เราต้องเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป

978 คำ
“ฮะแฮ่ม!” “ว๊าย!” หญิงสาวตกใจแทบช็อค พับเก็บหน้าจอโน้ตบุ๊คแทบไม่ทัน...ใจหายใจคว่ำ...ผู้ชายปากสุนัขอย่างทัดเทพไม่ควรเห็นว่าเธอกำลังศึกษาข้อมูลอะไรอยู่ “อ่านอะไรอยู่อ่ะ” เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามโดยไม่ต้องรอให้เธอเชิญ หน้าตาบ่งบอกว่าไม่เห็นสิ่งที่เธอกำลังค้นคว้าอยู่แน่ ๆ เธอโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ที่ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อปากสุนัขของเขา วันนี้ชายหนุ่มสวมชุดช่างสุดเซอร์ที่ยังเปรอะน้ำมันประปรายหลายจุด รวมทั้งมือไม้ ท่อนแขน ก็ยังมีร่องรอยน้ำมันติดอยู่ “เรื่องส่วนตัว...จะสั่งกาแฟมั้ย” เขาอมยิ้ม “เหมือนเดิมนะ จำได้ใช่มั้ย” “อเมริกาโน่เย็นให้ช่างทัดที่โต๊ะสามด้วยจ๊ะ” เธอตะโกนไปบอกอินดี้ซึ่งทำหน้าที่บาริสต้าที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะหันมองชายหนุ่มตรงหน้าที่ดูเหมือนกำลังมีความสุขจนล้นอีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ยิ้มเหมือนคนบ้าเลย ทำไม ถูกหวยเหรอ” “เปล่า” แต่ยังยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข...มันเป็นความสุขที่ส่งสัญญาณบางอย่าง...ลางบอกเหตุที่อาจทำให้เธอ... “ก็แค่...หมอเดียร์ชวนไปดูหนังน่ะ” “อืม...เหรอ...ดีใจด้วยนะ” เธอยิ้มให้เขา ทั้งที่ชาไปทั้งใจ เธอรู้สึกถึงมันจริง ๆ นะ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยล่ะ...หัวใจมันเจ็บปวดได้จริง ยิ่งกว่ามีแผลตามร่างกายหลายเท่านัก “แล้วจะใส่ชุดนี้ไปเหรอ ไปแต่งตัวให้หล่อกว่านี้เหอะ” “ขอบใจนะ” อยู่ดี ๆเขาก็พูดขึ้น “หมอเดียร์บอกว่าเป็นเพราะคุณ ที่ทำให้เธออยากจะเปิดใจให้ผมมากขึ้น” เขาไม่ได้ดื่มกาแฟที่สั่ง ก็แค่มาขอบคุณที่เธอเป็นแม่สื่อที่ดีให้เขากับหมอเดียร์เท่านั้น “แก้วนี้ผมสั่งให้คุณนะพิมพ์ ผมเลี้ยง ไปล่ะ” ในที่สุด...เธอก็เป็นได้แค่สะพานเชื่อม เป็นมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสทอดสะพานให้ใครเลย พิมพ์ใจทนทำงานด้วยรอยยิ้มเหือดแห้งจนกระทั่งปิดร้านในตอนหนึ่งทุ่มตรง เธอออกจากร้านเป็นคนสุดท้าย และขับรถเก๋งคันเล็กกลับคอนโดมิเนียมอย่างเงียบเหงา “ตัดใจได้แล้วพิมพ์” เธอคุยกับตัวเองขณะกินอาหารตามสั่งที่หิ้วมาจากร้านใต้คอนโด หญิงสาวนั่งเพียงลำพังในห้องขนาดห้าสิบตารางวาอันแสนหดหู่...เธอกินไป น้ำตาไหลไป โดยไม่รู้ตัว “แบบนี้สินะ ที่เขาเรียกว่ากินน้ำตา...มันเค็มจริง ๆ ฮือ ๆ” เมื่อกินจนหมดจานแล้ว เธอก็หยิบไอศกรีมรสช็อกโกแล็ตกล่องใหญ่ที่ซื้อติดตู้เย็นเอาไว้มากินต่อจนเกือบหมดกล่อง “ไหน...ใครบอกว่า...กินของหวานแล้วจะหายเครียด ใครบอกว่ากินของหวานแล้วจะมีความสุข” วันนี้เธอพบคำตอบอีกอย่างแล้วก็คือ...ช็อกโกแล็ตไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย และตอนนี้เธออยากจะรู้จริง ๆว่าพวกเขากำลังดูหนังเรื่องอะไรกันอยู่??? “วันนี้พี่พิมพ์...เอ่อ...” เด็กสาวจ้องสภาพเจ้าของร้านด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนจะกลืนน้ำลายเอื้อก “ทำไมเหรอ?” “พี่พิมพ์จะไปงานศพหรือคะ แต่งดำทั้งชุดเลย แถมร้องเท้าก็ยังดำ...” พิมพ์ใจก้มมองดูตัวเองด้วยความตกใจ เธอเลือกหยิบชุดดำออกจากตู้มาใส่ได้ยังไง เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด “อะ...อ๋อ...เออ...ใช่ ๆ พอดีต้องไปงานศพน่ะ” “แล้ว...ไม่แต่งหน้าหรือคะ มาหน้าสดมาเชียว ผมเผ้าก็ไม่หวีด้วย ฟู ๆ ยุ่ง ๆ...เอ๊ะ หรือเป็นแฟชั่นคะ...ใช่มั้ยคะพี่พิมพ์” ฉิบหาย!...คำนี้อุทานอยู่ในหัวดังลั่น ลั่นครืนเหมือนเสียงฟ้าคำราม...เธอออกจากห้องมาได้ยังไงในสภาพนี้...สติสตังค์หายไปไหนหมด เธอคงเบลอหนักไปแล้ว “แต่งสิ...จะมาแต่งที่ร้านไง” “เฮ๊ยแก!” เสียงหมอเดียร์ทักมาจากด้านหลัง พิมพ์ใจแปลกใจเล็กน้อยเพราะนาเดียร์ไม่เคยแวะเข้าร้านตอนเช้าแบบนี้ เธอมักจะแวะมาสั่งกาแฟช่วงสายๆหน่อย แต่พอหันไปเผชิญหน้าก็ถึงกับอึ้ง...กิมกี่! นาเดียร์กับทัดเทพยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ยังใส่ชุดลำลองที่แทบไม่ต่างจากชุดนอน สีหน้าของทัดเทพบ่งบอกถึงความสุขสมหวังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนเขากำลังตกอยู่ในภวังค์รัก “ทำอาหารเช้าให้หน่อยสิจ๊ะเพื่อนรัก แบบอเมริกันเบรคฟาสท์น่ะ 2 ที่นะจ๊ะ” พิมพ์ใจยังอึ้งกับภาพที่เห็นอยู่ ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ เพื่อไล่ความอลหม่านในหัวให้ออกไป แล้วตั้งสติใหม่ให้เข้าที่เข้าทาง “แล้วทำไมวันนี้ใส่ชุดดำล่ะ” ทัดเทพเป็นคนถามเธอ เขามองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ “จะไปงานศพเหรอ” “อะ...อืม” เธอฝืนยิ้มออกมา ทั้งที่น้ำตาตกใน หัวใจของเธอกำลังขาดรอน ๆ ใครจะรู้บ้างหนอ “ไปนั่งสิ เดี๋ยวทำอาหารให้” ทั้งคู่จึงพากันเดินไปนั่งที่โต๊ะสาม แล้วพูดคุยกันต่ออย่างมีความสุข...บนความทุกข์ของเธอ พิมพ์ใจกลัวน้ำตาจะไหลออกมาต่อหน้าทุกคน เธอจึงรีบหลบไปอยู่ในห้องน้ำ แล้วปล่อยความเศร้าออกมาอย่างเต็มที่ “ฮือ ๆ เราต้องเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไป...สู้ ๆ” เธอปาดเช็ดน้ำตา แต่งหน้าเข้มกว่าทุกวัน เพราะต้องการกลบความเจ็บช้ำบนใบหน้า ก่อนจะเข้าครัว แล้วทำอาหารเช้าให้เพื่อนรักทั้งสอง เธอนำอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง ขณะทั้งคู่คุยเรื่องหนังที่ไปดูมาเมื่อวานอย่างออกรส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม