“รวย ๆ จ้าแม่หนู สนใจลอตเตอรี่ไหมจ๊ะ”
“...”
ลูกแก้วหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นหญิงชราที่คาดว่าอายุคงไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบปี อีกฝ่ายเปิดแผงขายลอตเตอรี่อยู่ริมฟุตบาทข้างทาง ทว่าหญิงชราคนนั้นมองไปทางอื่นทั้ง ๆ ที่ลูกแก้วคิดว่าคุยกับเธอ
และไม่รู้เพราะอะไร ทำให้เธอหมุนตัวเดินไปทางหญิงชราคนนั้นทันที ก่อนจะมองใบหน้าอีกฝ่ายดี ๆ ก็เห็นว่าดวงตาทั้งสองข้างของหญิงชราใช้งานไม่ได้
“ช่วยยายซื้อหน่อยสิจ๊ะ”
ดึกป่านนี้แล้ว...แต่คุณยายคนนี้ยังไม่เข้าบ้าน ยังนั่งขายลอตเตอรี่อยู่ในมุมมืด ๆ ข้างกับเสาไฟฟ้าที่มีสายไฟระโยงระยาง
ทำให้ลูกแก้วหลุบมองลอตเตอรี่มากมายที่ยังคงตั้งเรียงรายเต็มแผงเพราะงวดก่อนพึ่งจะออก งวดต่อไปก็อีกประมาณสองสัปดาห์ข้างหน้า เธอกวาดสายตามองตัวเลขมากมายก็ตาลายไปหมด
“หนูซื้อหนึ่งใบค่ะ”
ลูกแก้วตัดสินใจจะซื้อสักใบเพื่ออุดหนุนคุณยาย และอีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดของเธอ ลูกแก้วเห็นแค่เลขสองตัวสุดท้ายเป็นเลขที่วันเกิดของตัวเองก็ตัดสินใจหยิบใบนั้นโดยไม่คิดอะไร คุณยายคนขายที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา
“ขอบใจนะแม่หนู”
มือเหี่ยวย่นคลำ ๆ หาตรงที่ลูกแก้วดึงออกไป ก่อนคุณยายจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เอาไปทั้งชุดเลยไหมจ๊ะแม่หนู มีห้าใบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเอาแค่ใบเดียวพอ”
“แต่ถ้าถูกรางวัลที่หนึ่ง ห้าใบนี้ได้สามสิบล้านเลยนะจ๊ะ”
“สามสิบล้านเหรอคะ...”
(นอกจากแกจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง แล้วต้องถูกสี่ใบขึ้นไปถึงจะพอใช้หนี้ แกทำได้หรือเปล่าล่ะ?)
ประโยคของมารดาก็แล่นเข้ามาในหัวสมอง ลูกแก้วนึกขำกับตัวเอง พลางพึมพำออกมา
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ลองดูเถอะจ้ะแม่หนู ถือว่าช่วยยายก็ได้ วันนี้ยายยังขายไม่ได้เลยสักใบ”
“...”
“นะจ๊ะแม่หนู”
“ก็ได้ค่ะ”
เพราะอยากช่วยคุณยายเท่านั้น ลูกแก้วจึงซื้อลอตเตอรี่ทั้งหมด ‘ห้าใบ’ และเป็นเลขชุดเดียวกันทั้งหมด เธอยื่นเงินสดให้คุณยายพอดีแบบไม่ต้องทอน ก่อนจะเก็บลอตเตอรี่ห้าใบใส่กระเป๋าเงินของตัวเอง
และฉับพลัน...เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้ลูกแก้วหยิบมันออกมามองหน้าจอ
‘คุณสิงห์’
เป็นสายที่เธอไม่รับไม่ได้...
“ค่ะ”
(อยู่ไหน)
“แก้วกำลังกลับค่ะ”
(ดี รีบกลับให้ถึงก่อนที่ฉันจะไปถึง)
“...”
ติ๊ด
อีกฝ่ายวางสาย ลูกแก้วถอนหายใจก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าอีกครั้ง
เขายังไม่ถึงบ้าน นั่นก็แปลว่าอีกฝ่ายอาจจะไปไหนต่อหลังจากที่ออกจากร้านอาหาร
และคำว่า ‘รีบกลับให้ถึงก่อนที่ฉันจะไปถึง’ ทำให้ลูกแก้วเดินไปยังริมถนน เธอโบกเรียกแท็กซี่ทันทีเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
แม้จะอยากหลุดพ้นจากคนใจร้ายที่ไร้หัวใจมากแค่ไหนก็ตาม...แต่ตอนนี้เธอยังหนีไปไหนไม่ได้ นอกจากทำตามที่เขาสั่งเพื่อเลี่ยงการมีปากเสียงกับเขา
21.45 น.
นัยน์ตาส่องประกายความร้ายกาจ สีหราชค่อนข้างพอใจหลังวางสายจากเธอ เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด
ภายในบาร์ชื่อดังย่านคนรวย เสียงเพลงเปิดดังกระหึ่มอยู่ภายในร้าน สีหราชและเพื่อนสนิทอีกสองคนกำลังนั่งดื่มกันอย่างสนุกสนาน
‘เสกสรร’ หนุ่มหล่ออัธยาศัยดี และ ‘เดวิด’ หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทของสีหราช
เดวิดเห็นว่าแก้วของเพื่อนถูกกระดกจนหมดแล้ว จึงทำท่าจะหยิบมาชงให้ต่อ ทว่าเจ้าของแก้วเอ่ยดัก
“ไม่ต้อง กูจะกลับแล้ว”
“เอ้า อะไรวะ คนชวนออกมาคือมึง ไหงจะกลับคนแรก”
“นั่นดิ”
เสกสรรและเดวิดต่างก็พากันโวย สีหราชมองหน้าเพื่อน ๆ ก่อนจะยกยิ้ม
“คืนนี้มีเรื่องสนุก ๆ รอกูอยู่”
“พูดเหมือนจะได้อึ้บเมีย”
“ถ้าไอ้สิงห์ได้อึ้บเมีย กูจะคลานเป็นหมาให้ดู ฮ่า ๆ ๆ”
เสกสรรพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ก่อนทั้งสองจะพากันหัวเราะดังลั่นแข่งกับเสียงเพลง สีหราชได้ยินแบบนั้นก็ตวัดสายตาดุดันมองเสกสรร
“มึงได้คลานแน่ไอ้เสก”
“อย่าบอกนะว่าคุณสิงห์ของเรากล้าแตะเมียแล้ว? ไม่จริงอะ”
เดวิดส่ายหน้าพรืดอย่างไม่เชื่อ คนถูกดูถูกเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม เขาเบือนสายตาไปทางอื่นอย่างหัวเสีย
เกลียดไอ้พวกนี้จริง ๆ ที่รู้มาก
“ครบหนึ่งปีแล้วที่กูแต่งงานกับลูกแก้ว และสุดท้ายแม่ยัยนั่นก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนกู”
“แล้วไงวะ?”
“กูจะทำสิ่งที่อยากทำไง”
“...”
“...”
“หนึ่งปีที่ผ่านมา ไม่ใช่กูไม่กล้า แค่กูไม่ทำ แต่ต่อไปนี้กูจะไม่ยอมขาดทุนอีก พวกมึงรอดูได้เลย”
พูดจบ สีหราชก็คว้าแก้วมาชงเอง ก่อนจะกระดกเหล้ารวดเดียวจนหมดเพื่อเป็นการส่งท้ายของค่ำคืนนี้
เสกสรรและเดวิดต่างหันมองหน้ากันเพราะคิดว่าครั้งนี้เพื่อนตัวเองคงเอาจริง ทั้งสามคนสนิทกันมาก รู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันรวมทั้งเรื่องการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของเขาด้วย
สีหราช นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ฐานะและชาติตระกูลสูงส่ง รูปลักษณ์ภายนอกเพอร์เฟ็คอย่างไม่ต้องพูดถึง ทว่านิสัยใจคอเต็มไปด้วยทิฐิที่สูงลิ่วจนฉุดไม่ลง เสกสรรหันมองหน้าเดวิดก่อนจะถอนหายใจออกมา เช่นเดียวกับเดวิดที่คิดเหมือนกัน
ทั้งคู่หลุบสายตามองที่ ‘นิ้วนางข้างซ้าย’ ของสีหราช
บนนิ้วนางสวมแหวนแต่งงานเอาไว้ตลอดเวลาจนสาว ๆ ในบาร์ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
สีหราชมักจนสวมแหวนตอนอยู่นอกบ้านเสมอ เพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่าตัวเขามีเจ้าของแล้ว ยกเว้นตอนอยู่ในบ้านและอยู่กับลูกแก้ว สีหราชจะถอดแหวนออกเพื่อไม่ให้ลูกแก้วเห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับมัน
เขาไม่คิดว่าตัวเองจะ ‘รัก’ ลูกแก้วได้จริง ๆ นอกจากเห็นเธอเป็นเพียงตัวประกันและของตายที่เอาไว้เล่นสนุกหลังจากนี้เท่านั้น