ตอนที่ 2
แฟนคนแรก
“แฟนคนแรกของเราคือริน และเราก็ยังไม่มีใครอีก”
มือหนาของกัณย์ ลูบไล้ยังต้นขาเนียนตายังจ้องไปยังกลุ่มเพื่อนๆที่สนุกสนานกันอยู่หน้าเวที อีกข้างกดบั้นท้ายงามงอนของรินลดาให้ตรึงอยู่กับเก้าอี้
“พะ..พูดบ้าอะไรของนาย” หญิงสาวเริ่มเสียงสั่น เกลียดการโดนรุกเร้าอย่างรวดเร็วของเขาในตอนนี้
แต่แปลก...เธอกลับไม่คิดจะถอยหนี
“อือ รินตัวหอมจังเลย” กัณย์ชะโงกหน้ามาใกล้ และรินลดา ก็รู้สีกว่ามือหนาของเขาเริ่มจะลูบไล้ยังเนินเนื้อโหนกนูนของเธอภายใต้แพนตี้ตัวสวย
“กะ ..กัณย์ จะทำอะไร? เอามือออกไป!” รินตวาดเบาๆ ดันแขนแข็งแรงของเขาไว้ และเกร็งต้นขาให้เบียดชิดกันแน่น
“เราคิดถึงรินอะ คิดถึงตรงนี้ของรินมาก”
กัณย์เหมือนไม่สนใจเสียงห้ามปราม มือหนาล้วงยังด้านในแพนตี้ตัวจิ้ว นิ้วเรียวไล้ยังกลีบชมพูที่เริ่มชื้นแฉะ โดยไม่สนใจว่าตอนนี้นั่งอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงรุ่นที่มีเพื่อนๆอยู่ล้อมรอบ
“ยะ..อย่า”
“ทำไมเหรอ ไหนรินเคยบอกว่าชอบให้เราแบบนี้ไง”
หน้าหล่อเหลากระซิบเบาๆ กรามของเขาเริ่มขบกันแน่นจนเป็นนูนเด่น พยายามสะกดกั้นอารมณ์อย่างเต็มที่ เมื่อสัมผัสกลีบเกสรงามที่เหมือนยังปิดสนิทและเริ่มมีน้ำหวานออกมาเล็กน้อย
น้ำหวานที่เขาเลยดูดเลียกิน
“นั่นมันตอนนั้น เดี๋ยวเพื่อนๆเห็น”
หญิงสาวพยายามดันต้นขาตัวเองให้มาเบียดชิด มือไม้เริ่มอ่อนระทวย เมื่อนิ้วเรียวแข็งนั้นเริ่มบดคลึงปุ่มกระสันระรัวเร็ว เหมือนกลั่นแกล้ง
“ตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันยังไง รินยังชอบอยู่มั้ย”
กัณย์ ตามต่ออย่างตื่นเต้น เมื่อมองไปเห็นเพื่อนๆโบกไม้โบกมือกันจากลานคาราโอเกะด้านหน้า แต่กลีบความหวานในมือก็แสนจะยั่วยวนจนเขาไม่อาจจะชักมือกลับได้
“หือ! ว่าไง รินชอบมั้ย”
เสียงเริ่มเร่งเร้า นิ้วแข็งเริ่มเกเรและแหย่แยงเข้ายังร่องนิ่มที่น้ำฉ่ำเยิ้ม กายสาวส่วนล่างของรินลดา แอ่นขึ้นเหมือนเป็นคำตอบของเขาได้อย่างดี
...ทำไมจะไม่ชอบละ เธอชอบมันมากๆเลยละ
“กะ..กัณย์”
หญิงสาวกัดฟันแน่น เมื่อเขาดันนิ้วกลางเข้าไปจนสุด หน้าหล่อเหลาส่งสายตาแวววับ เมื่อมองยังเนินเนื้อใต้กระโปรงขาวที่ตอดรัดนิ้วมือเขาแน่น จนกายส่วนล่างเริ่มจะปวดหนึบ
“อะ..อาส์ ยังตอดดีเหมือนเดิมเลยนะริน”
กัณย์ คำรามต่ำในลำคออย่างตื่นเต้นถ้าไม่ติดว่าตรงนี้เป็นลานงานเลี้ยงรุ่น เขาก็จะกระชากร่างขาวนี้ และกระหน่ำกระแทกสะโพกรัวเร็วใส่เธอยิ่งนัก
“เพลงสนุกมากเลยนะ”
แก้วยิ้มละไมเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมเพื่อนๆ ทำให้มือหนาของกัณย์จำต้องถอนออกจากโพลงนุ่มนั้นอย่างเสียดาย
“อ้าวรินเมาเหรอ ตาปรือเชียวบอกแล้วอย่านั่งนาน เลยได้ยกบ่อยเลย” เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหน้าที่แดงก่ำ และสายตาปรือเชื่อมของ รินลดา
“อะ ..อ่านิดหน่อยอะ ชงเหล้าแรงจริงๆ”
