“อ้าว ทำไมล่ะ เท่ดีออก”
“ถ้างั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องใส่กระโปรงสวมส้นสูงก็ได้ เมื่อยเท้าจะตาย”
“ใส่แบบนั้นแหละดีแล้ว น่ารักดี”
อย่าพูดคำว่าน่ารักดีอีกนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะคิดแล้วนะ...
“อืม ๆ งั้นรีบไปเถอะ เดี๋ยวถ้า รปภ.โรงแรมไล่ค่อยไปหาราดหน้าที่ตลาดกินก็ได้”
หญิงสาวพูดจบก็เดินนำเขาออกไปก่อน ชายหนุ่มมองตามหลังอย่างขำขัน ก่อนจะเดินไปถึงตัวเธอแล้วคว้าข้อมือเธอไว้
“จับมือทำไม!”
เธออ๊ายอาย เพราะลูกน้องเขาตะโกนแซวกันใหญ่
“รถผมจอดอยู่ด้านหลังร้านโน่น”
“อ้าว ไม่ได้ควบบิ๊กไบค์ไปเหรอ”
“เปล่า ผมจะเอารถกระบะไป พาสาวสวยไปด้วยทั้งที ผมไม่ยอมให้ลำบากหรอก”
แล้วเขาก็ลากมือเธอเดินผ่ากลางร้านที่ลูกน้องเกือบสิบชีวิตตั้งหน้าแซวเจ้านายกันเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อเดินทะลุออกหลังร้าน ซึ่งเป็นที่ส่วนตัวของเขา
ที่นั่นมีบ้านพักหลังเล็ก ๆ สไตล์โมเดิลตั้งอยู่ กับลานจอดรถที่บรรจุรถได้ห้าคัน เธอเห็นรถจอดครบทุกช่องเลยล่ะ ซึ่งรถแต่ละคันแพง ๆ ทั้งนั้น
“รถลูกค้าน่ะ ของพวกเพื่อนๆ ตกแต่งเสร็จแล้วไม่ยอมมาขับไปซะที เดี๋ยวจะคิดค่าจอดรถแล้ว” เขาลากเธอไปที่ช่องจอดรถซึ่งมีรถกระบะสีดำคันใหญ่จอดอยู่ เธอเคยเห็นเขาขับรถคันนี้หลายครั้งแล้ว “ส่วนเราเอาคันนี้ไป”
“รถเพื่อน ๆ คุณ แพง ๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“ใช่ ชอบเหรอ หรือว่าอยากนั่งแลมโบกินี เดี๋ยวผมโทรไปยืมเพื่อนก็ได้”
“อืมโทรไปสิ”
“ว่าไงนะ!” เขาถลึงตาใส่เธออย่างเคืองขุ่น
“ฉันประชด จะไปกันได้รึยัง ฉันหิวแล้ว”
“หึ! ก็ขึ้นรถสิ รถกระบะนะ ไม่ใช่แลมโบกินี”
“เออ! ไม่ขึ้นผิดหรอก มีตาย่ะ แยกถูก”
“งั้นเปิดประตูรถเองนะ”
“ก็ปล่อยสิ ปล่อยมือฉันสิ!!!”
“พูดเสียงดังทำไมวะ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดคิดว่าผัวเมียทะเลาะกันหรอก” เขาปล่อยมือเธอแล้วเดินวนหน้ารถไปขึ้นตำแหน่งคนขับ
ส่วนเธอเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างเขาด้วยสีหน้าสีตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่...ไม่ค่อยพอใจก็ตรงที่เขาคิดว่าเธอชอบรถแพง ๆ นี่แหละ
“จองโรงแรมไหนไว้”
“เดี๋ยวก็รู้ รับรองคุณต้องตะลึงตาค้างแน่” เขาพูดพลางเอี้ยวตัวผ่านช่องเบาะไปหยิบเสื้อสูทสีครามที่แขวนอยู่มาสวมทับเสื้อยืดอย่างคล่องแคล่ว
“มีสูทเตรียมไว้แล้วก็ไม่บอก”
“ดูดียัง”
“ก็ดูเป็นผู้เป็นคนดี” แต่ความจริงคือเขาหล่อมากแค่หยิบสูทตัวเดียวมาสวม เธอยังแปลกใจที่เขาดูสมาร์ทเหมือนนักธุรกิจเลยเชียวล่ะ
พิมพ์ใจไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้เธอกำลังจะได้ไปดินเน่อร์หรูบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมกับผู้ชายที่เธอแอบรักมาหลายเดือน เขาคงไม่รู้ว่าเธอมีความสุขแค่ไหน
แม้รู้เต็มอกว่าเขาทำไปเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น เขาอยากซื้อใจเธอ เพื่อให้เธอสนับสนุนเขาในการเดินหน้าจีบหมอเดียร์
“อ้าว ทำไมขับออกนอกเมืองล่ะ”
“ก็มันอยู่นอกเมืองไง” เขาบอกแค่นั้น ก่อนรถจะเลี้ยวเข้าถนนสายหนึ่งแล้วตะลุยฝ่าเส้นทางที่ไม่ต่างจากโลกพระจันทร์
ความมืดสองข้างทางทำให้เธอขนลุกขนพอง โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านวัดแห่งหนึ่ง
“โอ๊ยตายแล้ว นี่คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ไม่เอานะ อย่าฆ่าฉันเลยนะ ฉันขอล่ะ ฉันยังไม่อยากตาย”
“เราทุกคนก็ต้องตายกันทั้งนั้นแหละ”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้” เธอจับแขนเขาแน่น “กลับ...กลับเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ไปกับคุณแล้ว โอ๊ยทำไมฉันใจง่ายมากับคุณเนี่ย...ฮือ ๆ”
เขาไม่สนใจคำอ้อนวอนของเธอ กลับหัวเราะหึ ๆ สร้างบรรยากาศวังเวงชวนขนลุกเข้าไปอีก พิมพ์ใจทั้งกลัวทั้งเครียดแล้วในตอนนี้
“เอ๊ะนั่น!! นั่นบ้านคนใช่มั้ย” เขาขับผ่านบ้านหลังแรก หลังจากสองข้างทางเต็มไปด้วยป่า แต่เขาก็ไม่จอด
“โอ๊ยทัด คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“ก็ไปกินบุพเฟ่ห์ไง” เขาขับผ่านบ้านหลายหลังซึ่งปลูกเรียงรายเต็มสองข้างทาง เธอไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่ที่ไหน รู้เพียงแค่มันเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลเมืองพอสมควร
กระทั่งถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังมีงานรื่นเริงบางอย่างอยู่ เพราะแสงไฟที่ระยิบระยับรอบบ้านและเสียงเพลงจากดนตรีสดที่ดังกระหึ่ม
เธอเห็นผู้คนครึกครื้น หลายกลุ่มหลายก้อน นั่งกระจัดกระจายไปตามโต๊ะต่าง ๆ มีแบลกดร๊อปดอกไม้สดสวยงามตั้งหน้างาน มีคู่บ่าวสาวกำลังรับแขกและส่งแขก ด้วยรอยยิ้มอิ่มสุข
“ฮึ...” เธอหันขวับมองเขา “นี่มันอะไร”