ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องประชุมเป็นคนแรก เขายกมือนวดบริเวณหัวคิ้วพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึงเพราะเนื้อหาในการประชุมเมื่อครู่ค่อนข้างตึงเครียด สีหราชมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตัวเองทันที แต่สองเท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคิดบางอย่างขึ้นออก
“มีใครเอาของมาฝากให้ผมหรือเปล่า”
สีหราชหยุดหน้าโต๊ะเลขาหน้าห้องทำงานของตัวเอง เลขาสาวได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้า
“มีค่ะ” ก่อนหล่อนจะหยิบถุงที่บรรจุอาหารอยู่ด้านในขึ้นมา
“จากคุณลูกแก้วค่ะ”
สีหราชนิ่งไปครู่หนึ่ง สายตาคู่คมมองอาหารตรงหน้าและเอ่ยขึ้น
“คนที่เอามาให้บอกหรือเปล่าว่าเป็นอะไรกับผม”
“ไม่ได้บอกนะคะ บอกแค่ว่าชื่อลูกแก้วค่ะ”
“แล้วท่าทางผู้หญิงคนนั้นตอนที่มาที่นี่เป็นยังไงบ้าง?”
เลขาสาวทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย
“ก็ดูรีบ ๆ นะคะ ท่าทางจะเหนื่อยมากเพราะเหงื่อนี่เต็มหน้าเลยค่ะ”
ซีอีโอหนุ่มที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้ม เขาหลุบสายตามองถุงอาหารตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ของพวกนั้น ผมฝากคุณทิ้งหน่อยนะ หรือไม่ก็เอาไปให้สุนัขจรจัดข้างตึกก็ได้”
“เอ่อ...ได้ค่ะ”
เลขาสาวทำหน้างุนงงก่อนจะตอบรับเจ้านาย สีหราชเดินผ่านอีกฝ่ายเพื่อเข้าห้องทำงานของตัวเอง ใบหน้าของเขาผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงกำยำนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองพลางหมุนไปมาเล็กน้อยยามที่นึกถึงคำพูดของเลขาเมื่อครู่
ท่าทางจะเหนื่อยมากงั้นเหรอ
เขาคิดว่าค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา
ที่ผ่านมาสีหราชไม่เคยจะใช้งานเธอ ให้ทำงานอยู่ที่บ้านซึ่งเขาคิดว่ามันสบายมาก ๆ ถ้าเทียบกับหนี้จำนวนมหาศาลที่พ่อของอีกฝ่ายโกงเขาไป
ส่วนหน้าที่ภรรยา เธอก็ไม่เคยทำมันสักครั้ง
สีหราชคิดว่าต่อไปนี้เขาจะจริงจังในเรื่องนี้มากขึ้น ที่ผ่านมาเขาถือว่าปล่อยให้ลูกแก้วสบายใจมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะต้องดิ้นรนทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่แค่อยู่เฉย ๆ อย่างที่ผ่านมา
เมื่อคิดได้แบบนั้นก็คว้าโทรศัพท์มากดเข้าแอปพลิเคชันติดตามสัญญาณ GPS จากโทรศัพท์อีกเครื่อง สีหราชค้นหาพิกัดมือถือของลูกแก้วว่าตอนนี้อีกฝ่ายถึงบ้านหรือยัง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อสัญญาณที่ขึ้นบนหน้าจอไม่ใช่ที่บ้าน
“...”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที โดยไม่ลืมคว้ากุญแจรถไปด้วย ร่างสูงเดินดุ่ม ๆ ออกจากห้องทำงานของตัวเอง
