“ถ้าไม่อยากทำ ก็ไปหาเงินมาคืนฉัน”
“...”
“ยี่สิบล้าน”
เธอสบตากับเขา นัยน์ตาแข็งกร้าวระคนสนุกกับการที่เขาได้ทำแบบนี้กับเธอ ลูกแก้วหลบสายตาไปทางอื่น หาเงินมาคืนเหรอ
อย่างเธอจะไปมีปัญญาได้ยังไง
“คุณแม่ใกล้จะได้ขายที่แล้วค่ะ”
ทว่าเธอก็ยังไม่ยอมแพ้
“เมื่อไรล่ะ”
“อีกไม่นานค่ะ คุณสิงห์รออีกหน่อยได้ไหมคะ”
“ไม่ได้”
“อ๊ะ!”
ร่างของเธอถูกอุ้มขึ้นเหนือพื้น ก่อนสีหราชจะโยนลูกแก้วลงบนเตียงของเขา หญิงสาวพยายามถดร่างกายของตัวเองหนีแต่ก็ไม่ทันเพราะคนตัวใหญ่กว่าคร่อมทับลงมา เขาจับข้อมือทั้งสองข้างของเธอกดไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาใกล้
ลูกแก้วได้กลิ่นลมหายใจอีกฝ่ายเป็นกลิ่นของเหล้าผสมไวน์ เธอแทบกลั้นหายใจเมื่อใบหน้าหล่อคมโน้มลงมาอีกครั้งจนปลายจมูกของเราแตะกัน
เป็นครั้งแรกที่เธอกับเขาใกล้ชิดกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจแบบนี้
“เป็นแค่ตัวประกันไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
“แต่ตัวประกันก็มีความรู้สึกนะคะ”
น้ำเสียงของเธอสั่นระริก ดวงตากลมแดงก่ำอย่างน่าสงสาร ทว่าสีหราชไม่คิดแบบนั้น
เขาคิดว่าท่าทางหวาดกลัวของเธอท้าทายเขามากกว่า
“เป็นเมียฉันไม่ดีตรงไหน?”
“...”
จู่ ๆ ชายหนุ่มก็ถามขึ้น เขาหรี่สายตาลง
“ใคร ๆ ก็อยากเป็นเมียฉันกันทั้งนั้น ไม่รู้หรือไงว่ามีผู้หญิงอีกกี่คนอิจฉาเธอ”
“...”
“ฉันเลือกเธอมาอยู่ตรงนี้ก็ควรดีใจ ไม่ใช่ทำหน้าเหมือนอยากตาย”
“แก้วขอตายดีกว่าค่ะ”
และคำพูดของลูกแก้วก็ฉุดให้อารมณ์ของสีหราชพุ่งสูงขึ้น เขาพ่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอย่างไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของลูกแก้ว ที่ผ่านมาเราสองคนไม่ค่อยจะพูดจากัน และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้หญิงที่เป็นภรรยาของเขาคิดอะไรอยู่
นี่คือความคิดของเธอตลอดหนึ่งปีเต็มสินะ สีหราชไม่เคยรู้สึกถูกหักหน้าอย่างรุนแรงเท่านี้มาก่อน เขากวาดสายตามองใบหน้างดงามของเธอ พลางคิดว่าต่อไปนี้เขาไม่ควรใจดีอีกแล้ว
“ฉันจะป้องกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะท้องโย้เพราะฉัน”
“...”
“แล้วก็จำเอาไว้...ไม่ว่าจะเกิดอะไร จะไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง”
การแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ห้ามรู้สึกอะไรมากกว่านั้น เข้าใจใช่ไหม?
วันแรกที่เราเจอกัน ประโยคแรกที่สีหราชพูดกับเธอคือย้ำเตือนว่าจะไม่มีความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง และลูกแก้วก็คิดว่ากฎข้อนั้นช่างง่ายดาย แน่นอนว่าเธอจะไม่มีวันรู้สึกอะไรนอกจากรอวันได้หลุดพ้นจากตรงนี้ ทว่าวันนี้เขาต้องการอะไรที่มันมากกว่านั้น ลูกแก้วส่ายหน้าช้า ๆ ...
“แน่นอนค่ะ เราไม่ได้รักกัน”
“...”
“แล้วเราก็ไม่ควรทำเรื่องอย่างว่ากันด้วย คุณสิงห์อย่าลดตัวลงมาเลยค่ะ”
“หึ”
“...”
“จะไม่ยอมลูกเดียวสินะ”
ฝ่ามือหนากำข้อมือทั้งสองข้างของเธอและกดลงบนเตียงรุนแรงขึ้นตามอารมณ์คุกรุ่นที่พุ่งทยาน ในขณะเดียวกันลูกแก้วก็หนักแน่นในแววตา
“ฉันจะถือว่าเธอเลือกเองลูกแก้ว”
พรึบ!!
สีหราชผละออกมายืนเต็มความสูงบนพื้น ก่อนเขาจะกระชากข้อมือของลูกแก้วให้ลุกขึ้นจากเตียงอย่างรุนแรงและเหวี่ยงเธอไปที่ประตูห้อง
หญิงสาวพยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางจ้องหน้าอีกฝ่าย...ก็พบกับแววตามัจจุราชในคราบมนุษย์
“ต่อจากนี้ก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย”
“...”
“หนี้ยี่สิบล้าน กับอีแค่ทำงานบ้านไปวัน ๆ นอกจากนั้นเธอก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ฉัน อย่าคิดว่าต่อไปนี้ฉันจะปล่อยให้เธออยู่สุขสบาย”
“...”
“เพราะเธอสบายมามากพอแล้ว”
ลูกแก้วสบตากับเขา และรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัวอีกฝ่ายทำให้เธอมั่นใจว่าเขากำลังจะเอาจริง
“ค่ะ”
แต่ลูกแก้วไม่มีคำไหนจะพูดนอกจากคำนี้ เธอหลุบสายตามองพื้นก่อนจะรีบหมุนตัวออกจากห้องนอนนี้ไป และเมื่อออกมาด้านนอกก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก...อย่างน้อยก็ไม่เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในค่ำคืนนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ขืนใจเธอ ลูกแก้วคิดว่าเท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าอีกคนประกาศกร้าวออกมาอย่างน่ากลัวก็เถอะ
ต่อไปนี้ สิ่งที่ลูกแก้วทำได้คือรับมือไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์ไหนก็ตาม...
วันต่อมา
07.30 น.
ทุกเช้าที่ลูกแก้วจะตื่นเวลาเจ็ดโมงตรงเพื่อออกมาทำอาหารเช้าให้สีหราช เธอจะทำเมนูที่เขาชอบกินในมื้อเช้าก็มีเพียงไม่กี่อย่าง เธอทำวน ๆ กันไปและที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อทำอาหารเสร็จเธอก็จะตั้งเอาไว้บนโต๊ะภายในห้องอาหาร จากนั้นลูกแก้วก็รีบเข้าไปในห้องนอนเพราะเลี่ยงการเจอหน้าเขา วันนี้เป็นอีกวันที่ลูกแก้วทำอาหารเช้าคือข้าวต้มหมูสับไข่ออนเซ็น ขนมปังปิ้งทาเนยบาง ๆ และกาแฟดำหนึ่งแก้ว เมื่อทุกอย่างวางอยู่บนโต๊ะแล้วร่างเล็กก็หมุนตัวทำท่าจะออกจากห้องอาหาร
ทว่าก็ต้องสะดุ้งอย่างหนักเมื่อด้านหลังมีร่างกำยำยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
นัยน์ตาวาวโรจน์จ้องมองเธอ หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ”
“ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปไหน”
“คะ?”
สีหราชไม่พูดย้ำ เขาเดินผ่านไหล่เธอเพื่อไปนั่งบนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว ลูกแก้วเห็นแบบนั้นก็ทำหน้างุนงง
แต่เธอก็ไม่ไปไหนตามคำสั่ง หญิงสาวเดินไปยืนไม่ไกลจากเขา เธอกุมสองมือยืนนิ่ง ๆ ราวกับสาวรับใช้ก็ไม่ปาน ลูกแก้วมองสีหราชลงมือกินอาหาร เขาตักข้าวต้มเข้าปากหนึ่งคำก่อนจะวางช้อนลงในถ้วย
“เค็ม”
เขาเอ่ยขึ้นพลางเงยหน้ามองเธอ ลูกแก้วมองที่ถ้วยข้าวต้ม เธอคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่ลงมือทำ
ลูกแก้วทำทุกอย่างเหมือนเดิม แม้กระทั่งการปรุงเพราะรู้ว่าเขาชอบกินรสชาตินี้ ถึงอีกฝ่ายจะไม่เคยบอกว่าชอบ แต่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาก็กินหมดทุกครั้งที่เธอทำให้ และไม่เคยติเรื่องรสชาติ แต่จู่ ๆ วันนี้เขาบอกว่ามันเค็ม...
“ไม่ได้เรื่อง”
“...!!”
ก่อนหญิงสาวจะเบิกตากว้างเมื่อมือหนาของสีหราชยกถ้วยข้าวต้มและราดมันลงพื้น ลูกแก้วกำสองมือแน่น ในจังหวะที่อีกฝ่ายกระแทกถ้วยเปล่าวางบนโต๊ะ
“คุณสิงห์!”
“ทำไม?”
“ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะ บอกกันดี ๆ ก็ได้!”
“ฉันทำได้มากกว่านี้อีก”
“...”
“ฉันจะราดใส่ตัวเธอก็ยังได้ จะลองดูไหมล่ะ?”