หน้าสวยหายใจฟืดฟาด เขยิบกายออกห่างจากคนนั่งข้างๆ ดึงกระโปรงตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“โห! ไอ้กัณย์ มึงนี่กินซีฟู้ดบนโต๊ะเกือบหมดคนเดียวเลย”
เขื่อนบ่น เมื่อมองยังถาดหอยนางรมเหลืออยู่ไม่ตัว หลังจากเดินไปร้องคาราโอเกะแค่ไม่กี่เพลง
“ก็กูชอบกินหอยนี่หว่า”
กัณย์ยิ้มอย่างมีเลศนัย ยกนิ้วกลางที่เปียกชุ่มมาเลียกินน้ำหวานจากโพลงนุ่มของใครคนหนึ่ง ตาคู่สีนิลมองคนข้างๆวาววับ
“ฮือกูรู้แล้วว่ามึงชอบหอย แต่มึงไม่แบ่งให้กูเลยนะ”
“ไม่! กูชอบกินคนเดียว ไม่ชอบแบ่งให้ใคร”
หน้าหล่อเหลาตอบ หยอกเย้ากับเพื่อนต่อแต่สายตายังคงมองมายัง รินลดา ไม่ลดละ จนหญิงสาวจำต้องเบือนหน้าหนีด้วยความร้อนรุ่ม
เธอแพ้ทาง เสือผู้หญิงอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งกลับมาเจอหน้ากันได้ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็กระตุ้นความวาบหวามเล็กๆในร่างกายเธอจนได้
และเธอก็ยินยอมให้เขาล่วงล้ำสำรวจโดยง่ายดาย
“ฉันกลับดีกว่า เริ่มเวียนหัวละ”
รินลดาลุกขึ้น ด้วยเห็นว่าเพื่อนกๆสนุกสนานพอควรแล้ว อีกอย่างเธอไม่อยากจะร้อนรุ่มไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“อ้าว เดี๋ยวรอกลับพร้อมเราก็ได้ริน เดี๋ยวเราไปส่ง”
เขื่อนบอก ปราดเข้ามาจับแขนของรินลดา ที่เริ่มจะยืนโงนเงน ด้วยเห็นว่าเธอให้หลานมาส่งไม่ได้มาเอง
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราโทรให้หลานมารับ บ้านเราอยู่ไม่ไกล”
หญิงสาวปฎิเสธ เบี่ยงตัวออกจากเขื่อนแต่ก็ยังถูกเพื่อนชายจับตัวไว้แน่น
“ไม่เป็นไร เมาแบบนี้ นั่งมอไซด์แบบนั้นอันตราย” เขื่อนยังยืนกราน มือโอบประคองร่างนิ่มไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่ต้องมึงร้องเกะต่อเหอะเดี๋ยวกูไปส่งเอง บ้านรินเป็นทางผ่านบ้านกูอยู่แล้ว” กัณย์ เข้ามาขวางเพื่อนและคว้าร่างบางนั้นมาโอบกอดไว้เอง
เรื่องอะไร! กูจะยอมให้หมาคาบไปแดกง่ายๆ
โอกาสงามๆแบบนี้ กูเฝ้ารอคอยมาตั้งนาน
“อ้าวมึงจะแล้วเหรอ ไหนบอกจะไปต่อกับพวกกูในเมืองไง” เขื่อนถามต่อ
“ไม่ไปละไว้นัดเจอวันหลัง ป๊ากูโทรมาตามละ”
“ฮั่นแน่! ป๊าตามหรือเมียโทรตามวะ”
เขื่อนยังไม่วายเย้าแหย่ต่อ แต่ กัณย์ เหมือนไม่ใส่ใจรีบพาร่างสวยที่โอนเอนของ รินลดา เดินออกจากร้าน
ขืนยืนอยู่นานกว่านี้ ได้ต่อยปากเพื่อนแน่ๆ
“เดี๋ยวรินโทรบอกหลาน”
มือสวยสะบัดออกจากเขา ก่อนจะควานหามือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย
“ไม่ต้องโทร บอกแล้วไงไปกับเรา”
กัณย์ ดึงกระเป๋าสะพายในมือเธอมาถือไว้เอง คว้าข้อมือของคนที่เริ่มไม่ได้สติพาเดินไปที่รถ แล้วรีบเปิดประตูเข้าไปให้เธอนั่ง
“เหมือนเราจะเมาเลยกัณย์” รินลดาเอ่ยเพื่อรถเคลื่อนตัวออกจากร้านมาได้สักพัก “กลับบ้านก็ดี เวียนหัวจะแย่”
“ใครบอกว่าเราจะพารินกลับบ้าน”
***************************