ตอนที่ 7
รางวัล
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยคดี ร่างของพยาบาลสาวนั้นก็เริ่มขยับและค่อย ๆ หันหน้ามาทางพวกเขาช้า ๆ
กร๊อบ!
ทั้งคู่ได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังออกมาจากต้นคอ พร้อมกับรอยยิ้มแสนน่าขนลุกบนใบหน้าซีดเผือด แม้ว่าในใจจะคิดเสมอว่ามันก็แค่การกลั่นแกล้งจากรุ่นพี่ แต่วินาทีนี้ก็ต้องบอกว่ามันน่ากลัวมากจริง ๆ
“กวิน! ไปได้แล้ว!”
แม้จะตกใจมากแต่ก็ยังไม่ลืมหน้าที่ ทนต์พิชชาพุ่งตัวไปหยิบตราปั๊มมาประทับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งตามรุ่นน้องออกไป
ความรู้สึกที่หัวใจเต้นถี่ หายใจไม่ทัน แน่นหน้าอก เธอเพิ่งรับรู้ว่ามันรู้สึกยังไงก็คืนนี้นี่เลย ตอนนี้เธอเริ่มไม่รู้แล้วว่าทั้งหมดที่กำลังพบเจอนี้เป็นสิ่งที่รุ่นพี่ปีสี่จัดการไว้จริง ๆ หรือเปล่า บางอย่างมันดูสมจริงเกินกว่าคนไม่กี่คนจะสร้างขึ้นมาได้เกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากเอาชนะอยู่ดี
"อดทนหน่อยอีกแค่สองด่าน.. เรา.. เอ่อ.. ไปกันเถอะ"
จุดหมายต่อไปคือ ห้องเทควันโด ซึ่งว่ากันว่าเคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นที่นี่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ทั้งคู่เดินมาถึงภายในไม่กี่นาที เพราะที่นี่อยู่ด้านหลังจากห้องพยาบาลก่อนนี้ เมื่อเข้ามาถึงเขาได้เปิดประตูเข้าไปช้า ๆ ในห้องโถงกว้างนั้นเงียบสงัด มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ จากมุมหนึ่งของห้อง
“ยังดีที่เปิดไฟ” กวินพูดออกมาเสียงสั่นพร้อมกวาดตามองหาเป้าหมาย
“ตรงนั้นไงพี่ นั่น ๆ” เขาชี้นิ้วไปที่ตราปั๊มเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างผนัง เธอรีบเดินตรงไปหยิบมันขึ้นมาก่อนจะประทับลงบนกระดาษ
“ง่ายจัง..” และเพราะที่ผ่านมามันไม่ได้ง่ายดายแบบนี้ ทำให้กวินนั้นพูดออกมาเบา ๆ อย่างสงสัย
ปึง!
แต่เหมือนว่าเขาจะคิดง่ายไป เพราะสิ้นสุดคำพูดนั้น ตู้ล็อกเกอร์ที่อยู่หลังห้องก็ถูกปิดอย่างแรง เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ และเริ่มรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองจากที่ไหนสักแห่ง
“กวิน! ได้ตราปั๊มแล้วไปเถอะ”
“อ๊ากกกกกกก!!!”
แต่ยังไม่ทันที่จะได้วิ่งออกไปจากที่นี่ เสียงของกวินได้ร้องลั่นจนเธอเองก็ตกใจ ทั้งคู่จับมือกันวิ่งออกมาจากอาคารนั้น ผ่านถนนมืด ๆ ที่มีเพียงแสงไฟสลัว ๆ จากเสาไฟในมหาลัยเป็นระยะ
ก่อนที่พวกเขาจะหยุดเท้าแล้วยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรงเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง
"พี่พีชดูตราปั๊มดิ ที่สุดท้ายที่ไหน เรา.. เรารีบไปหาให้ครบแล้วรีบกลับกันเถอะ"
เธอหยุดเท้าลงที่กลางทางแล้วหยิบตราปั๊มนั้นออกมาดู ก่อนจะใช้ไฟฉายส่องไปที่กระดาษแผ่นนั้น จากนาฬิกาเริ่มหรี่แสงลงเรื่อย ๆ จนดับไปในที่สุด
"เปิดไฟฉายเร็ว" กวินรีบเปิดไฟฉายของตัวเอง ก่อนจะส่องไปที่กระดาษแผ่นนั้นอีกครั้ง
"ลานอนุสาวรีย์.. งั้นเหรอ"
"นี่มันอยู่หน้ามหาลัยเลยนะพี่ ตอนนี้เราอยู่ด้านหลังจะไปยังไงให้ทัน อีกยี่สิบนาทีเอง"
"อยากชนะมั้ย"
"มาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องอยากดิพี่"
"ดี! งั้นมีวิธีเดียว"
"วิธีอะไร"
"วิ่ง!!!"
แม้จะเหมือนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ทั้งคู่ก็จับมือกันวิ่งไปตามถนนในมหาวิทยาลัย ยังดีที่เธอเองปกติชอบมาวิ่งออกกำลังกายรอบมหาลัยนี้บ่อย ๆ ทำให้เธอชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดีไม่มีหลง แต่ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ หากไม่เร่งทำเวลาก็ค่อนข้างเอาการอยู่
"พี่พีชหยุดทำไม เดี๋ยวไม่ทันนะพี่"
"คิดว่าจากที่นี่วิ่งไปหน้ามอจะทันเหรอ เราต้องหาตัวช่วยสิ" กวินเดินตามแรงดึงจากข้อมือของรุ่นพี่ไปยังหน้าตึกแห่งหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ถึงพบว่าที่ด้านข้างตึกนั้นมีจักรยานสาธารณะแบบสแกนจ่ายจอดอยู่หลายคัน
"หยิบมือถือมาสแกนจ่ายตังค์เร็ว" เธอสั่งเสียงเรียบ แต่ก็ทำให้กวินรีบควักมือถือออกมาแล้วสแกนจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว เมื่อโปรแกรมเริ่มทำงาน เด็กหนุ่มก็รีบขึ้นไปนั่งด้านหน้าแล้วให้มนต์พิชชาขึ้นซ้อน
"ผมปั่นเอง พี่บอกทางก็พอ" หลังจากมีเครื่องทุ่นแรงจึงทำให้ทั้งสองนั้นลดเวลาในการเดินทางมาที่หน้ามหาลัยได้ภายในไม่ถึงสิบนาที
จุดสุดท้ายคือลานอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัย อนุสาวรีย์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงอดีตอาจารย์ผู้ก่อตั้ง แสงไฟรอบ ๆ ส่องกระทบรูปปั้นสีขาวซีดจนดูน่าขนลุก
เมื่อเขาปั่นจักรยานมาถึงพร้อมอาการหอยเหนื่อย ทั้งสองจึงกวาดสายตามองหาตราปั๊มอันสุดท้าย ใช้เวลาแค่พริบตา ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับสิ่งที่ตามหาที่วางอยู่ตรงแท่นบูชาหน้าอนุสาวรีย์
“อันสุดท้ายแล้ว.. ในที่สุด!” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกหวาดระแวงจนต้องมองไปรอบ ๆ ตั้งแต่ด่านแรกจนถึงด่านก่อนนี้ มีแต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นหลังปั๊มตราแล้วแทบทั้งนั้น
“ไม่มีอะไรแปลก ๆ แล้วใช่ไหม.. นะ” ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนที่กวินจะคว้ากระดาษที่มือรุ่นพี่แล้วรีบไปหยิบตรามาปั๊มลง
ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่บนหน้าปัดนาฬิกานั้นแสดงสัญญาณหมดเวลาพอดี จุดสีแดงกะพริบบนหน้าจอรัว ๆ อยู่ทั่วทั้งมหาลัย เพียงไม่กี่นาทีก็มีรถรางแล่นมาจอดที่หน้ารูปปั้น เผยให้เห็นใบหน้าของรุ่นพี่ปีสี่ที่กำลังยิ้มหวาน
"หมดเวลาแล้วจ้า~" ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจ
หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดในคืนนี้มาได้ ก็เล่นเอาทำให้ทั้งคู่นั้นหอบหายใจหนัก เมื่อกลับมาถึงจุดรวมพลก็มีรุ่นพี่ปี 4 ยืนรอต้อนรับพร้อมเสียงหัวเราะสนุกสนาน
“เป็นไงบ้างน้อง ๆ ได้ครบทุกตราไหม”
“นี่พวกพี่ทำขนาดนี้เลยเหรอ” กวินบ่นออกมาเบา ๆ หลังจากเดินมานั่งกับเพื่อน ๆ ที่ดูหน้าซีดไม่ต่างกัน โดยเฉพาะมีนา
“พวกพี่ ๆ หวังว่าคืนนี้น้อง ๆ จะสนุกกันทุกคนนะ” รุ่นพี่ยังคงประกาศด้วยเสียงที่คึกคัก โดยที่สีหน้าของน้อง ๆ นั้นไม่ได้ดูสนุกด้วยเลยสักนิด
“สนุกบ้านพี่สิ!” นนท์ที่นั่งดมยาดมเอ่ยออกมาเบา ๆ แต่ก็พอให้พวกเขาได้ยิน ทำให้เพื่อน ๆ ละแวกนั้นพยักหน้าเห็นด้วยกันเป็นแถว
“เอาล่ะ! พี่รับใบปั๊มตราของน้อง ๆ ไว้ครบแล้ว จะประกาศผลเลยแล้วกัน”
“พร้อมกันมั้ย!”
“พร้อม!” เสียงประกาศจากไมค์ดังก้องทั่วลานกิจกรรม รุ่นพี่ปี 4 ยืนอยู่บนเวทีไม้เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางลานสนามหญ้า
ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมล่าตราปั๊มทยอยกลับมารวมตัวกันอย่างเหนื่อยล้า หลายคนเหงื่อท่วมตัวเพราะทั้งความกลัวและความตื่นเต้น
“ก่อนอื่นเลย ขอเสียงปรบมือให้กับทุกคนที่รอดกลับมาจากภารกิจล่าตราปั๊มด้วยครับ!!!” รุ่นพี่ที่เป็นพิธีกรพูดขึ้นอย่างร่าเริง เรียกเสียงเฮไปทั่วสนาม แม้ว่าแต่ละคนจะดูอ่อนล้ามากก็ตาม บางคนถึงกับล้มตัวลงไปนอนกับพื้นด้วยความเหนื่อย
“และตอนนี้ก็ถึงเวลาประกาศผลผู้ที่สามารถรวบรวมตราปั๊มครบ 15 ด่านได้สำเร็จ!” เสียงรอบข้างเงียบลง ทุกคนจ้องไปที่เวทีด้วยความสนใจ
“คู่ที่สามารถรวบรวมตราปั๊มได้ครบทุกจุดในเวลาที่กำหนด มีเพียงสองคู่เท่านั้น!” รุ่นพี่หันไปดูบอร์ดคะแนน แล้วประกาศชื่อคู่แรก
“คู่แรก น้องกวินปี 1 และพี่พีช มนต์พิชชาปี 3!!!” เสียงฮือฮาดังขึ้น บางคนตบมือให้ขณะที่บางคนก็หันมามองพีชกับกวินด้วยความอิจฉา อาจจะเพราะกวินนั้นขึ้นแท่นกลายเป็นหนุ่มหล่อของคณะวิศวะไปหมาด ๆ
“และคู่ที่สอง ได้แก่น้องนนท์ปี 1 และพี่เจ๋ง ปี 2! ลุกออกมาหน้าเวทีด้วยครับ”
เมื่อทั้งสี่คนขึ้นมายืนบนเวที รุ่นพี่พิธีกรก็หยิบถ้วยรางวัลขนาดกลางออกมาพร้อมเขย่ามันอย่างน่าตื่นเต้น
“และรางวัลสำหรับผู้ชนะในกิจกรรมพิเศษครั้งนี้ก็คือ..” รุ่นพี่หันไปหยิบกล่องปริศนาสองกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ พร้อมแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์จนทำให้ทุกคนเริ่มใจคอไม่ดี
“อะไรกัน ของรางวัลแบบสุ่มเหรอ”
“ใช่แล้ว!” รุ่นพี่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะพูดต่อ
“เรามีของรางวัลพิเศษอยู่สองชุด หน้าที่ของพวกนายคือเลือกว่าจะเอากล่องไหน!” พีชกับกวินหันไปมองคู่ของภีมกับเจ๋งรุ่นพี่ปี2
“ให้คู่พี่พีชเลือกก่อนเลยครับ” เธอมองสองกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะ กล่องหนึ่งห่อกระดาษสีแดงสด อีกกล่องเป็นสีน้ำเงินเข้ม
“มีแค่ของรางวัลใช่ไหม” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอเห็นสีหน้ารุ่นพี่ที่ดูสนุกสนานแบบนั้น มันกลับทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบมาพากล
“เอ๋~ พี่ลืมบอกเหรอว่าผู้ชนะมีได้เพียงแค่คู่เดียวอ่ะ ว้า~ แย่จัง” มนต์พิชชามองหน้าพี่ต้อมที่กำลังยิ้มทะเล้นด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะสุดท้ายยังไงก็ต้องเลือก
“สีแดงละกัน” เธอตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดมาก จะถูกจะแพงก็ขอให้แดงไว้ก่อน
“เฮ้ย! พี่ไม่ถามผมสักคำเลยเหรอ”
“นายมีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอ”
“ก็นั่นสินะ.. โอเคครับพี่พีช พี่เอาไง ผมเอางั้น” พี่ต้อมมองหน้าทั้งสองสลับไปมาก่อนจะมีสายตาประหลาด ๆ ส่งมาให้ เขาส่งกล่องสีแดงให้กวิน ก่อนจะหันไปส่งกล่องสีน้ำเงินให้คู่ของภีมกับพี่เจ๋ง
“อย่างที่บอก ว่าผู้ชนะมีเพียงหนึ่งเดียว.. เพราะฉะนั้นอีกกล่องจึงเป็นรางวัลพิเศษเฉพาะกิจที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน! พร้อมเปิดไหมครับทุกคน~” สิ้นสุดคำพูดของพี่ต้อมที่เป็นพิธีกร ทุกคนด้านล่างก็พร้อมใจกันพยักหน้า
กวินยืนถือกล่องเอาไว้นิ่ง ๆ เขายื่นไปให้รุ่นพี่อย่างเธอเล็กน้อยก็เป็นอันรู้กัน หญิงสาวดึงกล่องนั้นออกมานิดหน่อย ก็เห็นว่าด้านในนั้นมีคีย์การ์ดสีดำทองสุดหรูสองใบอยู่ในนั้น
“อะ.. อะไรเนี่ย!”