ตอนที่ 2 สนใจลอตเตอรี่ไหมจ๊ะ?

1859 คำ
“ครบหนึ่งปีแล้วที่แม่เธอบอกว่าจะหาเงินมาใช้คืน ไหนล่ะเงิน? ยังไม่เห็นวี่แวว” “...” ลูกแก้วได้แต่นั่งก้มหน้า กักเก็บความเจ็บปวดกับประโยคที่ได้ยิน สีหราชเห็นแบบนั้นก็กลั้วหัวเราะในลำคออย่างสมเพช เขารู้ว่ายังไงลูกแก้วและมารดาของเธอก็ไม่มีวันหาเงินมาใช้คืนได้ ทำให้เขาเอาเรื่องหย่าขึ้นมาพูดในวันนี้ สีหราชรู้ดีว่ายังไงผู้หญิงตรงหน้าก็ไม่มีวันไปจากเขา เธอก็ไม่ต่างจากของตายที่เขาจะพูดหรือกระทำให้เจ็บปวดใจแค่ไหน เธอก็จะไม่มีสิทธิ์ต่อต้าน ลูกแก้วต้องอยู่กับเขาตลอดไป เป็น ‘ตัวประกัน’ ที่ไม่มีวันจะได้รับความรักจากเขาตลอดชีวิต “ถ้าไม่มีเงินมาใช้คืน ก็ทำตัวให้สมกับเป็นเมียหน่อย” “...” “ต่อจากวันนี้ฉันจะไม่ยอมขาดทุน” สีหราชเอ่ยออกมา ก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาตั้งเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นค่าอาหารทั้งหมด ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากที่นี่ ดวงตาแดงก่ำเงยขึ้นมองแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากร้านนี้ไป ลูกแก้วแทบลืมวิธีหายใจ เธอเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นพอ ๆ กับฝ่ามือทั้งสองข้างที่กำจนสั่งเกร็งเพราะความอึดอัด ก่อนจะมองไปที่ใบหย่าซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ลูกแก้วหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ เมื่อสองปีก่อน บิดาของลูกแก้วทำธุรกิจขนาดใหญ่ แต่วันหนึ่งธุรกิจที่เคยไปได้สวยกลับขาดทุนย่อยยับและใกล้จะล้มละลาย ทำให้บิดาของเธอหน้ามืดไม่รู้ผิดชอบชั่วดีคิดจะโกงบริษัทที่ร่วมลงทุนและเป็นพันธมิตรกัน และบริษัทนั้นมีสีหราชเป็นเจ้าของ บิดาของเธอวางแผนโกงเงินของสีหราช คิดหาแผนการอย่างแยบยลจนโกงเงินมาได้สำเร็จ เงิน ‘ยี่สิบล้าน’ ที่บิดาของเธอได้มาด้วยการกระทำผิด เงินพวกนั้นบิดาของเธอเอาไปใช้หนี้และอีกส่วนหนึ่งเอามาลงทุนเพื่อหวังจะฟื้นกิจการขึ้นมาใหม่ แต่ยังไม่ทันทำสำเร็จ ฝั่งของสีหราชที่ถูกผู้ที่ไว้ใจหลอกเงินไปจำนวนมหาศาลก็จับได้ และเขามีหลักฐานทุกอย่างจนบิดาของลูกแก้วดิ้นไม่หลุด จากผู้ที่เป็นพันธมิตรกัน สีหราชประกาศตัวเป็นศัตรูกับบิดาของเธอเพียงชั่วข้ามคืน และหลังจากนั้นไม่นานบิดาของลูกแก้วที่กระทำความผิดและไม่อาจรอดคุกก็จบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอ ผลกรรมทั้งหมดจึงมาตกอยู่กับภรรยาและลูกสาวสองคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเพราะบิดาผู้ที่ทำความผิดหนีไปยมโลกอย่างไม่มีวันกลับมา ‘นฤดี’ ผู้เป็นภรรยา ‘ลูกแก้ว’ ลูกสาวคนโตและ ‘ลูกหว้า’ ลูกสาวคนเล็ก แม้ว่าตัวการจะคิดสั้นหนีไปแล้ว แต่สีหราชก็ยังต้องการเงินยี่สิบล้านของตัวเองคืน จะเอากิจการของอีกฝ่ายมาเป็นของตัวเองก็ไม่คุ้ม เพราะกิจการพวกนั้นล้มละลายไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว และอีกอย่างนฤดีไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับบิดาลูกแก้ว สีหราชไม่สามารถทำอะไรนฤดีในทางกฎหมายได้เลย นอกจากบีบบังคับและขู่เพื่อเอาเงินคืน ฝั่งของนฤดีและลูกสาวมีเพียงบ้านหลังใหญ่ที่มีอายุกว่าห้าสิบปี และสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมกันนั้นยังไม่ถึงสิบล้านเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งนฤดีไม่อยากให้สีหราชยึดบ้านหลังนี้ และเขาก็ต้องการเงินของตัวเองคืนไม่ใช่สิ่งของ ทำให้นฤดีเอ่ยปากออกมาว่าจะหาเงินยี่สิบล้านมาคืนภายในหนึ่งปี โดยเอาลูกสาวของตัวเองมาเป็นตัวประกัน...