ผ่านไป 15 นาที ทอฝันตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวข้างเดียว อาจเป็นเพราะเมื่อเช้า ก่อนมาเกาะตื่นเช้ามากเกินไป และตอนนี้ได้งีบเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น
“โอ้ย”
เธอสะบัดหัวเบา ๆ จากนั้นลุกขึ้น เดินไปยังสถานที่ ๆ พายุ ไดม่อน เอริคนัดเอาไว้ เธอเดินมาและนวดคลึงขมับไปด้วย จนมาถึง
ลานใต้ต้นมะพร้าว ริมหาดใกล้บ้านพัก แสงแดดอ่อน ลมทะเลพัดเอื่อย
พายุ ไดม่อน เอริค นั่งคุยกันอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ พร้อมขนม ผลไม้ และน้ำเย็นใส่กระติกวางข้างตัว
ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าเดินมาเบา ๆ พร้อมเสียงถอนหายใจ
ทอฝันเดินนวดขมับซ้ายไปด้วย
“อืม… ปวดหัวชะมัด…”
พายุหันไปเห็นก่อน ลุกยืนทันที
“มึงเป็นไรทอฝัน หน้าซีดเลย”
“กูปวดหัวข้างเดียวว่ะ… น่าจะเพราะเมื่อเช้าตื่นเช้าเกินไป แล้วนอนงีบก็ไม่ถึงสิบนาทีต้องรีบลุกอีก…”
สิ้นคำพูดของเพื่อนสาว ชายหนุ่มเดินเข้ามาจับแขนเธอเบา ๆ แล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้
“นั่งก่อนดิ เดี๋ยวกูจัดการให้”
ทอฝันนั่งลงอย่างว่าง่าย พายุยืนอยู่ข้างหลัง แล้วเริ่มใช้ปลายนิ้วนวดคลึงขมับและหลังศีรษะเบา ๆ
ริมฝีปากหยักพูดเสียงนุ่ม
“มึงเป็นแบบนี้ทุกที พอตื่นเช้า ใช้พลังงานเยอะ แล้วก็ไม่พักจนปวดหัวทุกครั้ง…
ใจเย็น ๆ หลับตาไปก็ได้ เดี๋ยวกูนวดให้”
ทอฝันเสียงผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย หลับตาพริ้ม
“เออ… ดีว่ะ… มือมึงเย็นดี…”
ขณะที่ไดม่อนนั่งดูครู่หนึ่ง เขายกกล่องขนมมาการองขึ้นมาแล้วพูดขึ้นอย่างกวน ๆ
“มึงขาดน้ำตาลชัวร์ ๆ เลย นี่! มาการองอภินันทนาการจากไดม่อน เชิญอ้าปากครับคุณว้ากหญิง”
ทอฝันยังหลับตาแต่ยิ้ม มุมปากยกขึ้น
“…โอ๊ยย กวนตีน…”
เธออ้าปากช้า ๆ แล้วไดม่อนคีบมาการองเข้าปากให้
เอริคหัวเราะ
“อร่อยไหม ของโปรดไอ้ไดม่อนเลยนะเว้ย กูเห็นมันลูบกล่องเหมือนลูบหัวลูกมาเลยตอนนั่งเรือ”
ทอฝันเคี้ยวแล้วยิ้มบาง ๆ
“หืม… อร่อยว่ะ ไม่คิดว่าพวกมึงจะพกมาการองติดตัวแทนพาราเซตามอลได้อะ”
ไดม่อนพูดพลางยักคิ้ว
“เพราะพวกกูไม่ใช่แค่พี่ว้าก พวกกูเป็นหมอประจำค่ายด้วยเว้ย ขาดน้ำตาลเมื่อไหร่ เรียกไดม่อน! หัวใจจะได้กลับมาเต้นเป็นจังหวะ”
เอริคเบะปากแล้วพูดติดตลก
“เวอร์ชิบหาย แค่เอาขนมให้สาว มึงคิดว่าตัวเองเป็นหมอเฉยเลย”
ขณะพายุเองก็หัวเราะเบา ๆ ยังคลึงขมับให้ทอฝัน
“พอเลย พวกมึง กูรักษาคนอยู่ นี่คนไข้ของกูเว้ย”
ทอฝันหัวเราะเบา ๆ
“กูเริ่มสงสัยละ ว่าไอ้พายุแม่งไม่ได้มาเรียนวิศวะ มันน่าจะเป็นพยาบาลปลอมตัวมา”
ไดม่อนพูดเชิงน้อยใจ
“โห… อวยแต่มันอ่ะ ถ้ามึงป่วยบ่อย ๆ กูสมัครเป็นคนเฝ้าไข้ตลอดชีพให้เลยก็ได้”
ทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทพูด เอริคยิ้มมุมปาก แล้วยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“เดี๋ยว ๆ พอก่อน กูว่าสถานการณ์เริ่มออกทะเล กูจะอิจฉาจนปวดหัวตามแล้วเนี่ย ทีกูปวดขาไม่เห็นนวดให้กูมั่ง”
“ฮ่า ๆ มึงไม่ใช่สาวไง”
ทุกคนหัวเราะเบา ๆ บรรยากาศเริ่มคลี่คลาย ลมทะเลพัดเย็น เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ
ขณะนี้เสียงหัวเราะเบา ๆ ของพายุ ไดม่อน เอริค และทอฝันยังไม่ทันจางไป
อีกด้านของน้ำตาล
ณ ทางเดินใกล้หาด
น้ำตาลเดินคู่มากับแอ้ม เพื่อนสาวสนิท ท่ามกลางแดดอ่อน ๆ และสายลมทะเล
แอ้มสะกิดเบา ๆ แล้วกระซิบ
“อีตาล ๆ มึงดูตรงนั้นสิ! เจ้าชายสามคน… สามคนเลยนะเว้ย กำลังปรนนิบัติพี่ทอฝัน โอ้โห ดูดิ… พี่พายุคลึงขมับ พี่ไดม่อนป้อนขนม พี่เอริคชงน้ำให้! มึงอย่าบอกนะว่าเขาสนิทกันขนาดนั้น นวดกันได้อะ?”
น้ำตาลชะงักฝีเท้าเล็กน้อย มองภาพตรงหน้า นิ่งไปเล็กน้อย
“…อืม…”
สายตาน้ำตาลมองไปที่พายุ เธอเห็นเขายิ้มบาง ๆ ขณะกำลังนวดขมับให้ทอฝันด้วยความใส่ใจ ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็อบอุ่นเกินจะมองผ่าน
อยู่ดี ๆ น้ำตาลก็รู้สึกเหมือนเท้าสะดุดกับรอยทรายโค้งเล็ก ๆ พลิกเบา ๆ ก่อนจะ…
“โอ้ย!”
แอ้มตกใจสุดตัว
“ว้าย! อีตาล! มึงเป็นไร! ตะคริวแดกเหรอ หรือข้อเท้าพลิก?!”
เสียงร้องของน้ำตาลเบาแต่ชัดเจนพอจะทำให้พายุชะงักมือที่กำลังนวดทอฝันทันที
พายุหันขวับไปมอง ก่อนรีบลุกขึ้นไม่รีรอ
“น้ำตาล!”
ไดม่อนกับเอริคยังไม่ทันจะพูดอะไร พายุก็วิ่งตรงไปทางน้ำตาลทันที ปล่อยให้ทอฝันมองตามด้วยแววตาแปลก ๆ
พายุย่อตัวลงข้าง ๆ น้ำตาล พูดอย่างร้อนรน
“เป็นอะไร ข้อเท้าพลิกเหรอ? ขอดูหน่อย…”
น้ำตาลพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองแสดงออกเกินไป
“อือ… นิดหน่อยค่ะ เดินพลาดเฉย ๆ…”
จากนั้นมือหนาจับข้อเท้าเธอเบา ๆ พลิกดูเพื่อเช็ก ด้วยแววตาจริงจัง
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดเสียงเบา แต่ชัดเจน
“ไม่บวม แค่เคล็ดนิดเดียว… เดี๋ยว… … เดี๋ยวพี่ประคบน้ำแข็งให้นะ”
แอ้มกระซิบข้างหูน้ำตาลเบา ๆ
“…พี่ประคบให้นะ เห็นมั้ย! กูล่ะอยากเป็นมึงฉิบหาย…”
พายุเงยหน้าขึ้นสบตาน้ำตาลครู่หนึ่ง แวบเดียวจริง ๆ แต่ในแววตาเหมือนมีอะไรบางอย่างสื่อถึงความห่วงใยที่เขาไม่อาจพูดได้ต่อหน้าใคร
พายุก้มหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบา
“…อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำแข็งมาให้”
พายุลุกขึ้นเร็ว เดินหายไปทางห้องพัก โดยไม่พูดอะไรต่อ ทิ้งให้แอ้มมองตามงง ๆ
“มึง ๆ… มึงอย่าบอกนะ ว่าคนหิ้วกระติกน้ำหน้าตาดีคนนั้น… มึงรู้จักเขามาก่อน?”
น้ำตาลยิ้มบาง ๆ ไม่ตอบ
“…อือ เปล๊า… แค่เขาเป็นรุ่นพี่น่ะ มาช่วยน้องก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ… แต่มือเย็นดีอะ”
ไม่นานนัก
ใต้ต้นมะพร้าว น้ำตาลยังนั่งอยู่บนพื้นทรายร่มรื่น แอ้มนั่งข้าง ๆ ทำหน้าฉงน สลับกับแอบมองพายุที่เดินกลับมา พร้อมถุงน้ำแข็งผ้าขนหนูในมือ
พายุนั่งลงตรงหน้า พูดนุ่ม ๆ
“นี่ น้ำแข็ง…เดี๋ยวพี่ประคบให้นะ อย่าขยับเท้าเยอะ เดี๋ยวจะช้ำ”
น้ำตาลหลบสายตาเบา ๆ แต่ยอมให้พายุประคบให้อย่างว่าง่าย
“…ขอบคุณค่ะ”
มือหนาค่อย ๆ วางผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งลงตรงข้อเท้าเธออย่างระมัดระวัง ปลายนิ้วเย็น ๆ แต่สัมผัสกลับอ่อนโยนจนหัวใจน้ำตาลเต้นไม่เป็นจังหวะ
แอ้มกระซิบเบา ๆ ข้างหูอีกที
“โอ้ยยย กูจะละลายแทนมึง… แบบนี้เค้าเรียกคนรู้จักกันแน่ ๆ ใช่ไหม อีตาล?”
น้ำตาลสะบัดหน้าเบา ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็แค่พี่เขาใจดีไง…”
พายุพูดเสียงต่ำ เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า
“ต่อให้ไม่ให้รู้จัก… พี่ก็ห่วงอยู่ดีนั่นแหละ”
คำพูดของเขาทำเอาน้ำตาลชะงักนิ่ง สบตาเขาโดยไม่ตั้งใจ สายตาที่ไม่ได้หวาน แต่ลึกและจริงจัง
ก่อนจะได้พูดอะไรต่อ เสียงรองเท้ากระทบทรายก็ดังขึ้นเบา ๆ จากอีกด้าน
ทอฝัน เดินมาหาเอริคกับไดม่อน สะบัดเส้นผมเบา ๆ แล้วพูดเสียงจริงจัง
“หมดเวลาพักแล้วพวกมึง เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วไปเตรียมเรียกรุ่นน้องรวมตัวที่ศาลากลางนะ”
เอริคพูด
“โอเค เดี๋ยวกูช่วยจัดเวที”
ไดม่อนเหล่มองไปทางน้ำตาลกับพายุเบา ๆ ก่อนจะพูดกับทอฝัน
“มึงไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป… กูสงสัยอะไรนิดหน่อยว่ะ”
ทอฝันเลิกคิ้ว
“สงสัย? อย่าบอกนะว่ามึงจะจับผิดเด็กปีหนึ่ง กูไม่อยากเป็นพี่ว้ากแถลงข่าวนะเว้ย”
ไดม่อนยักไหล่ ยิ้มมุมปาก
“ก็แค่อยากรู้ว่าคนหิ้วกระติก กับดาวคณะ… รู้จักกันแค่ไหนกันแน่เท่านั้นแหละ กูกลัวว่าไอ้พายุตาบอด หึ ๆ”