บ้านมหาเศรษฐี
ริบบิ้นยังคงเนียนกลับเข้าโรงเรียนเพื่อออกมาอย่างไม่มีพิรุธ กระทั่งมาถึงบ้าน เธอไม่สามารถกักเก็บอาการความเจ็บปวดเท้าที่โดนรถมอเตอร์ไซค์เหยียบ ยังเดินกะเผลกจนเป็นที่จับจ้องของผู้เป็นแม่
"ริบบิ้นไปทำอะไรมาลูก" แม่เดินเข้ามาประคอง
"หนูวิ่งเล่นกับฝนแล้วหกล้มนะคะแม่"
"ตายจริง! ลูกคนนี้ซุ่มซ่ามตลอดเลย"
"แต่หนูไม่ได้เจ็บมากนะคะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"เรามันเด็กดื้อรั้น กลัวว่าแม่จะสั่งไม่ให้วิ่งอีกละสิ ถึงทำเป็นพูดว่าไม่เจ็บ ทั้งที่ขาเดินกะเผลกขนาดนี้"
"แค่กลัวคุณแม่เป็นห่วงค่ะ"
"ถ้ากลัวว่าแม่จะเป็นห่วงก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้"
แม่ยังคงปลอบประโลมปนกับดุด่าต่อว่าตามประสาผู้ที่ห่วงใย ประคองลูกสาวมานั่งห้องโถงโดยที่ผู้เป็นพ่อกำลังอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกับดื่มชากาแฟ ทันทีที่เขาเจอลูกสาวก็รีบส่งสายตาดุดันพร้อมทั้งพูดเสียงเข้ม
"ถ้าเทอมนี้เกรดออกมาแย่กว่าเดิม ฉันจะส่งแกไปเรียนเมืองนอก" พ่อดุ "ชอบโดดเรียนดีนัก ถ้าผลสอบออกมาแกย่ำแย่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ"
"หนูไม่ได้ฉลาดมากคุณพ่อก็รู้"
"เพราะฉันรู้ว่าแกไม่ฉลาดไงถึงส่งให้เรียนโรงเรียนดีๆ แต่แก่กลับเป็นเด็กไม่เอาไหน!"
"พ่อก็เอาแต่ดุแต่ด่าหนู ไม่เคยถามความรู้สึกของหนูเลยว่าหนูอยากเรียนไหม ส่งหนูเรียนพิเศษตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้ หนูเบื่อนะคะ"
"ถึงฉันจะส่งแกเรียนพิเศษแกก็โดดออกไปเที่ยวเล่นอยู่ดี ถ้าผลการเรียนเทอมนี้แกแย่ รับรองจะได้เห็นดีกันแน่"
ผู้เป็นพ่อมีนิสัยดุดัน เขาไม่ชอบผู้หญิงดื้อรั้นอย่างลูกสาวของตัวเองแม้แต่น้อย เป็นเพราะความหวังที่จะมีลูกชายเพื่อเกื้อกูลและสืบทอดธุรกิจของเขาพังทลาย หลังจากที่ภรรยาคลอดลูกสาวคนนี้ออกมา กลายเป็นว่าเธอถูกกดดันทุกด้าน ทางบ้านของริบบิ้นค้าขายอสังหาริมทรัพย์ส่งทอดตลาดเรียกได้ว่าทุกคนในวงการจากเคารพยำเกรงเพราะภูมิหลังยศถาบรรดาศักดิ์ของตระกูลมั่งมีตั้งแต่สมัยเก่า
"ริบบิ้นอย่าไปฟังพ่อเลยนะช่วงนี้งานคงจะหนัก" แม่รีบปลอบโยนลูกสาว ลูบผมถักเปียยาวสองข้างอย่างเอ็นดู "หิวหรือยังลูก"
"หนูไม่หิวค่ะ คงจะกินอะไรไม่ลง"
"โถ่ อย่าถือสาคุณพ่อเลยนะลูก"
"ตอนนี้หนูรู้สึกเศร้ามากเลยค่ะคุณแม่"
"ไม่เป็นไรนะแม่อยู่ข้างลูก"
"คุณแม่พอจะมีสัก..หนึ่งหมื่นบาทไหมคะ?"
"____"
วันเสาร์
ถนนซอยข้างโรงเรียน
"สรุปว่าที่เรียกเราออกมาเพื่อจะมาตามหาผู้ชายคนนั้น" ฝนคิ้วขมวด "ไหนริบบิ้นบอกว่าเราจะมาดูหนัง"
"ก็โกหกคุณแม่ไปแบบนั้นแหละ"
"นับวันยิ่งเอาใหญ่แล้วนะ เด็กขี้โกหกไม่ดี เรียกว่าเด็กเลี้ยงแกะรู้ไหม"
"เราไม่อยากเลี้ยงหรอกแกะ เราอยากเลี้ยงไฮยีนา ฝูงเสือ หรือสิงโตนาเนีย"
"เดี๋ยวววว"
"ทำไม..ก็เรารวยจะเลี้ยงอะไรก็ได้"
"เฮ้อออ เรื่องรวยไม่เถียงค่ะ เราจะเดินไปถึงไหนกันก่อน ก็เดินวนไปมาไม่เจอใครเลยนะ"
ในวันหยุดแทนที่ฝนจะได้อ่านหนังสือแต่กลับถูกริบบิ้นส่งคนขับรถไปหาถึงบ้าน เพื่อตามตัวเธอมาส่งยังหน้าโรงเรียนมัธยมนานาชาติ โดยแสร้งว่ามีนัดดูหนังและติวหนังสือกับทางโรงเรียน
"นั่นใช่เสื้อที่พี่กันต์ใส่วันนั้นหรือเปล่า" เพื่อนสนิทอย่างฝนรีบชี้ไปยังรั้วของสถาบันวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
"กริ๊ดดดดด จริงด้วย! เจอแล้วเราเจอแล้ว"
"คนมีเป็นพันเป็นหมื่นจะเจอได้ยังไง"
"เดี๋ยวเราก็แค่ลองไปถามพวกเขาดู"
"ริบบิ้น โอ้ยยยย รอด้วยสิ!
"ตามมาเร็วๆ"
ตัวเล็กรีบวิ่งจ้ำอ้าว ขณะที่ฝนวิ่งตามแทบไม่ทัน สองสาวหยุดอยู่ตรงรั้วกั้นเหล็กสนิม โดยเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งใส่เสื้อสถาบันเดียวกับชายหนุ่มที่เธอกำลังตามหา พวกเขาสูบบุหรี่ควรโขมงอยู่ริมซากปรักหักพัง
"สวัสดีค่ะ" ริบบิ้นกล่าวคำทักทาย เธอน่ารักจึงกลายเป็นจุดสนใจในทันที "หนูมีเรื่องอยากถามพวกพี่"
"หลงทางมาหรือไงสาวน้อย ตัวเล็กน่ารักแบบนี้"
"ขอบคุณที่ชมนะคะ เรื่องความน่ารักหนูทราบตั้งแต่เกิดแล้วค่ะ แต่พอดีว่าหนูมีเรื่องสำคัญมากจะรบกวน"
"มีอะไรให้พวกพี่ช่วยเหรอ.."
"หนูมาตามหาผู้ชายคนหนึ่ง เอาชื่อว่าพี่กันต์ สวมใส่ชุดวิทยาลัยเดียวกับพวกพี่เลยนะคะ"
สาวน้อยยังคงยิ้มสดใส ตอนนี้ชายหนุ่มหลายคนต่างเดินเข้ามารุมล้อมทำท่าทางไม่เข้าใจ ก่อนที่ริบบิ้นจะรีบอธิบายเรื่องราวต่อ
"หนูแอบชอบพี่กันต์มากๆ หนูต้องการตามหาตัวเขาให้เจอ จึงอยากจะรบกวนพวกพี่ช่วยตามหาได้ไหมคะ ถ้าพวกพี่ช่วยตามหาจนเจอ หนูจะให้เงินตอบแทนพวกพี่ เพราะหนูรวยมาก!"
"คนที่ชื่อกันต์มีตั้งหลายคน พี่จะไปรู้ได้ไงว่าคนไหน"
"ถ้าอย่างนั้นหนูวาดรูปให้ดูดีไหมคะ"
"อืมมม แบบนั้นก็ดี แต่ไม่มีรูปถ่ายเลยเหรอ"
"ตอนนั้นรถเหยียบตีน หนูตกใจมาก ก็เลยไม่ทันได้ถ่ายรูปเอาไว้ค่ะ ยังไงหนูจะลองวาดรูปให้ดูนะคะ"
ทันทีตัวเล็กก็รีบยื่นมือไปหาฝนที่พกกระดาษติดตัวมาเนื่องจากทำทุกอย่างให้แนบเนียนคล้ายมาติวหนังสือจริงจัง ต่อจากนั้น ดินสอแท่งหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาใช้ ริบบิ้นนั่งลงพร้อมกับวางกระดาษลงบนซากปูน เธอเริ่มวาดทุกอย่างเป็นรูปร่าง ก่อนจะยื่นให้กลุ่มชายหนุ่มในรั้วสถาบันวิทยาลัยเด็กช่าง
"!!!!"
กลุ่มชายหนุ่มอึ้งหนักทุกคนมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กทั้งพูดคุยกันกระซิบกระซาบ 'นี่มันมนุษย์หรือเปล่าวะ'