ให้ลูกสาวคนโตแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับเขา สีหราชยอมตกลงเพราะนฤดีบอกว่าตนมีสมบัติเป็นมรดกคือที่ดิน ถ้าเอามาขายทอดตลาด ก็เพียงพอในการใช้หนี้ แต่นฤดีไม่สามารถเอาที่ดินออกมาขายในตอนนี้ได้ เรื่องพวกนี้อาจจะต้องใช้เวลา เขาจึงยอมตกลงที่จะแต่งงานกับลูกสาวคนโตของคนที่โกงเงินของเขาเพื่อเอาเธอมาเป็นตัวประกัน เพราะถ้าหากนฤดีตุกติกไม่คืนเงินเขา อย่างน้อยเขาก็ยังได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นของตัวเอง ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ เขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ และวันนี้ก็ครบหนึ่งปีแล้วที่เขาและเธอแต่งงานกัน สีหราชจึงเริ่มทวงสิ่งที่ตัวเองควรได้รับ ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่า หลังจากที่ลูกแก้วออกจากร้านอาหาร เธอก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ริมถนนอย่างเลื่อนลอย ร่างบางเดินมานั่งที่ป้ายรถเมล์ซึ่งตรงนี้ไม่มีผู้คน สายตาทอดมองออกไปบนถนนตรงหน้าที่มีรถวิ่งสวนไปมา ก่อนลูกแก้วจะตัดสินใจโทรหามารดาของตัวเอง (ฮัลโหล มีอะไรถึงโทรมาป่านนี้) “คุณแม่” น้ำเสียงของปลายสายที่เธอเรียกว่า ‘แม่’ ช่างห่างเหิน แต่ก็เป็นแบบนี้มาเสมอซึ่งเธอชินชาจนไม่รู้สึกอะไร เพราะถึงแม้ว่าบิดาที่ตายไป จะเป็นบิดาแท้ ๆ ของลูกแก้วทว่านฤดี ‘ไม่ใช่’ มารดาแท้ ๆ ของเธอ อีกฝ่ายเป็นแม่เลี้ยงที่คบหากับพ่อของเธอ หลังจากที่แม่แท้ ๆ ของลูกแก้วตายด้วยโรคร้ายตั้งแต่เธอยังเด็ก และหลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกัน ทั้งสองก็มีลูกสาวด้วยกันอีกหนึ่งคนคือลูกหว้า...น้องสาวคนละแม่ของลูกแก้ว นี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เธอถูกสั่งให้มาเป็นตัวประกันของสีหราช เพราะนฤดีรักและหวงลูกหว้ายิ่งกว่าอะไร ส่วนเธอก็เป็นแค่ลูกเลี้ยง และยิ่งพักหลัง ๆ มานี้ ลูกแก้วรู้สึกได้ว่านฤดีไม่ค่อยสนใจใยดีเธอเหมือนตอนที่บิดายังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ทั้งชีวิตนี้ลูกแก้วก็ไม่มีใครนอกจากมารดาและน้องสาวอีกแล้ว วันนี้ก็เช่นกันที่หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยมาก เธออยากหลุดพ้นจากวังวนนี้เต็มที “วันนี้ครบหนึ่งปีที่หนูกับคุณสิงห์แต่งงานกัน” (ฉันรู้แล้ว) “คุณแม่จำไม่ได้เหรอคะว่าให้สัญญาอะไรเอาไว้กับเขา” (ฉันจำได้ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีเงิน) “แต่ในสัญญาบอกเอาไว้ว่าครบหนึ่งปี เราต้องหาเงินยี่สิบล้านมาคืนเขานะคะ” (เรื่องนี้ฉันคุยกับคุณสิงห์แล้ว ก่อนที่แกจะโทรมา คุณสิงห์เขาโทรหาฉัน) “คุณสิงห์โทรหาคุณแม่เหรอคะ เขาว่ายังไงบ้างคะ?” หน้าอกข้างซ้ายของเธอเต้นถี่รวน ลูกแก้วตั้งใจฟังที่ปลายสายกำลังจะพูด (คุณสิงห์บอกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา แกไม่เคยทำหน้าที่เมียเลย และคุณสิงห์ก็ไม่เคยแตะต้องตัวแกแม้แต่ปลายเล็บ) “...” (แต่หลังจากวันนี้ คุณสิงห์จะยืดระยะเวลาให้เราหาเงินมาใช้หนี้ต่อ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน) “ข...ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ” (ต่อไปนี้แกต้องทำหน้าที่เมียจริง ๆ อย่าให้ขาดตกบกพร่อง โดยเฉพาะเรื่องนั้น เข้าใจไหม?) โดยเฉพาะเรื่องนั้นเหรอ ลูกแก้วกำโทรศัพท์ในมือแน่น เธอหายใจแทบไม่ทั่วท้อง ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา จริงที่เขาไม่แตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายเล็บ เพราะสีหราชให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้ต้องการตัวลูกแก้ว แต่ที่เขายอมแต่งงานกับเธอ เพราะเขาต้องการเงินคืน และลูกแก้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเป็นภรรยาเพียงในนามเท่านั้น ทว่าวันนี้ที่เธอได้ยินสิ่งที่นฤดีบอก... เธอต้องทำหน้าที่ ‘เมีย’ ที่แท้จริงอย่างนั้นเหรอ “หนูทำไม่ได้หรอกค่ะ” (มันยากตรงไหน แค่ทำให้คุณสิงห์พอใจ เพื่อยืดเวลาให้ฉันหาเงินต่ออีกหน่อย) “คุณแม่มีที่ดินไม่ใช่เหรอคะ เราเอามาขายตอนนี้เลยไม่ได้เหรอคะ หนูไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว” เธอพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่อยู่ในอก ก่อนจะได้ยินปลายสายพูด (ที่ดินพวกนั้นพ่อของฉันยังไม่โอนมา ทำอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก) “เราขอให้คุณตาโอนเลยไม่ได้เหรอคะ” (ยังไม่ได้ก็คือยังไม่ได้) “...” (อดทนอีกหน่อยเถอะลูกแก้ว เงินยี่สิบล้าน มันไม่ได้หามาง่าย ๆ หรอกนะ) “...” (นอกจากแกจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แล้วต้องถูกสี่ใบขึ้นไปถึงจะพอใช้หนี้ แกทำได้หรือเปล่าล่ะ?) ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งงั้นเหรอ... แม้แต่ใบเดียวยังเป็นไปไม่ได้เลย หญิงสาวนั่งก้มหน้าอย่างยอมแพ้ ก่อนมารดาจะกดตัดสาย ลูกแก้วลดมือถือลงมาพลางมองที่หน้าจอก็เห็นข้อความที่พึ่งส่งเข้ามา...จากเขา สีหราช : แม่ของเธอบอกแล้วใช่ไหม หน้าที่ของเธอหลังจากนี้ว่าต้องทำอะไรบ้าง สีหราช : รีบกลับไปเตรียมตัวล่ะ เธอคงรู้ว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร ลูกแก้วรีบกดปิดมือถือทันที ก่อนจะยัดมันใส่กระเป๋าสะพาย เธอนั่งกุมศีรษะของตัวเองอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่เดิม คิดอะไรไม่ออก นอกจากอยากหนีไปให้ไกลจากวังวนนี้ ที่ลูกแก้วอดทนเพราะน้องสาวของตัวเอง เธอรักลูกหว้ามาก ๆ และนฤดี...แม้จะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ ของลูกแก้ว แต่อีกฝ่ายก็เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ลูกแก้วยังเด็กเหมือนแม่แท้ ๆ คนหนึ่ง ตอนที่บิดายังอยู่ นฤดีให้ความรัก ความอบอุ่น และเลี้ยงลูกแก้วเหมือนลูกแท้ ๆ มาตลอด จนกระทั่งเกิดเรื่องกับครอบครัวเรา นฤดีก็เริ่มจะห่วงเธอน้อยลงและหันไปห่วงลูกหว้า ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองมากกว่า ลูกแก้วเข้าใจที่อีกฝ่ายทำแบบนั้นเพราะไม่มีทางเลือก ถ้าหากลูกแก้วไม่เป็นตัวประกัน ลูกหว้าก็ต้องทำเรื่องพวกนี้...ลูกหว้ายังเด็ก ลูกแก้วไม่ยอมให้ลูกหว้าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้แน่ ดวงตาเลื่อนลอยมองรถแท็กซี่เปิดไฟว่างขับผ่านไปหลายคัน แต่เธอไม่คิดจะเรียกสักคัน ทั้งที่ควรจะต้องกลับบ้านได้แล้ว เธอไม่อยากกลับ ร่างบางลุกขึ้นจากม้านั่งป้ายรถเมล์ ก่อนจะเดินไปตามทางฟุตบาทเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ยิ่งดึก แถวนี้ก็ยิ่งเงียบและเปลี่ยว ทว่าลูกแก้วไม่ได้ใส่ใจรอบข้าง เธอเอาแต่เดินตรงไปข้างหน้า เดินไปเรื่อย ๆ แบบนั้นอย่างไร้จุดหมายและไร้ซึ่งสติ ก่อนลูกแก้วจะได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของหญิงชราที่ดังอยู่ข้างหลัง “รวย ๆ จ้าแม่หนู สนใจลอตเตอรี่ไหมจ๊ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม