เมื่อกลับถึงเมืองไทยแคทเธอรีนก็ได้รับสายจากภูดิศในทันที เธอเบ้ปากใส่หน้าจอแต่ก็จำใจกดรับเพื่อจะได้เคลียร์ทุกอย่างให้มันจบๆไป ผู้หญิงอย่างเธอจะไม่เสียเวลากับผู้ชายไม่จริงใจเป็นอันขาด และที่ให้อภัยไม่ได้อย่างที่สุดคือการที่เขาไปนอนกับญารินดาที่เป็นคู่อริตัวฉกาจของเธอ ภูดิศนัดเธอที่รูฟท็อปของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งและยังอาสาจะมารับแต่เธอยืนยันหนักแน่นว่าจะเดินทางไปเอง แน่นอนว่าขากลับเธอคงไม่ให้เขามาส่งอยู่แล้ว เพราะการที่เธอรับนัดครั้งนี้ก็เพราะต้องการจบเรื่องราวระหว่างเขาและเธออย่างเด็ดขาด แคทเธอรีนและเก๋ไก๋เดินทางกลับคอนโด เมื่อมาถึงหญิงสาวก็ตั้งใจเลือกชุดที่สวยที่สุดและแต่งหน้าจัดเต็ม
“จะไปวันนี้เลยจริงๆ เหรอเคท เพิ่งเดินทางกลับมาเหนื่อยๆ จะไม่พักก่อนเหรอ”
“ไม่ค่ะ เคทอยากจัดการให้มันจบๆ ไป เรื่องเหนื่อยเดี๋ยวกลับมานอนพักแปปเดียวก็หาย แต่เรื่องนี้มันเจ็บใจไม่หายถ้าเคทไม่ได้จัดการกำจัดผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิต”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“อย่าดีกว่าค่ะ พี่เก๋ก็เพิ่งเดินทางมาถึงพร้อมเคท พี่เก๋ไปพักดีกว่าค่ะ”
“ได้ไงล่ะ เราร่วมหัวจมท้ายกันมาขนาดนี้แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ พี่จะไปเป็นเพื่อนเคทเอง”
“เอางั้นเหรอคะ”
“เอางี้แหละ พี่ก็อยากไปดูหน้าของไอ้ผู้ชายที่ช่างโง่เง่า ทำเพชรหลุดมือไปคว้าเอาก้อนกรวดมาเชิดชูเหมือนกัน” เก๋ไก๋ขับรถมาส่งแคทเธอรีนถึงที่โรงแรมหรูอันเป็นสถานที่นัดพบ
“จะให้พี่ขึ้นไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เคทไปแปปเดียวและคงไม่ได้ไปนั่งดื่มด่ำบรรยากาศกับคนเฮงซวยพรรค์นั้นหรอกค่ะ เคทอยากจบทุกอย่างให้เร็วที่สุด”
“โอเค งั้นพี่รอแถวนี้นะ ถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้เลย”
“โอเคค่ะ” แคทเธอรีนในชุดเดรสรัดรูปสีดำตัวสั้นสุดเซ็กซี่และแต่งหน้าแบบจัดเต็มก้าวลงจากรถด้วยความมั่นใจหญิงสาวเดินตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปพบกับคนที่เธอรู้สึกไม่อยากจะเสียเวลาข้องแวะด้วยอีกสักวินาที จึงอยากเคลียร์ทุกอย่างให้จบโดยเร็วที่สุด
ตลอดทางที่ก้าวออกจากลิฟต์แคทเธอรีนรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาทั้งจากพนักงานและลูกค้าของโรงแรม เธอหันไปยิ้มให้สมกับที่ได้รับคำชื่นชมว่าเธอเป็นดาราที่เป็นกันเองและใจดีกับแฟนคลับเสมอ เมื่อก้าวเข้ามาในบริเวณรูฟท็อปผู้จัดการก็กุลีกุจอมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ คุณเคท เชิญทางนี้เลยค่ะ คุณภูดิศมารอได้สักครู่แล้วค่ะ” แคทเธอรีนเดินตามพนักงานไปโดยมีสายตาของลูกค้าโต๊ะอื่นๆ มองตามไปอย่างจดจำได้ บางคนถึงกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแอบถ่ายเลยทีเดียว
