บทที่2 คืนนรก (SM)

996 คำ
#ย้อนกลับเมื่อปีก่อน ย้อนกลับไปตอนหวังอายุ 18 ปี อยู่ในวัยกำลังคึกคะนองและเพิ่งเรียนจบมอปลายเตรียมที่จะบวชในอีกไม่ช้านี้ "ไอ้หวังก้นบาตรมันเปื้อนขัดเเรงๆ หน่อย" หลวงลุงในวัยกลางคนนั่งจ้องเด็กวัดที่โดนทิ้งและรับเลี้ยงจนเติบใหญ่ "ขัดจนสีจะถลอกแล้วซื้อใหม่เถอะ" "เงินทองมันหายาก กว่าชาวบ้านจะนำมาถวายทานทำบุญเขาต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหน เรามีอะไรก็ใช้ไปก่อน" "อีกนิดเดียวหลวงลุง" "ใกล้จะขัดออกแล้ว" "เปล่า ใกล้จะต่อยมวยได้แล้วกล้ามแขนขึ้นหลายมัดเลยเนี่ย!" หวัง มักจะกวนใจหลวงลุงเสมอเพราะไม่อยากให้เหงาและเพราะท่านเป็นทุกอย่างในชีวิต ทั้งผู้มีบุญคุณและมนุษย์คนเดียวที่รักเขาจริง แง้นนน "ไอ้หวังไปกับกูหน่อย" สิน เพื่อนสนิทที่ตะโกนเรียกหวังหน้ากุฏิ "ไปไหนอีก..ยังล้างหม้อไม่เสร็จหลวงลุงสั่งเอาไว้ท่านไปกิจนิมนต์" "ไปส่งกูซื้อปลาดุกให้แม่" "มึงทำไมไม่ไปเองวะ" "กูมีมวนสูบนะแอบจิ๊กพ่อมา" "ตกลง" คำยั่วยุทำให้หวังทิ้งหน้าที่ตรงหน้า วิ่งไปซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนสนิท มวนที่พูดถึงก็คือบุหรี่ที่เด็กอย่างพวกเขาไม่กล้าไปซื้อตามร้านค้า เถียงนา ฟู่ ฟู่ "กว่าจะได้มาต้องรอพ่อออกไปเล่นบ่อน" สินพ่นควันพลางบ่น "กูเองก็สูบไม่ได้ในวัดหลวงลุงด่า" "ไอ้คนบาปวัดคือสถานที่ไร้อบายมุข" "แต่กูเป็นวัยมันส์ก็ต้องมีกันบ้าง" "เออ แต่วันนี้กูเห็นพวกไอ้ต้อมมันนัดรวมตัวที่ตึกร้างไม่รู้จะก่อเรื่องอะไรอีก" "อย่าไปสนใจพวกนั้นเลย หลวงลุงเคยบอกเอาไว้ว่าไม่ให้คบคนพาล'' ต้อม เป็นเด็กในโรงเรียนเดียวกับหวังซึ่งมีลูกนักเลงคุ้มหัว ชอบทำตัวกร่างแต่มาตีสนิทกันด้วยเพราะชอบในความใจถึง ตอนค่ำ 20.00น. ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ใครวะ!" หวังสะลึมสะลือตื่นขึ้นหลังจากนอนหลับไปเพียงชั่วครู่ "กูถามว่าใคร" "กูเองไอ้ต้อมเว้ย" "......" แกร๊ก พอเปิดประตูออกหวังก็รีบเปิดไฟปรากฏเป็นต้อมยื่นเหงื่อโชกเหมือนไปทำอะไรมาก่อนจะคว้าแขนหวังเขย่าแรง "มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ" "กูจะนอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเดินบิณฑบาตกับหลวงลุงไปไม่ได้" "ครั้งนี้ไม่ได้ไปเปล่ามีค่าจ้างด้วย" "งานอะไร...ถ้าส่งยากูไม่ไปนะ" "แค่ไปยืนดูต้นทางพอดีว่ามีเรื่องใหญ่ต้องสะสางเคลียร์กันใต้ตึก" "กี่บาท.." หวังยืนเท้าเอวมองต้อมแล้วครุ่นคิดเนื่องจากตอนนี้หลวงลุงป่วยและไม่ชอบไปหาหมออาการจึงทรุด ฉะนั้นเวลาว่างเขาจึงรับจ้างทุกอย่างเพื่อที่จะได้เก็บเงินเอาไว้ใช้เองไม่อยากรบกวนใคร ตึกร้าง "มึงอยู่ตรงนี้แหละถ้าใครมามึงต้องรีบบีบแตรทันทีเลยแบบดังๆ" ต้อมสั่งหวังด้วยน้ำเสียงจริงจัง "พวกมึงเคลียร์อะไรกันกับใคร.." "ไม่ต้องรู้ดีที่สุดไม่กี่ชั่วโมงคงจะเสร็จแต่อย่าลืมนะว่าถ้าใครมาให้บีบแตรค้างไว้" "เออ! !มืดก็มืดยุงจะหามกูแล้วรีบหน่อย" พูดจบต้อมก็วิ่งหน้าตั้งเข้าป่าลัดไปทางตึกร้าง ซึ่งท่าทางดูเเปลกมากแต่เพราะรับเงินมาแล้วหวังจึงจำเป็นต้องอยู่เฝ้า ชั่วโมงต่อมา บรื้นนน วี๊ว๊อออ "หยุดอย่าขยับนี่เจ้าหน้าที่ตำรวจยกมือขึ้นเหนือศีรษะ หากขยับเราจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง" "!!!!!" เมื่อรถตำรวจหลายคันพุ่งมาล้อมหวังแล้วใช้โทรโข่งประกาศสั่งทำให้เขานิ่งปนช็อกกับสถานการณ์นี้ "เชี่ยอะไรกันวะเนี่ย...!" หนึ่งเดือนต่อจากนั้น ตัวหวังถูกฝากขังโดยห้ามเยี่ยมหรือพบปะกับใครแม้กระทั่งหลวงลุงที่ติดต่อเข้ามา สภาพจิตใจเขาเริ่มย่ำแย่เมื่อตำรวจคาดคั้นจะให้ยอมรับผิด "ถ้ารับสารภาพโทษหนักจะกลายเป็นเบานะอีกอย่างเราตั้งทนายให้ฟรี" "ผมไม่ผิดจะยอมรับทำไม" "คำให้การไร้พยานหลักฐานแถมยังกำเงินจากพวกนั้นไว้เเน่นอีก" "ใครแม่งจะรู้ว่าพวกมันทำเหี้ยอะไรกัน!!!" สติเริ่มแตกทันทีพร้อมดิ้นแรงด้วยความเจ็บใจ ตำรวจสืบสวนคดีส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมและที่ทำให้เขาเริ่มกลายเป็นบ้าเพราะสำนวนที่ให้เซ็นรับสารภาพมันคือ 'คดีข่มขืนรุมโทรม' จากเดนนรกที่พาสาววัยเดียวกันมามอมเหล้าแล้วลากไปทารุณกรรมในตึกร้างที่หวังยืนเฝ้าปากทางเข้าอยู่ หลายวันต่อมา "ทำใจดีๆ ไว้หลวงลุงกำลังหาคนมาช่วย" เสียงของความห่วงใยพูดผ่านกรงขัง "ผมไม่ได้ทำนะครับหลวงลุง อึก ผมไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย" "หลวงลุงเชื่อเอ็ง" "____" "ก็ข้าเลี้ยงเอ็งมากับมือทำไมจะไม่รู้สันดาน จริงไหม..ถึงจะเกเรไปบ้างนักเลงไปหน่อยแต่คนอย่างเอ็งคงไม่ชั่วขนาดนั้นเพราะเห็นแก่เงินไม่กี่บาทหรอก ฮ่าๆ" "หลวงลุง ฮือ ฮึก" น้ำตาลูกผู้ชายไหลหลั่งเพราะคืนนรกนั่นทำให้ชีวิตเขาต้องถูกจองจำและที่ทำให้เสียใจมากที่สุดคือจะไม่สามารถดูแลผู้มีบุญคุณท่วมหัวอย่างหลวงลุงได้อีกต่อไป 'ดั่งคำโบราณที่กล่าวไว้ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล' [การเลือกคบคนต้องพิจารณาให้ดีถ้าคบคนไม่ดีมาเป็นเพื่อน คนไม่ดีก็จะชักนำ พาเราไปในทางที่ไม่ดี ถ้าคบคนดีมีความรู้ คนดีก็จะชักนำ พาเราไปในทางที่ดี]
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม