ไหนจะร่างกายที่บอบช้ำอย่างหนัก และนางก็ดื้อรั้นใช้น้ำเย็นล้างตัว ไม่นานร่างกายของเฟยเถาก็มีไข้ขึ้นสูง นางนอนเพ้อเรียกหาคุณพ่อ คุณแม่ ลุงชุนอยู่ตลอดทั้งคืนจนฟ้าสว่าง
แม้ฟ้าด้านนอกจะสว่างแล้ว แต่เฟยเถาก็ยังคงไร้สติ นางนอนไข้ขึ้นสูงอยู่ถึงสองวันเต็มๆ โดยที่ไม่ได้ออกไปจากเรือนของนางเลย
เจียวเหอหลังจากที่ฟ้าสว่างแล้ว เขาก็มองไปรอบห้องที่เละเทะ ทั้งยังมีแต่คราบเลือดพรหมจรรย์และน้ำรักของเขาเต็มที่นอนไปหมด
“หึ ข้าจะดูว่าเจ้าจะเสแสร้งได้กี่วัน” เจียวเหอรู้ดีว่าเฟยเถาไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ เช่นที่นางแสดงออกมา
รอแต่เพียงว่าเมื่อใดที่นางจะมาโวยวายที่เรือนก็เท่านั้น ต่อให้เขายอมรับนาง แต่ไม่มีทางที่เขาจะแตะต้องนางเช่นเมื่อคืนนี้อีกแน่นอน
เจียวเหอรีบจัดเก็บห้องนอนแล้วไปล้างตัว เพื่อเดินทางไปสำนักศึกษา ตัวเขาเองก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นเดียวกับเฟยเถา ครอบครัวทั้งหมดล้วนแต่เสียชีวิตไปจากโรคระบาดใหญ่เมื่อหลายปีก่อน
แต่เขายังดีกว่าเฟยเถาตรงที่ บิดามารดาทิ้งเงินเอาไว้ให้ใช้จ่ายไม่น้อย ทั้งยังมีที่นาที่ปล่อยเช่าอีกหลายสิบหมู่ ทำให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง ความมุ่งมั่นทั้งหมดจึงทุ่มไปกับเรื่องการเรียน
วันที่สามของการมาอยู่ในร่างของฟางเฟยเถา เฟยเถาก็สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ สิ่งแรกที่นางต้องทำคือหาอาหารเติมใส่ท้องที่ว่างเปล่าของนาง
เมื่อวานนางพอจะมีสติ แต่ยังลุกขึ้นไม่ไหว จึงได้สำรวจร่างกายโดยคร่าวๆ ก็พบว่า เนื้อตัวของนางมีแต่ร่องรอยที่เจียวเหอทิ้งเอาไว้ เขาไม่ได้ถนอมร่างงามของนางเลยสักนิด มิได้มีเพียงรอยแดงของฝ่ามือ ยังมีรอยกัดที่ปทุมถันอีกหลายรอย
“ข้ารังเกียจเรือนร่างของเจ้านัก” เขาไม่ใช้เรียวลิ้นกับเรือนร่างของนางเลย เพียงแต่กัดเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น
“โรคจิต” เฟยเถาลูบรอยกัดที่ยังปรากฏอยู่อย่างโกรธแค้น
ภายในห้องครัว มีข้าวสารเพียงหยิบมือเท่านั้น และหัวมันหัวเผือกอีกอย่างละสองสามหัว สิ่งที่มีอยู่เป็นหูเจี้ยน บุตรชายเจ้าของหมู่บ้านที่หมายปองฟางเฟยเถา มักจะแอบนำของกินมามอบให้นางอยู่บ่อยครั้ง
“ฟางเฟยเถาเอ๋ย เจ้าโง่เขลานัก บุรุษดีๆ เช่นหูเจี้ยนเจ้าก็ไม่ชอบ เขาเพียงแค่หน้าตาสู้พระเอกไม่ได้ แล้วต่อไปนี้ข้าจะแต่งให้บุรุษคนใดได้อีก” นางคนข้าวต้มในหม้อไปก็ถอนหายใจไปด้วย
ยังดีที่เจ้าของร่างเดิมมีความรู้เรื่องทำอาหาร ก่อไฟอยู่บ้าง มิเช่นนั้น เฟยเถาที่ไม่เคยเห็นเตาในยุคโบราณก็คงต้องอดตายแล้ว
เงินในบ้านมีเพียงไม่กี่เหรียญทองแดง หากนางไม่ขึ้นเขาไปเก็บผักป่า หรือปักผ้าเช็ดหน้าไปขายในเมือง ไม่รู้ว่าฟางเฟยเถาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เช่นใด
หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้ว เฟยเถาก็เริ่มออกสำรวจบ้านหลังน้อยของนาง อย่างน้อยเจ้าของร่างก็ไม่ใช่คนขี้เกียจ งานบ้านงานเรือน นางล้วนแต่ทำได้ดี รอบบ้านและในบ้านจึงสะอาดเพราะทำความสะอาดทุกวัน
“หากไม่หาวิธีหาเงินคงได้อดตายในไม่ช้า” นางเดินเตะดินที่ลานเรือนอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในเรือน แต่เสียงร้องเรียกหน้าเรือน ทำให้เฟยเถาชะงักตัวยืนนิ่งอยู่กับที่
“เถาเถา เจ้าอยู่หรือไม่”
“อยู่เจ้าค่ะ” นางกำลังจะเดินไปเปิดประตูเรือน แต่เมื่อนึกถึงร่องรอยบนเนื้อตัว นางก็ยืนนิ่งไม่กล้าขยับ
“ผู้ใดเจ้าคะ” นางร้องถามออกมา
“ข้าเอง พี่เจี้ยน ข้าไม่เห็นเจ้ามาสามวันแล้ว เจ้าเป็นอันใดหรือไม่” ปกติแล้วเฟยเถานางจะเดินไปวนเวียนอยู่หน้าหมู่บ้านหรือแถวเรือนของเจียวเหอทุกวัน แต่สามวันที่ผ่านมาเขาไม่เห็นนางเลย
“เอ่อ...มีอันใดเจ้าคะ” นางโผล่แค่หัวออกมาจากประตู
“จะ เจ้า ไม่ออกมาดีๆ เล่า”
“แค่ก แค่ก ข้าไม่ค่อยสบาย พี่เจี้ยนท่านมีอันใดก็รีบพูดเถิด ข้าจะกลับเข้าไปพัก” นางแสร้งไอออกมา
“ให้ข้าตามหมอซวงมาดูอาการดีหรือไม่ แล้วนี่เป็นมากี่วันแล้ว”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าเกือบจะหายดีแล้ว ขอบคุณท่านมาก” นางยิ้มกว้างให้เขาอย่างขอบคุณ
แม้จะไม่ได้รูปงามเช่นเจียวเหอ แต่ท่าทางใสซื่อของหูเจี้ยนก็ทำให้นางอดที่จะมองเขาอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ไม่เป็นอันใดก็ดีแล้ว ข้า...ข้าเอาของมาฝากเจ้า” หูเจี้ยนเคยเห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของเฟยเถาที่มองเขาเสียที่ไหน เขาเขินอายจนพูดติดขัด
หูเจี้ยนรีบยัดของที่นำมาใส่มือของเฟยเถา แล้วหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว เฟยเถาได้แต่มองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยความงุนงง
“เป็นอันใดของเขา” นางมองของในมือ แล้วยิ้มออกมาอย่างยินดี
ครั้งนี้มิได้มีเพียงข้าวสารเท่านั้น ยังมีเนื้อชิ้นไม่ใหญ่มาด้วย นางฮัมเพลงเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ก่อนจะปิดประตูเรือน
แต่แล้วมือขาวข้างที่เฟยเถาถือของอยู่ก็ถูกกระชากอย่างแรง
“โอ๊ยยย” นางหันมามองว่าเป็นผู้ใดกันที่ทำกับนางเช่นนี้ “ทะ ท่าน ท่านมาทำไม” นางถอยหลังไปหลายก้าวอย่างหวาดกลัว
“หึ หญิงชั่วเช่นเจ้า ดีแต่หว่านเสน่ห์ไปทั่ว นี่อันใดกัน...” เขาชูมือข้างที่ถือของเฟยเถาขึ้น
“ปล่อย!!! หากข้าชั่วช้านัก บุรุษแสนดีเช่นท่านจะมายุ่งกับข้าทำไม” นางมองเขาอย่างมองคนโง่
“คิดว่าข้าอยากยุ่งกับเจ้ามากนักหรือ”
“อ้าว...เช่นนั้นก็ดี กลับไปได้แล้ว” เฟยเถาแย่งของกลับมา นางดันตัวเจียวเหอออกไปให้พ้นหน้าประตูเรือนเพื่อจะปิด
“เจ้าคิดว่าอาเจี้ยนยังจะสนใจเจ้าอีกหรือ หากข้าบอกเขาเรื่องที่เจ้าวางยาข้า”
“หึ อยากพูดอันใดก็เชิญ แต่ข้าคิดว่า...ท่านคงไม่พูดหรอก ท่านเองก็รังเกียจข้า แล้วจะป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้เพื่ออันใด ที่ผ่านมาเป็นข้าที่วิ่งตามท่านไม่เลิก เรื่องที่เคยเกิดขึ้นท่านก็เริ่มไปเถิด อย่างไรคนที่เสียหายก็ไม่ใช่ท่าน” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วเจ้าคิดว่า จะมีผู้ใดกล้าแต่งกับเจ้าอีกหรือ หากในท้องของเจ้า...” เขาก้มมองที่ท้องของนาง
“อ้อ...เป็นห่วงข้า ไม่ต้องห่วงข้าไม่แต่งงานก็อยู่ได้ หากข้าจะแต่งกับผู้ใด ข้ายอมบอกเขาเสียก่อนว่าข้าไม่บริสุทธิ์แล้ว อีกอย่าง...ท่านคิดว่า เพียงแค่ค่ำคืนเดียว จะทำให้ข้าท้องได้เลยหรือ ไปได้หรือยัง” นางมองไปเบื้องล่างของเขาอย่างขบขัน
ในนิยายไม่มีบอกว่าฟางเฟยเถานางเคยตั้งครรภ์มาก่อน เฟยเถานางจึงรู้ได้ทันทีว่า การที่นางหลับนอนกับเจียวเหอไปแล้วนางไม่มีทางตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอน
“ดี ต่อไปอย่าได้มาอ้อนวอนขอร้องข้าเล่า” ใบหน้าของเจียวเหอเขียวคล้ำอย่างไม่น่ามอง
“ได้ๆ ไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน ท่านวางใจได้ ท่านไปแต่งกับคุณหนูสามได้เลย โอ๊ยยยย” มือหนาของเจียวเหอบีบต้นแขนของเฟยเถาอย่างแรง
“เจ้ารู้สิ่งใดมา”
“ปล่อยข้าเจ็บ!!! ข้าจะรู้อันใดเล่า” นางหลบสายตาของเขา จะบอกได้อย่างไรว่านางรู้เนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นหมดแล้ว
“เจ้าแอบสืบเรื่องของข้าหรือ” เจียวเหอโกรธจนหน้าแดง คิดว่าสามวันที่ผ่านมานางจะไม่สนใจเขาแล้วเสียอีก
หากเฟยเถาไม่รู้เรื่องที่ถังจินเซียนส่งจดหมายบอกความในใจให้เขา นางจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างไร แต่ดูเหมือนเจียวเหอจะลืมคิดไป ถังจินเซียนเพิ่งจะส่งจดหมายให้เขาในวันนี้เอง
“ข้าจะไปสืบเรื่องของท่านทำไม เหตุใดถึงชอบทำร้ายร่างกายข้าอยู่เรื่อยเลย” นางสะบัดแขนจนหลุดออกมา
“ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้อย่าง อย่าได้ยุ่งเรื่องของข้าอีก และอย่าได้มาให้ข้าเห็นหน้าเด็ดขาด”
“หึหึ จางเจียวเหอ ท่านคงลืมไปกระมังว่ายามนี้ท่านอยู่ที่เรือนของข้า ตั้งแต่เกิดเรื่องข้าเคยอยากเห็นหน้าท่านด้วยหรือ แต่ท่านไม่ต้องห่วง ต่อไปข้าจะไม่โผล่หน้าไปให้ท่านเห็นอีก” สายตาที่เฟยเถาบอกเขาอย่างรังเกียจทำให้เจียวเหอตกตะลึงไปอยู่ครู่