือของตัวเองกลับมา ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงทันที
ลูกแก้วเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ตามมา”
“ไปไหนคะ”
“กลับบ้าน”
“...”
“ฉันก็จะกลับพอดี จะให้เธออาศัยกลับด้วยก็แล้วกัน”
“แก้วกลับเองได้—”
“กลับเองเมื่อไรจะถึง ต้องทำมื้อเย็นอีกไม่ใช่หรือไง จะให้ฉันหิวรอ?”
เมื่อพูดเหตุผลจบ ร่างกำยำก็เดินนำเธอไปข้างหน้า ลูกแก้วมองแผ่นหลังกว้างพลางขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด ร่างบางเดินตามอีกฝ่ายโดยเว้นระยะห่างพอสมควร จนกระทั่งไปถึงรถยนต์คันหรูของเขา
ลูกแก้วขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ เธอคาดเข็มขัดนิรภัย ในจังหวะที่คนข้าง ๆ เอ่ยขึ้น
“ที่ฉันใส่แหวน ไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสภรรยาอย่างเธอหรอกนะ”
จู่ ๆ เขาก็พูดเรื่องประหลาดออกมา ลูกแก้วหันมองหน้าเขา
“และต่อไปนี้เธอจะต้องสวมแหวนแต่งงานทุกครั้งที่ออกจากบ้าน”
สีหราชเอ่ยประโยคที่ทำให้ลูกแก้วไม่คาดคิด เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยมาบงการเรื่องนี้กับเธอ และลูกแก้วก็ไม่เคยเห็นเขาสวมแหวนแต่งงานเลย เราสองคนไม่เคยแสดงตัวตนว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่จู่ ๆ วันนี้อีกฝ่ายบังคับเธอในเรื่องนี้
“ทำไมคะ?”
หญิงสาวถามออกไปเพราะอยากรู้ สีหราชจ้องหน้าเธอด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นเดิม
“เพราะอะไรก็ช่าง หน้าที่ของเธอคือทำตามที่ฉันสั่ง ไม่ต้องอยากรู้หรอกว่าเพราะอะไร”
ทว่าคำตอบของอีกฝ่ายทำให้ลูกแก้วขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม เธอไม่เข้าใจเอาซะเลย และการที่เขาสวมแหวนในวันนี้ก็เช่นกัน ลูกแก้วไม่คิดว่ามันจำเป็น...เขาสวมมันทำไม
แต่คนที่ออกคำสั่งโดยไร้เหตุผลก็ออกรถทันที สีหราชขับรถด้วยความเร็วปกติและเอาแต่มองไปข้างหน้าไม่หันมองคนตัวเล็กข้างกายอีก แม้ว่าภายนอกจะเย็นชาแข็งกระด้างมากแค่ไหน แต่ในใจของชายหนุ่มเต้นโครมครามแทบจะบ้าตายที่เจอลูกแก้วข้างนอกและเธอดันมาเห็นเขาสวมแหวนแบบนี้
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา...เขาสวมแหวนทุกวัน และทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และเมื่อไรที่เข้าบ้าน เขาก็จะถอดมันเพราะไม่อยากให้ลูกแก้วเห็น ไม่รู้เพราะอะไรที่ชายหนุ่มทำแบบนี้ อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมาสนใจเขา ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว รวมถึงคุณแพรวลูกค้าของเขาด้วย ก่อนหน้าที่สีหราชจะแต่งงาน อีกฝ่ายทำท่าทีสนใจเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากที่ชายหนุ่มแต่งงานแล้ว ทว่างานแต่งไม่ได้จัดใหญ่โต มีเพียงญาติของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น และข่าวก็ออกแพร่สะพัดว่านักธุรกิจหนุ่มไฟแรงจัดพิธีแต่งงานแบบไพรเวท และสีหราชก็ไม่ได้คิดปิดบังใครว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว บวกกับการที่เขาสวมแหวนทุกครั้งที่เจอคนอื่น ก็ทำให้คุณแพรวลูกค้าของเขาเลิกสนใจและทำท่าทีอยากเป็นดองกันมากกว่าแค่เรื่องงาน
อย่างที่บอกว่าเขาไม่ได้พิศวาสลูกแก้วอย่างที่บอกอีกฝ่าย และมานึก ๆ ดูแล้วว่าเขาคนเดียวที่เอาแต่สวมใส่แหวนแต่งงานมันก็ไม่แฟร์ เลยบังคับให้เธอทำด้วย...จะได้เสมอกัน
เขาไม่ชอบเสียเปรียบและไม่เคยต้องเสียเปรียบให้ใคร ชายหนุ่มขับรถไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหันมองคนข้างกายที่เอาแต่หันออกไปนอกกระจก ในมือของเธอถือถุงแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่ง ทว่าเขาไม่พูดอะไร จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของลูกแก้วดังขึ้น
มือบางหยิบมันมากดรับสายเมื่อเห็นว่าหน้าจอเป็นชื่อของใคร
“ฮัลโหล อื้อ ว่าไง”
ดวงตากลมชำเลืองมองคนขับก็เห็นว่าสีหราชหันมองเธอไม่หยุด คนที่โทรเข้ามาเป็นแผ่นดิน อีกฝ่ายส่งข้อความหาเธอหลายข้อความแต่ลูกแก้วไม่ได้เข้าไปอ่านเพราะยุ่ง ๆ อยู่
(แก้วว่างไหม)
“คุยได้”
(พรุ่งนี้วันเกิดแก้ว ออกมากินข้าวด้วยกันไหม เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง ตั้งแต่เรากลับก็ยังไม่ได้นั่งคุยกันจริง ๆ จัง ๆ เลย)
ลูกแก้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย เธอชั่งใจพลางตอบออกไป
“เดี๋ยวเราบอกได้ไหม”
(ได้สิ ยังไงก็ส่งข้อความมานะ)
“อืม โอเค”
ลูกแก้วกดวางสาย ก่อนจะหันมองคนข้างกายอีกครั้ง
“คุณสิงห์ พรุ่งนี้แก้วออกไปหาเพื่อนนะคะ”
เธอบริสุทธิ์ใจกับแผ่นดิน แต่ยังไงลูกแก้วก็ยังเป็นภรรยาของเขา การที่เธอจะออกไปกับเพื่อนผู้ชายสองต่อสองก็ต้องขออนุญาตอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนครั้งที่แล้ว
เธอคิดว่าการบอกสีหราชดี ๆ อาจจะทำให้เขาเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเธอ ทว่าลูกแก้วคิดผิด เพราะหลังจากเธอพูดจบ รังสีบางอย่างก็แผ่กระจายออกจากอีกคน นัยน์ตาดุดันตวัดมองเธอ ในจังหวะที่รถยนต์ติดไฟแดงพอดี
“เพื่อนคนไหน?”
“แผ่นดินค่ะ คนที่คุณเจอวันนั้น”
“...”
สายตาคู่คมแข็งกร้าวในฉับพลัน ลูกแก้วสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจากสีหราช เขากระตุกยิ้ม
“ชู้คนนั้นน่ะเหรอ?”