“แต่แพงมากนะ”
“ผมยอมแลกเอ้า”
เธอแอบคิดว่าเมื่อต้องจ่ายเงินค่าอาหาร เธอจะขอจ่ายส่วนของเธอเอง
“พูดแล้วนะ”
“อืม สัญญา”
“ก็ได้ เธอบอกว่า...แบบคุณน่ะไม่ใช่สเป๊คของเธอเลยสักนิด แต่จะลองให้โอกาสดู...เป็นไง...ข้อมูลเจ๋งพอกับเงินค่าหัวบุพเฟ่ห์มั้ย”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะคว้ามือเธออีกครั้งแล้วฉุดขึ้นยืน เธอตกใจหน้าเหวอ
“เฮ๊ย...อะไรของคุณ”
“ไปสิ”
“ไปไหน”
“ก็ไปแต่งตัวไง เดี๋ยวไปจัดบุพเฟ่ห์กัน”
“จะแต่งอะไรเล่า...ชุดที่ฉันใส่มาก็ได้”
“โรงแรมหรูนะคุณ กลับไปแต่งตัวที่ห้อง ไปเร็ว เดี๋ยวผมพาไป คอนโดคุณอยู่หลังมหาวิทยาลัยใช่มั้ย”
“อืม รู้ได้ไงอ่ะ”
“อ๋อ หมอบอก” พิมพ์ใจถูกทัดเทพลากออกจากสปอร์ตคลับไปแบบงง ๆ แล้วพาขึ้นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไซค์ขับออกมาอย่างเร็ว
เธอได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์เขาเป็นครั้งแรก อยากจะกอดเอวอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ไม่กล้า
เมื่อถึงคอนโดมิเนียมเจ็ดชั้นสุดสบาย เขาจอดรถใต้คอนโดแล้วตามขึ้นมานั่งเล่นในห้องชุดของเธอด้วย โดยที่เธอไม่ได้ชวนสักคำ
“รอข้างล่างไม่ได้เหรอ”
“ไม่เอา อยากเข้าห้องน้ำปวดฉี่”
“ห้ามยืนฉี่นะ ถ้าคุณทำเลอะเอาไว้แม้แต่หยดเดียว ฉันเอาคุณตายแน่” เขาเดินเข้าห้องน้ำ แล้วหันหลังให้เธอโดยไม่ยอมปิดประตูซะด้วย
“หือ...ไอ้คนเลวไม่มีมารยาทเนี่ย คอยดูนะถ้าเจอแม้แต่หยดเดียว ฉันจะให้คุณเลียให้หมดเลย”
เขาไม่ฟังเธอ เป่าปากเป็นเพลงสบายใจ ขณะปล่อยฉี่ลงโถชักโครกเสียงดังลั่น
“โอ๊ย! คิดผิดคิดถูกเนี่ยที่ตกลงไปกับเขา”
ทัดเทพทำธุระเสร็จ จัดการตัวเองเรียบร้อยก็เดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาวหน้าทีวี
“อ้าว ทำไมยังยืนอยู่ล่ะ ยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก”
“นี่คุณ คิด ๆ ดูแล้ว บุพเฟ่ห์หัวละพันห้าเลยนะ ฉันว่าอย่าเลย เปลืองเงินเปล่า ๆ เลี้ยงก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดก็ได้
“เฮ๊ย ไม่เป็นไร ก็สัญญาแล้วไง เงินแค่นี้เอง กับข้อมูลที่คุณให้มา มันมีค่ามากกว่านั้นเยอะ”
ความสุขล้นเอ่อในแววตาของเขา...ความสุขของเขามันทำให้เธอรู้สึกเจ็บอย่างไรก็ไม่รู้
“ได้...งั้นเดี๋ยวฉันจะกินให้คุ้มเงินคุณเลย”
“แต่งชุดสวยๆ นะ” เธอหายเข้าห้องไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกมาในแบบที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก...