“โอ๊ะโอ วันนี้เป็นบุญตาของกูจริงๆ ว่ะที่รับนัดมึงไอ้ทรรศ” อินทัชพูดกับทรรศนัย ขณะยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นจิบและมองตรงไปยังทางเข้าที่ลูกค้าสาวสวยคนดัง กำลังเดินตามผู้จัดการไปยังโต๊ะริมระเบียงที่มองเห็นวิวด้านล่างอย่างชัดเจน ทรรศนัยมองตามสายตาของเพื่อนสนิทไปจึงพบว่า สาวสวยที่อินทัชพูดถึงคือแคทเธอรีนเพื่อนสนิทของมินตราภรรยาของเพื่อนรักเขาอีกคน ที่ตอนนี้ทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดี งดออกมาสังสรรค์จนเขาต้องหันมาคบค้ากับเพื่อนอีกกลุ่มที่สนิทสนมกันในวงการธุรกิจสีเทา อินทัชเป็นทายาทนักการเมืองท้องถิ่นที่กว้างขวางมากในภาคใต้ มีธุรกิจโรงแรมและ รีสอร์ทมากมาย รวมถึงสถานบันเทิงในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดอีกด้วย แน่นอนว่าเขาเองก็มีหุ้นส่วนที่นั่นด้วยเช่นกัน อีกฝ่ายนานๆ ถึงจะขึ้นมากกรุงเทพสักที และทุกครั้งก็มีนัดหาที่ดื่มและผ่อนคลายตามประสาชายโสดกันอยู่เสมอ
“นั่นน้องเคทนี่หว่า” ปวินท์พูดขึ้นหลังจากมองตามสายตาของเพื่อนไป
“ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีกว่ะ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้อกเป็นอก เอวเป็นเอว ผิวหรือก็ขาวราวน้ำนม ไหนจะขาขาวๆ นั่นอีก” อินทัชยังไม่หยุดชื่นชมนางร้ายสาวสวยที่โดดเด่นสะดุดตาตัวเองตั้งแต่แรกพบ
“มึงทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยๆ ไปได้ไอ้เอ้ ลูกค้าสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยที่โรงแรม มึงยังมองไม่พออีกเหรอ” ปวินท์แกล้งว่าเพื่อน
“ไอ้บ้า มึงพูดเหมือนกูเป็นพวกโรคจิตชอบถ้ำมอง เดี๋ยวใครมาได้ยินก็เสียชื่อกูหมด”
“โถ ที่เป็นอยู่ก็คงไม่มีอะไรจะเสียแล้วมั้ง พ่อเพลย์บอยแห่งอันดามัน” ทรรศนัยถึงกับหลุดขำเมื่อได้ยินฉายาที่ ปวินท์มอบให้อินทัช
“หัวเราะอะไรไอ้ทรรศ อย่าบอกนะว่ามึงเห็นดีเห็นงามกับไอ้ปอนด์ที่ตั้งฉายาอุบาทว์ๆ นี่ให้กู กูไม่ได้เป็นเพลย์บอยโว้ย กูแค่เอ็นดูน้องๆ หนูๆ เขา” ทรรศนัยอมยิ้มและยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบโดยไม่ได้พูดอะไร
“ชอบก็จีบเลยสิ” ปวินท์ถือโอกาสยุ
“ไอ้คุณเพื่อนครับ ก่อนมึงจะยุให้กูจีบนางฟ้าแสนสวย มึงดูด้วยว่าเขานั่งอยู่กับใคร กูไม่ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของโว้ย มันเสียศักดิ์ศรี เพราะมันเหมือนกูไม่มีปัญญาหาผู้หญิงของตัวเอง”
“น่าเสียดายที่สาวสวยของเราไม่โสดซะแล้ว แต่จะว่าไปผู้ชายคนนั้นก็เหมาะสมกับน้องเคทดีนะ”
“มึงรู้จักเหรอ”
“ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่รู้ว่านั่นน่ะคุณภูดิศลูกชายคนเดียวของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เมืองไทย”
“โอ้ว ดีกรีไม่ธรรมดา ว่าแต่ทำไมมึงนั่งเงียบเลยล่ะไอ้ทรรศ จะไม่ออกความเห็นอะไรหน่อยเหรอ เห็นสาวสวยที่เซ็กส์เอพพีลสูงขนาดนี้ มึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ” อินทัชถามเพื่อนที่เอาแต่นั่งจิบแอลกอฮอล์มองบรรยากาศเมืองกรุงยามค่ำคืน โดยไม่ได้ออกความเห็นถึงสาวสวยที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาอยู่ในขณะนี้
“จะให้กูตื่นเต้นอะไร กูเคยเจอเขาหลายครั้งแล้ว เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับเมียไอ้วิน”
“อ้าว/อ้าว” อินทัชและปวินท์อุทานออกมาพร้อมกัน เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะรู้จักกับนางร้ายสุดฮอตที่ทำเอาเขาทั้งสองไม่อาจละสายตาได้ แม้จะไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับอนาวิน แต่ก็ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของทรรศนัยที่คบกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ
“มึงก็อมพะนำอยู่ได้ ทำไมไม่บอกว่ารู้จักกับน้องเคทของกูวะ” อินทัชโวยวาย
“บอกแล้วจะมีประโยชน์อะไร ยังไงเขาก็มีเจ้าของแล้ว อีกอย่างกูกับเขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน แค่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเมียเพื่อน และเคยเจอกันตามงานบ้าง” ทรรศนัยยักไหล่และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป แต่สายตาก็อดเหลือบมองไปทางโต๊ะของแคทเธอรีนไม่ได้ แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ถ้ามึงชอบเขาก็อาจจะมีหวังแล้วนะ” อินทัชและปวินท์หันไปมองตามสายตาเพื่อนก็เห็นว่าทั้งสองไม่ได้นัดมา ดินเนอร์สวีทหวานอย่างที่คิด แต่ดูเหมือนกำลังมีปัญหากันมากกว่า เพราะฝ่ายชายพยายามจับมือฝ่ายหญิง แต่สาวเจ้าสะบัดออกพร้อมแสดงท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ทรรศนัยที่ปากบอกว่าไม่สนใจก็ยังอดมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ นั่นเพราะเขาอยู่บนชั้นลอยที่มองลงไปเห็นโต๊ะที่แคทเธอรีนกับคนรักนั่งอยู่พอดี แม้จะไม่ได้ยินสิ่งทีทั้งคู่คุยกัน แต่ก็ดูออกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ฝ่ายหญิงนั่งหน้าเชิดราวนางพญา ในขณะที่ฝ่ายชายดูร้อนรนและพยายามพูดอะไรมากมาย
“ดูเหมือนรักจะไม่หวานและน้องเคทของฉันอาจกำลังจะโสด” ปวินท์แสดงความคิดเห็น
“เลิกทำตัวถ้ำมองกันได้แล้วพวกมึง ก่อนที่เขาจะรู้ตัวแล้วด่าให้” ทรรศนัยบอกเพื่อนและบอกตัวเองไปด้วยในตัว หลังจากนั้นสามหนุ่มจึงหันไปสนทนาเรื่องอื่น ในขณะคนที่บอกให้เพื่อนๆ เลิกสนใจโต๊ะของนางร้ายสาวกลับเผลอตวัดสายตามองไปทางโต๊ะของเจ้าหล่อนอยู่บ่อยๆ
“ฟังผมก่อนนะเคท เรื่องนี้ผมอธิบายได้” แคทเธอรีนกรอกตาให้กับความพยายามโกหกหน้าด้านๆ ของภูดิศทั้งที่เธอมีหลักฐานชัดเจนนั่นคือภาพถ่ายที่ญารินดาส่งมาให้
“ทุกอย่างมันชัดเจนจนไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้วล่ะค่ะคุณภู อันที่จริงเคทไม่อยากมาเห็นหน้าคุณแม้สักวินาทีเดียวด้วยซ้ำ แต่เพราะเคทอยากมาเคลียร์ทุกอย่างให้มันจบแบบไม่มีอะไรค้างคา”
“ไม่นะเคท ผมไม่ยอม”
“คุณจะยอมหรือไม่ยอมมันไม่เกี่ยวอะไรกับเคท เพราะสิ่งที่เคทต้องการคือจบความสัมพันธ์ทุกอย่างระหว่างเรา แม้แต่สถานะเพื่อนเคทก็ไม่มีให้คุณ เพราะสิ่งที่คุณทำมันเกินจะให้อภัย คุณคุยกับเคทอยู่และคุณก็รู้ดีว่าเคทกับญาญ่าเป็นคู่แค้นคู่อาฆาต แต่คุณก็ยังไปนอนกับศัตรูของเคท เรื่องนี้มันหยามเคทเกินไปค่ะ”
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจนะเคท วันนั้นผมเจอเขาที่ผับแล้วผมก็เมามาก ผม…”
“พอเถอะค่ะ ไม่ว่าเหตุผลของคุณคืออะไร แต่ตอนจบมันก็คือคุณนอนกับศัตรูของเคท ทำให้แม่นั่นเยาะเย้ยว่าเคทเป็นคนโง่ อันที่จริงเคทเข้าใจนะคะว่าคุณเป็นผู้ชาย แล้วเราก็อยู่ในสถานะที่กำลังคุยกัน ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้มันอาจจะไม่แฟร์ถ้าเคทจะห้ามคุณ แต่ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่ญาญ่า”
“ผมผิดไปแล้ว เคทให้โอกาสผมนะคนดี นะครับ”
“อย่าพยายามเลยค่ะ เคทบอกแล้วไงคะว่าเคทตัดสินใจแล้ว ที่เคทมาพบคุณวันนี้เพราะต้องการมาบอกคุณด้วยตัวเอง เพื่อที่เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก แล้วเคทก็ขอร้องคุณเช่นกันว่าอย่ามาวุ่นวายกับเคทอีก ขอให้เราต่างคนต่างอยู่ ผู้ชายระดับคุณหาผู้หญิงดีๆ ได้ไม่ยากหรอกค่ะ”
“แต่ผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนอื่น ผมต้องการแค่คุณ”
“แต่เคทไม่ต้องการคุณค่ะ หมดธุระของเคทแล้ว ลานะคะ” แคทเธอรีนควักเอากล่องเครื่องประดับที่ภูดิศเคยให้วางไว้ตรงหน้าเขาและลุกขึ้นเดินจากมาโดยไม่แม้แต่จะหันหลังไปมอง
“เคท เดี๋ยวก่อน เคท” ภูดิศวางเงินสดลงบนโต๊ะและรีบเดินตามหญิงสาวไปทันที
“โอ้ว ดูท่างานนี้จะจบไม่สวย” ปวินท์ที่หันมาเห็นตอนที่แคทเธอรีนสะบัดก้นเดินเชิดหน้าออกไปอดไม่ได้ที่จะบรรยายสิ่งที่เห็น
“เสียดายแทนหมอนั่นที่ทำของสวยๆ งามๆ หลุดมือ”
“ใครจะรู้ หมอนั่นอาจจะง้อเขาสำเร็จก็ได้นะ” ทรรศนัยพูดขึ้น
“ดูจากท่าทางแล้วกูว่าไม่ นางฟ้าแสนสวยของกูท่าทางเด็ดเดี่ยวเหมือนตั้งใจมาจากบ้านขนาดนี้ คงไม่หันกลับมาแน่”
“เห็นแค่นี้มึงรู้ขนาดนั้นเลยเหรอไอ้เอ้” ปวินท์แกล้งว่าเพื่อนที่พูดด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
“มึงเชื่อกูเหอะ สายตาอันแหลมคมของกูไม่พลาดหรอก”
“กูจะคอยดู แต่ถ้ามีข่าวว่าเขาคืนดีกันเมื่อไหร่ มึงต้องเลี้ยงเหล้ากู”
“ได้เลย ไม่มีปัญหา มึงไม่มีทางได้กินเหล้าจากกูเพราะเรื่องนี้แน่”
“พวกมึงนี่เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ รู้จักเขาก็ไม่รู้จัก”
“แล้วคนที่รู้จักคุณนางฟ้าแสนสวยอย่างคุณทรรศนัยคิดว่าไงครับ คิดว่าคุณเคทของกูจะคืนดีกับแฟนไหม” อินทัชถามเพื่อนที่นั่งวางมาดจิบเครื่องดื่มโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆ ที่ลอบมองมาเป็นระยะๆ
“กูจะไปรู้ได้ไง แค่รู้จักแต่ไม่ได้สนิทสนมจนถึงขั้นจะรู้นิสัยใจคอเขานี่ พวกมึงเลิกเสือกเรื่องชาวบ้านสักทีได้ไหม”
“เออ ไม่เสือกแล้วก็ได้ เพราะเจ้าตัวเขาไม่อยู่ให้เสือกแล้ว” อินทัชตอบแล้วยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน