เพียงได้ยินคำตอบตกลงจากปากเขา แววตาของผู้หญิงตรงหน้าก็ดูจะโล่งใจเป็นอย่างมาก คงคิดว่ามันจะง่ายและเขารับสิ่งที่เสนอมาทั้งหมด แต่ยังไม่ได้นึกผลที่จะตามมาต่อจากนี้
“แต่ขอพูดอะไรหน่อย...โคตรผิดหวัง เอาแต่พร่ำพูดถึงความถูกต้อง กฎและสิ่งที่ควรทำแต่สุดท้ายตัวเองก็ทำไม่ได้”
“....”
“ช่วยน้องชายแบบหน้าด้าน ๆ ผิดถูกน่าจะรู้อยู่แก่ใจหรือสันดานพี่น้องมันเหมือนกัน เลยไม่รับเรื่องและไม่สนอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจว่าใครจะตายและไอ้เวรนั่นมันจะทำอะไรเอาไว้”
“....” ดวงตาสีน้ำตาลของควีนสั่นไหวและเหมือนจะมีน้ำใสเอ่ออยู่ขอบตา
กำลังบีบน้ำตางั้นเหรอ?
หึ! เคยร้องไห้ด้วยหรือไงในชีวิตนี้นอกจากวันที่พ่อแม่ตัวเองจากไป ตั้งแต่รู้จักกันไม่เห็นจะจำความได้ แล้วจะบอกว่ารู้สึกผิดก็คงไม่ใช่ ถ้ารู้สึกแบบนั้นจริงคงไม่ช่วยน้องชายตัวเองหนีไปหน้าด้าน ๆ แบบนี้
“สั่งคนย้ายของไปที่บ้านกูทั้งหมด ออ ไม่สิ...เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว ไม่ควรพูดคุยกันอย่างสนิทสนมแบบเมื่อก่อน”
“....” สีหน้าของควีนกลับมาแสดงออกถึงความกังวลใจ อาจจะไม่คิดว่าเขาจะเอาคืนเธอทั้งหมดด้วยวิธีนี้
“ย้ายของไปที่บ้านฉันทั้งหมด” ขายาวก้าวเดินมาข้างหน้าเข้าใกล้อดีตเพื่อนสนิทของตัวเองจนเราอยู่ในระยะประชิด
“....” ดวงตากลมช้อนขึ้นมองหน้าเขาและดูเหมือนว่าจะพยายามซ่อนความรู้สึกบางสิ่งเอาไว้ในใจ
“ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้คีย์ ไม่ต้องเสนอหน้าไปให้น้องฉันเห็น”
“....”
“และสิ่งที่ต้องรับผิดชอบทั้งหมดจะมาจากฉันแค่คนเดียว”
“....”
“ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงหกโมงเช้าเป็นเวลาของฉันแค่คนเดียว”
“....”
“ไม่มีสิทธิ์ร้องขออะไรทั้งนั้น”
“....”
“และไม่ได้หมายความว่าการที่เธอเข้ามารับผิดชอบแล้วฉันจะไม่เลิกตามหาไอ้ราชา...ซ่อนมันเก่งเดี๋ยวจะหามันให้ดู” เธอก็ช่วยน้องเต็มที่เขาก็จะหามันเต็มที่เหมือนกัน
“คิดว่าหาเจอก็ลองดู” ริมฝีปากบางขยับพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับกระซิบ
“ไม่ต้องท้า เดี๋ยวลากมันกลับมาเจอพี่สาวสุดที่รักของมันแน่ จะช่วยได้แค่ไหนก็อยากรู้เหมือนกัน”
“...”
“แล้วถ้าหาเจอเมื่อไหร่ มันคงได้เห็นสภาพพี่ตัวเองที่ต้องรับผิดชอบการตัดสินใจที่ช่วยมัน...ทุกอย่างที่ไอ้เวรราชาทำกับคีย์ทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่รู้ ฉันรู้ทุกอย่างและคิดว่าคนที่เป็นผู้หญิงแล้วยังเป็นพี่จะทำหน้าที่สั่งสอนมันได้ดีกว่านี้”
“....”
“แล้วเรามาดูกันว่าพี่สาวมันจะทนได้แค่ไหน ได้ครึ่งหนึ่งที่น้องฉันต้องทนมั้ยหรือตายก่อนก็ช่วยไม่ได้ ผู้บริหารจะเหลือแค่สามคนก็ไม่น่าจะเป็นอะไร...”
“....” ดวงตากลมจ้องมองมาโดยที่ไม่พูดอะไร เขาไม่รู้เลยว่าควีนรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือกทำลงไปบ้างไหม
อำนาจของควีนไม่ได้น้อยไปกว่าเขา
แต่จากนี้เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเขา...อยู่เหนือเธอ
(ควีน)
สิ้นเสียงประโยคจากปากของผู้ชายตรงหน้าก็ทำเอาฉันนิ่งค้างพูดอะไรต่อไม่ถูก ข้อเสนอของตัวเองคีตาตกปากรับคำในที่สุดแต่ไม่ได้ปล่อยให้ฉันไปดูแลคีย์อย่างที่พูดออกไป กลับกลายเป็นว่าจะต้องมารับมือกับเขาแทน
ดวงตาทั้ง 2 คู่ต่างจ้องมองกันและกัน เวลานี้ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเลยเพราะมันทำได้เพียงต้องเก็บเอาไว้ในใจ สายตาก็ลอบมองไปทางลูกน้องอย่างรอฟังสัญญาณว่าราชาสามารถออกไปจากเกาะได้สำเร็จแล้ว
ฉันขอแค่มั่นใจว่าน้องชายออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ขอแค่นั้น...จะได้ทำหรือพูดอะไรให้มันสะดวกหน่อย
แต่แล้วสิ่งที่ต้องการรู้ก็ได้รับการยืนยันคำตอบ มือขวาคนสนิทที่แทรกเดินเข้าปะปนในกลุ่มคนเหล่านั้นสบตาเข้ากับฉันพอดี รามพยักหน้าเป็นการบ่งบอกว่าราชาออกไปจากที่นี่ได้ และหลุดพ้นจากคนของคีตาเรียบร้อย
“ดูเหมือนว่านายจะเข้าใจข้อเสนอของฉันผิด สิ่งที่พูดออกไปคือการที่ฉันจะดูแลคีย์จนกว่าคีย์จะหายดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ จากนั้นจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่”
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นถ้าฉันไม่ได้อนุญาตให้ไป ถ้าจะไปต้องเอาไอ้ราชามาแลก”
“....” คีตาดักฉันทุกทางแล้ว แม้จะยื่นข้อเสนอแล้วเขายอมรับมันแต่ก็ใช่ว่าราชาจะมีชีวิตไปตลอด
เท่ากับว่าจากนี้...ฉันเหมือนตัวประกัน ที่ต้องหาทางซ่อนน้องชายเอาไว้จนกว่าวันหนึ่งคีตาจะใจอ่อน
“แล้วจะเข้ามารับผิดชอบแค่นั้นมันดูจะง่ายไปหน่อย ก็บอกเองว่าจะทำอะไรก็ได้ เกิดกลัวขึ้นมาเหรอ?” สีหน้าและแววตาของคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้ากำลังแสดงออกถึงความเย้ยหยันใส่ฉันไม่น้อย
เพราะจู่ ๆ ตัวเองก็ดันทำตัวเหมือนกลัวอีกฝ่ายขึ้นมาทั้งที่ความจริงแล้วฉันไม่เคยกลัวคีตาเลย เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นเรื่องระหว่างเราแค่สองคน
“ไม่ได้กลัวอะไร อยากจะทำอะไรก็เชิญอย่างที่พูดนั่นแหละ แต่จะมีปัญญาทำได้แค่ไหนนั่นก็อีกเรื่อง” ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบสายตาผู้ชายตรงหน้า
ในเมื่อตกลงทุกอย่างกันได้แล้วเมื่อไรคีตาจะออกไปจากตรงนี้สักที ฉันพยายามจะไม่ต่อปากต่อคำกับเขามากมายไม่อย่างนั้นคงจะได้อยู่กันถึงเช้า แต่พยายามยังไงก็ดูจะไม่ได้ผลซะเลย
“ก็รู้ว่าเป็นคนปากดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร น้องตัวเองสร้างเรื่องทำให้พี่สาวที่ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีสภาพยังไง” คีตาพูดขึ้นในขณะที่สายตาของเราก็ยังคงจ้องมองกันและกัน
“ทำไมรู้ว่าฉันปากดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เราสนิทกันเหรอ?” ในเมื่อก่อนหน้านี้เขาเป็นคนพูดเองว่าเราไม่ได้สนิทกันเหมือนแต่ก่อน ก็อย่ามาทำตัวพูดจาเหมือนรู้จักฉันดี
“ไอ้ราชาออกไปได้แล้วสินะถึงกล้าต่อปากต่อคำ” รู้มากอีก...
“ก็เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นจริง ๆ แล้วก็แค่อยากชี้แจงให้เข้าใจว่าข้อเสนอของฉันคือการรับผิดชอบเรื่องของคีย์ซึ่งไม่น่าจะข้องเกี่ยวกับพี่ชาย ฉันควรมีหน้าที่ไปดูแลคีย์จนหายดี แต่ช่างเถอะ...เอาเป็นว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่นายพูด” สายตาดุที่จ้องมาทำให้ต้องหยุดความปากมากของตัวเองเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อน
“ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดแบบนี้นิ พอฉันรับข้อเสนอแล้วกลับคำ?” แต่ดูท่าคีตาจะไม่ยอมหยุดอย่างที่ฉันต้องการให้เป็น ดันไปกระตุ้นอารมณ์ซะได้
“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น เอาเป็นตามที่เราคุยกันนั่นแหละ แล้วคีย์เป็นยังไงบ้าง...” ประโยคคำถามนั้นช่างแผ่วเบา ฉันอยากรู้ว่าเธอปลอดภัยแล้วจริง ๆ ใช่ไหม
“ยังไม่ตายแต่ก็เกือบ แท้งลูก เสียเลือด โดนทำร้ายร่างกาย เลือดคลั่งในตาแล้วตอนนี้ก็อยู่ในสภาพ...ตายทั้งเป็น” ไม่น่าถามให้เจอคำตอบปวดใจเลย
สิ่งที่รับรู้ยิ่งทำให้จุกแน่นในอกจนเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง ฉันควรจะแอบไปเยี่ยมด้วยตัวเองจะดีกว่า...