เธอสวมชุดแซ็คติดกันสั้นแค่เข่า สีฟ้าพาสเทลตัดขาวดูน่ารักสดใส แต่งหน้าอ่อน ๆ กับลิปสติกสีส้มเป็นธรรมชาติ ปล่อยผมยาวสลวยละแผ่นหลัง
ต่างจากปกติที่เธอมักจะสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ขาสั้นบ้างยาวบ้างเพื่อความทะมัดแทมง
“ดูน่ารักดีอ่ะ”
“เหรอ คุณอย่าเปลี่ยนใจมาชอบฉันเข้าล่ะ ยังไม่อยากถูกมองว่าแย่งของเพื่อน”
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีทาง”
“ชิ” เธอล่ะหมั่นไส้ “งั้นชวนหมอไปด้วยดีกว่านะ คุณจะได้ไม่ต้องเซ็งไปกับผู้หญิงอ้วนเตี้ยสองต่อสอง คุณโทรไปสิ”
“โทรแล้ว...ติดผ่าตัดใหญ่น่ะ”
“อ๋อ...งั้นเหรอ” เธอพยักกับตัวเอง ไม่เห็นต้องไปแนะนำเขาเลย ลำพังไปกับเธอสองต่อสอง เขาคงไม่กระตือรือร้นขนาดนี้หรอก นี่คงเห็นช่องทางจะได้ไปดินเนอร์กับหมอ ก็เลย...
“งั้นจะยกเลิกทริปมั้ย ฉันไม่มีปัญหาหรอกนะ เอามั้ย ยกเลิกตอนนี้ยังทันนะ”
“บอกเลิกอีกแล้ว ผมไม่ใช่แฟนคุณนะ ไม่ต้องบอกเลิกหลายครั้งก็ได้”
เธอลมออกหู ยกสองมือขึ้นเท้าสะเอว
“ยกเลิก ไม่ใช่บอกเลิก ไอ้บ้า”
“ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่า เฮ๊ย เอาจริงเลยนะ ผมเองที่เป็นคนอยากไป ไม่ใช่ไปเพราะสัญญาไว้กับคุณหรอก ไปกันนะ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อย”
“จริงเหรอ”
“อืม...พร้อมแล้วใช่มั้ย จะเติมหน้าใส่ขนตาเพิ่มหรือปัดมาสคาร่าอะไรอีกมั้ย จะได้ไปกันซะที”
“แล้วคุณเหอะ จะใส่ชุดนี้ไปเหรอ” เขายังอยู่ในชุดออกกำลังกายอยู่เลย แถมรองเท้าผ้าใบอีกต่างหาก
“เดี๋ยวแวะเปลี่ยนที่อู่ไง ไม่ต้องห่วงได้ควงคนหล่อแน่จ๊ะอ้วนจ๋า”
“หึ่ย! อ้วนใช่มั้ย” เธอก้มลงคว้าแก้วกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะเตรียมขว้าง...
“โอเค ๆ ไม่อ้วนก็ได้...สวย หุ่นดี น่าร๊าก”
“ทำไมต้องประชด”
เขาไม่ตอบ...เอาแต่ยิ้ม
ทัดเทพปล่อยให้เธอรออยู่ที่ห้องรับรองลูกค้าของอู่ โดยที่เขาขึ้นไปที่ห้องพักชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เด็กในร้านแซวกันใหญ่ว่าเธอเป็นซ้อ...โธ่ ๆ ๆ ก็อยากเป็นอยู่หรอกนะ แต่มันเป็นไปไม่ได้น่ะสิ เพราะเฮียเขาอยากได้ผู้หญิงคนอื่นเป็นเมียต่างหากเล่า
“ความจริงอู่ก็ใหญ่ดีนะ รายได้น่าจะดีอยู่” เธอรู้ว่าใจของเพื่อนสาวนั้นยังขัดข้องเรื่องฐานะของเขามากกว่าเรื่องใด เจ้าหล่อนจึงยังไม่ยอมเปิดใจเต็มที่ เลยยังกั๊กไปเรื่อย “ถ้าคบกันจริง ๆ คงไม่ถึงกับลำบากหรอกมั้ง”
“ทำไม” เขาก้าวเข้ามาในห้องรับรองแขก พร้อมชะโงกหน้ากวน ๆ มาทางเธอ “คิดว่าผมไม่มีปัญญาเลี้ยงเมียเหรอ”
เธอลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะเขาได้ยินที่เธอพูดเรื่องฐานะของเขาหรอก แต่ตกใจที่เขาแต่งตัวอย่างกับจะไปแข่งรถมอเตอร์ไซค์กับเด็กแว๊น
เธอเพ่งมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อให้แน่ใจว่าตาเธอไม่ฝาด ชายหนุ่มสวมเสื้อยึดกางเกงยีนส์และสวมรองเท้าผ้าใบยี่ห้ออดิดาสสีเหลือง
“นี่เหรอ...ชุดไปกินบุพเฟ่ห์โรงแรมหรูของคุณ”