จากใบหน้าที่ผ่อนคลายได้ดั่งใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเรียบตึง เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเดินไวได้มากเท่าวันนี้
“ทำไมกลับมาถึงไม่บอกกันเลยล่ะ”
ในจังหวะที่อาหารทยอยมาเสิรฟ ลูกแก้วก็เอาแต่ยิงคำถามใส่คนที่นั่งตรงข้าม แผ่นดินยักไหล่พลางอมยิ้ม
“อยากเซอร์ไพรส์แก้ว”
เขาตอบออกมาพร้อมกับแววตาที่อบอุ่น ทว่าคนตัวเล็กยู่ปากอย่างน่ารัก
“ไม่ใช่อะไรหรอก แต่เราอยากไปรับดินที่สนามบินไง ตอนส่งก็ไม่ได้ไปส่ง เราคิดไว้ตลอดเลยว่าถ้าดินกลับมา เราจะไปรับให้ได้เลย”
แผ่นดินจ้องมองคนตรงข้ามที่พูดยาวเหยียด ใบหน้าหวานของเธอยังคงเหมือนเดิม และสีหน้าของแผ่นดินก็หม่นหมองลงเมื่อคิดย้อนไปถึงวันที่เขาไปอังกฤษเมื่อหนึ่งปีก่อน
วันนั้นเป็นวันที่ลูกแก้วแต่งงาน...แผ่นดินรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของตัวเองบ้าง แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเงินจำนวนยี่สิบล้านมันมากเกินไป ที่บ้านของแผ่นดินทำธุรกิจแต่ก็เป็นกิจการขนาดกลาง ไม่ได้มีเงินนอนจำนวนมหาศาลขนาดนั้น ลูกแก้วจึงพึ่งใครไม่ได้แม้กระทั่งเพื่อนสนิทอย่างเขา และแผ่นดินก็ต้องปล่อย...ยืนมองลูกแก้วแต่งงานกับเจ้าหนี้โดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย และหลังจากนั้นลูกแก้วจะต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับสามีตัวเอง ทำให้แผ่นดินตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศตั้งแต่วันนั้น
และวันนี้เขากลับมาที่นี่อย่างถาวรหลังจากเรียนจบหลักสูตรระยะสั้นหนึ่งปี แผ่นดินจึงมานั่งอยู่ตรงหน้าของลูกแก้ว
“แก้วไม่ต้องไปรับเราหรอก เราจะมาหาแก้วเอง”
ลูกแก้วยิ้มกว้างพลางมองหน้าเพื่อนของตัวเอง
“แล้วดินรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่นั่น”
จู่ ๆ เขาก็มาบีบแตรอยู่ข้างหลังของเธอที่ริมฟุตบาท
“จะว่าบังเอิญก็ได้ที่เราขับรถอยู่เส้นนั้นพอดี แล้วเราก็เห็นแก้วลงจากแท็กซี่และวิ่งเข้าไปในตึกของคุณสีหราช”
“อ๋อ...งั้นเหรอ”
ลูกแก้วหน้าเสียลงเล็กน้อยที่แผ่นดินเห็นตอนที่เธอวิ่งหน้าตั้งเพื่อเอามื้อเที่ยงเข้าไปให้สามีตัวเอง แผ่นดินเห็นว่าอีกคนรู้สึกกระอักกระอ่วนก็ไม่อยากถามต่อ ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น
แผ่นดินเป็นคนเดียวที่คอยรับฟังปัญหาทุกอย่างที่ลูกแก้วเผชิญ อีกฝ่ายคอยให้กำลังใจเธอมาตลอด ลูกแก้วดีใจที่เขากลับมาแล้ว อย่างน้อยหญิงสาวจะไม่ต้องอยู่คนเดียว เธอรู้สึกอุ่นใจมาก ๆ ทั้งสองลงมือทานอาหารกันเรื่อย ๆ พลางคุยกันไปด้วย ถามสารทุกข์สุขดิบที่ผ่านมา เป็นลูกแก้วที่เป็นคนยิงคำถามมากกว่า แผ่นดินตอบทุกคำถามที่เธออยากรู้ และก็ถึงตาเขาบ้าง
“ครบหนึ่งปีแล้ว แก้วกับคุณสีหราชจะต้องหย่ากันแล้วใช่ไหม?”
“...”
ทว่าหญิงสาวก็ชะงักเมื่อได้ยินคำถาม เธอกลืนอาหารในปากจนหมดและยกแก้วน้ำขึ้นดื่มตาม แผ่นดินเอาแต่มองคนตรงข้ามที่หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“ยังหรอก”
“ทำไมล่ะ”
แผ่นดินรู้ว่าสัญญาการแต่งงานของทั้งสองคือหนึ่งปี...และตอนนี้ถึงเวลาที่มารดาของลูกแก้วจะหาเงินมาคืนสีหราชตามที่ตกลงกันไว้
“คุณแม่ยังหาเงินไม่ได้น่ะ”
เธอตอบพลางหลุบสายตาลง แผ่นดินแทบหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แล้วแบบนี้คุณสีหราชยอมเหรอ”
“เขาไม่ยอมหรอก”
“...”
“เขาก็บีบเรากับคุณแม่อยู่เหมือนกัน แต่เราก็ไม่รู้จะทำยังไง”
ลูกแก้วไม่อยากเล่าว่าสีหราชทำอะไรกับเธอบ้างในพักหลัง ๆ มานี้ที่เขารู้ว่าตัวเองจะไม่ได้เงินตามสัญญา
อีกฝ่ายต้องการให้ลูกแก้วทำหน้าที่ภรรยาอย่างสมบูรณ์แบบโดยเฉพาะเรื่องบนเตียง แต่เธอไม่ยอม เขาเลยหาเรื่องกลั่นแกล้งกัน วันนี้ตั้งแต่เช้าที่ลูกแก้วถูกอีกฝ่ายหาเรื่อง เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรม
แผ่นดินได้ยินแบบนั้นก็แทบจะกินต่อไม่ลง ทั้งคู่ทำหน้าวิตกกังวล
“เราจะหาทางช่วยแก้ว”
“เงินตั้งยี่สิบล้าน ไม่มีใครหามาได้ง่าย ๆ หรอกดิน”
“...”
“ไม่เป็นไร เรายังไหว”
“แต่เราไม่อยากให้แก้วอยู่แบบนั้น”
“...”
“เราอยากให้แก้วเป็นอิสระสักที”
ลูกแก้วสบตากับเพื่อนตัวเอง เธอเห็นสายตาของแผ่นดินเต็มไปด้วยความห่วงใยเหมือนกับที่ผ่านมา ก่อนเธอจะยิ้มบาง ๆ พลางส่ายหน้า
“ใครจะไปรู้ เราอาจจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหลายใบก็ได้ แค่นั้นก็พอใช้หนี้แล้ว”
ลูกแก้วพูดแกมขำ แผ่นดินได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มขำตามบ้าง
“ซื้อลอตเตอรี่ด้วยเหรอเรา ถึงบอกว่าจะถูก”
เขาไม่เคยเห็นลูกแก้วจะสนใจเรื่องเสี่ยงโชคมาแต่ไหนแต่ไรจึงถามออกไป ลูกแก้วทำเพียงส่ายหน้าและหัวเราะออกมาเพราะรู้ว่าที่ตัวเองพูด ยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่คนที่จนตรอก ก็มักจะพูดปลอบใจตัวเองกันทั้งนั้นว่าอาจจะถูกรางวัลที่หนึ่ง
ลูกแก้วก็เป็นหนึ่งในนั้น...ที่อยากให้โชคชะตาช่วยเหลือ เพราะรู้ว่าไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ในโลกใบนี้นอกจากเทวดาบนฟ้า หญิงสาวสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวออก ทำท่าจะชวนแผ่นดินคุยเรื่องที่เขาไปเรียนต่อที่อังกฤษ ทว่าสายตาไปสะดุดกับด้านหลังแผ่นดิน
ทางเข้าร้านอาหารมีผู้ชายที่คุ้นหน้ามาก ๆ กำลังเดินเข้ามา
“...!!”
ลูกแก้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นชัด ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นคือสีหราช อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาและหันมองซ้ายขวาราวกับหาใครบางคนอยู่ คิ้วสวยขมวดแน่นและจังหวะที่เราสองคนสบตากัน ร่างกำยำก็เดินตรงมาทางเธอและแผ่นดินทันที