ตอนที่ 4 วิ่งสิครับรอไร

1605 คำ
ตอนที่ 4 วิ่งสิครับรอไร เมื่อเขาประทับตราลงไปบนกระดาษ ตรานั้นก็เผยรายละเอียดเพื่อชี้ไปยังจุดถัดไป “ลิฟต์ที่ตึกวิศวะ.. ข้างล่างนี่เองพี่พีช” “อื้ม ไปกันเถอะ” ทั้งสองวางตราปั๊มลงไว้ที่เดิมก่อนจะพากันเดินลงบันไดไปยังชั้นหนึ่ง เลี้ยวซ้ายเล็กน้อยก็เป็นทางเชื่อมไปที่ตึกวิศวะ เนื่องจากตึกนี้เป็นคณะของพวกเขาอยู่แล้วทำให้การเดินทางนั้นง่ายมากแม้จะในเวลากลางดึกก็เถอะนะ “ว่ากันว่าลิฟต์นี้ชอบค้างตอนดึก ๆ และถ้าใครอยู่ทำงานดึก ๆ เวลาขึ้นลิฟต์มักจะเห็นมีมือปริศนาสะท้อนในกระจก” จู่ ๆ มนต์พิชชาก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบถึงตำนานเล่าขานของลิฟต์แห่งนี้ให้รุ่นน้องฟังแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “แล้วพี่นึกอยากจะมาเล่าอะไรตอนนี้เนี่ย” กวินมีสีหน้าถอดสีก่อนจะมองหน้าเธอดุ ๆ พีชไม่ได้สนใจท่าทีนั้น แต่กลับรู้สึกมีความสุขเวลาได้แกล้งผู้ชายคนนี้ หลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงที่หมาย เธอก็เดินไปเปิดประตูลิฟต์ออกแล้วกวาดตามองด้านใน และทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกไฟด้านในก็กะพริบถี่ ๆ เผยให้เห็นเงาสะท้อนของพีชและกวินในกระจกที่ดูแปลกไป ราวกับว่ามีอีกเงาหนึ่งแทรกอยู่ระหว่างพวกเขา “พี่พีช..” “เงียบน่า!” หญิงสาวกัดฟันกรอดแล้วเดินเข้าไปหยิบตราปั๊มที่ติดอยู่กับปุ่มกดชั้นล่างสุด ติ๊ง! ทันทีที่ตราปั๊มอยู่ในมือประตูลิฟต์ปิดเองทันที แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้กลัวสิ่งลี้ลับเหมือนคนอื่นเขา แต่สิ่งที่มนต์พิชชาไม่ถูกชะตามากที่สุดก็เห็นจะเป็นความแคบของพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แบบนี้มากกว่า เธอรีบประทับตราลงบนกระดาษแล้ววางตราปั๊มไว้ที่เดิม มือเรียวรีบลากกวินออกมาจากสี่เหลี่ยมแคบ ๆ นั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมายืนอยู่หน้าลิฟต์เธอถึงเปิดกระดาษนั้นออกมาดู “ที่ถัดไปเป็นที่ไหนพี่” “ดูเหมือนว่าจะเป็นโรงอาหารตึกเหลือง แต่นี่มันอยู่ด้านหลังมหาลัยเลยนะ” ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งก่อนจะพยักหน้าให้กัน จากตึกวิศวะไปยังโรงอาหารตึกเหลืองเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลพอสมควร แต่เพราะทั้งคู่นั้นแข็งแรงพอสมควร ทำให้เขาวิ่งด้วยแรงที่มีมายังจุดหมายภายในเวลาไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ โรงอาหารนี้เป็นโรงอาหารเก่าแก่ที่ถูกปิดใช้งานไปเมื่อปีที่แล้ว มันตั้งอยู่ด้านหลังมหาลัย ตึกสีเหลืองซีดมีเพียงแสงไฟกะพริบจากเสาไฟหน้าทางเข้า โต๊ะและเก้าอี้พลาสติกที่ถูกกองรวมกันไว้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ ตามแรงลม “ที่นี่เหรอ ทำไมมันเงียบจัง” กวินพึมพำ มองซ้ายมองขวา “ก็แน่ล่ะสิ ใครจะมากินข้าวตอนนี้ ถ้ามีก็คงไม่ใช่คนละ” พีชพูดประชดและเดินเข้าไปหาตราปั๊มที่ควรจะอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เธอเคยมาเมื่อปีที่แล้วตอนพารุ่นน้องมาทำกิจกรรม แต่มันไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าตอนนี้ บรรยากาศที่นี่สำหรับมนต์พิชชาแล้วก็ถือว่าวังเวงไม่น้อยจริง ๆ เคร้ง! แต่ยังไม่ทันจะได้เดินหาอย่างเต็มที่ ด้านหลังของพวกเขามีเสียงโลหะกระทบพื้นดังลั่น กวินสะดุ้งและหันไปมองก็เห็นว่ามีถาดข้าวหล่นลงจากโต๊ะทั้งที่ไม่มีลมพัด ไม่สิ.. นั่นคือถาดสเตนเลสที่มีน้ำหนักต่อให้ลมพัดก็ไม่น่าหล่นได้ “พี่พีช.. ผมว่ามันแปลกเกินไปแล้วนะ” “อย่ามาเล่นพิเรนทร์น่ารุ่นพี่..” พีชกอดอก จ้องเขม็ง เพราะเมื่อครู่เธอได้ยินเสียงหล่นของโลหะกระทบพื้นจริง ๆ และดูจากตำแหน่งที่กวินยืนอยู่แล้วกับตำแหน่งที่ของหล่นไม่น่าจะเป็นฝีมือของเขา เพราะฉะนั้นสิ่งที่คิดได้อย่างเดียวในเวลานี้ก็คือเป็นการกลั่นแกล้งของฝีมือรุ่นพี่ปีสี่ มนต์พิชชากำลังจะอ้าปากบอกกวินเรื่องนี้กับคู่หูแต่ทันใดนั้นเอง ก๊อก~ ก๊อก~ ก๊อก~ เสียงเคาะโต๊ะดังก้องทั่วโรงอาหาร มันดังมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งคู่กวาดสายตามองแต่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติ แม้ว่าเสียงนั้นจะยังดังก้องกังวานไปทั่วก็ตาม กวินกลืนน้ำลายฝืดคออย่างลำบาก ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงนั้นใกล้เข้ามาทีละโต๊ะ.. ทีละโต๊ะ.. “ปั๊มตราให้เสร็จแล้วรีบไปกันเถอะพี่!” แม้จะสงสัยแต่มนต์พิชชาก็รีบคว้าตราปั๊มที่ติดอยู่กับตู้กระจกลงมาประทับบนกระดาษ ขณะเดียวกันในตอนที่ตราปั๊มถูกประทับลง เสียงเคาะที่ดังก้องก็หยุดลงทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะความเงียบลงอย่างกะทันหันนั้นทำให้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนอาการหูดับ ทั้งสองคว้ากระดาษแล้ววิ่งออกมาจากสถานที่แห่งนั้นทันที เมื่อมาอยู่ตรงทางเดินแคบ ๆ ที่มีแสงไฟเล็กน้อยเขาจึงหยิบกระดาษออกมาหวังจะดูสถานที่ถัดไป “เวรแล้วไง!” แต่ทันทีที่เธอเปิดกระดาษมาดู กลับพบว่ากระดาษที่เธอหยิบมานั้นเป็นเพียงกระดาษเปล่าที่ถูกวางไว้ข้างตราปั๊ม นั่นหมายความว่ากระดาษที่เธอปั๊มตราไปนั้นจะต้องถูกวางทิ้งไว้ในโรงอาหารตึกเหลือง “พี่พีชชชช ไม่เล่นนะครับ” กวินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแทบขาดใจพร้อมกับใบหน้าที่บ่งบอกว่าเขาพร้อมจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ “ถ้านายกลัวก็ยืนรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวฉันจะกลับไปเปลี่ยนกระดาษก่อน” ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเธอตอนนี้กับเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ทำให้เธอหวั่นใจอยู่บ้าง หากนี่เป็นการกลั่นแกล้งของรุ่นพี่ปีสี่จริงต้องสารภาพเลยว่าพวกเขาทำถึงมาก การที่เสียงจากโต๊ะอาหารดังขึ้นพร้อมกันจากที่ไกล ๆ และเข้ามาใกล้ ทั้งที่เธอกวาดสายตามองแล้วมันไม่มีแม้แต่ลำโพงขนาดจิ๋ว ถ้าพวกเขาทำได้ถือว่าเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายมาก “ไม่เอา! พี่ไปไหนผมจะไปด้วย” “ป๊อดนี่หว่า” เธอหันไปมองรุ่นน้องก่อนจะหัวเราะคิกคัก “ผมยอมรับ! เพราะฉะนั้นพี่ห้ามทิ้งผมนะ” ในเมื่อทั้งสองตัดสินใจแล้วว่าจะไปด้วยกัน ทั้งคู่จึงหันหลังเดินกลับไปไปยังโรงอาหารแห่งนั้นทันที แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้บรรยากาศจะดูแตกต่างออกไปจากเมื่อครู่ ความน่ากลัว ความหลอน หรือแม้แต่เสียงต่าง ๆ ที่ได้ยินในตอนมาครั้งแรก ตอนนี้กลับไม่มีอะไรเลย พีชรีบวิ่งไปเปลี่ยนกระดาษใบนั้น เมื่อตรวจสอบดีแล้วว่าเป็นใบที่ประทับตราของตนเองก็รีบจูงมือเขาออกมาจากอาคารทันที ทั้งคู่เดินมาทางเชื่อมระหว่างคณะ ซึ่งเป็นทางเดินแคบ ๆ ระหว่างตึกคณะหนึ่งไปยังอีกคณะหนึ่ง มีเพียงแสงไฟดวงเล็ก ๆ ส่องลงมา หากเป็นเวลาปกติที่นี่คนจะเดินพลุกพล่าน แต่ในเวลานี้กลับเงียบสงัดจนน่าขนลุก “ที่ต่อไปที่พวกเราจะไปคือที่ไหนเหรอ” กวินรีบพลิกกระดาษออกมาดูก็พบว่า มันถูกประทับตราไว้ด้วยคำว่าทางเดิน ทำให้ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ ทางเดินที่ว่าคือทางเดินที่ไหนงั้นเหรอ “ที่นี่เหรอ แล้วตราปั๊มนี่มันอยู่ตรงไหนเนี่ย” กวินเดินพลางใช้มือลูบแขนตัวเองป้อย ๆ “แล้วที่นี่แม่งก็เงียบฉิบหายเลย” เขายังคงบ่นไม่หยุด จนคนข้าง ๆ เริ่มมีน้ำโห “หุบปากสักทีสิ บ่นไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก” พีชบ่นอุบพร้อมกับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “นายก็ช่วยดูด้วยว่าตราปั๊มอยู่ที่ไหน” และในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินผ่านช่วงกลางของทางเดินนั้น แกรก.. พวกเขาได้ยินเสียงเหมือนมีฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง มนต์พิชชาหยุดกึกทำให้กวินก็หยุดตาม พวกเขาหันไปมองก็พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยแม้แต่เงา “นายได้ยินเสียงเมื่อกี้มั้ย” พีชถามเสียงเรียบ แปลว่าในใจเธอจะไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่เวลานี้เธอกลับรู้สึกวิตกแปลก ๆ “อะ.. อาจเป็นแมวก็ได้มั้ง เดินต่อเถอะพี่” ทั้งสองพยักหน้าให้กันก่อนจะหันไปแล้วเดินหน้าต่อ แกรก.. แกรก.. แต่เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทั้งคู่ได้ยินชัดเจนเหมือนมีคนเดินตามอยู่ห่าง ๆ จริง ๆ “เฮ้ยพี่! นั่นเงาอะไรอ่ะ” กวินตะโกนออกมาด้วยความตกใจแล้วชี้ไปด้านหลัง รุ่นพี่อย่างเธอหันไปมองตามเรียวนิ้วรุ่นน้องก็เห็นเงาสีดำสูงโปร่งสะท้อนอยู่บนพื้นที่ไฟสาดผ่าน ก่อนที่พีชจะได้พูดอะไรออกมาก็เป็นกวินที่ตื่นตูมแล้วกระชากแขนรุ่นพี่ให้วิ่งไปด้านหน้าเต็มกำลัง “โอ๊ย! วิ่งเหอะพี่พีช!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม