ตอนที่ 7
"ยาย...บ้านเล็กหลังตึกนั่น เป็นบ้านใครเหรอจ๊ะยาย"
แพงขวัญถามผู้เป็นยาย ในขณะที่เดินผ่านบ้านหลังนั้นในตอนเช้า บ้านที่แพงขวัญหลงเข้าไปในคืนแรกที่มาที่นี่ และเข้าไปเห็นความลับของเจ้านายหนุ่ม ที่กระทำกับผู้หญิงหลายคนในบ้านหลังนี้
"เอ็งถามทำไม หรือว่าไปรู้ไปเห็นอะไรมาแล้วใช่ไหม"
ผู้เป็นยายหันมาทำเสียงดุใส่ เพราะรู้จักนิสัยอยากรู้อยากเห็นของหลานสาวเป็นอย่างดี
"จ้ะ " แพงขวัญจำต้องยอมรับเสียงอ่อย เพราะเธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง
"เฮ้อ! นังแพงเอ๊ย! เอ็งนี่นะ มันช่างสอดรู้สอดเห็นเสียจริง"
"ถ้าไม่รู้อะไรเลย หนูจะเอาข้อมูลที่ไหนมาช่วยคุณผู้หญิงล่ะจ๊ะ ยายเล่าให้หนูฟังได้ไหม หนูอยากรู้"
"เฮ้อ! บ้านหลังนั้นมันก็ฮาเร็มดีๆ นี่แหละ พวกผู้หญิงที่อยู่ในนั้น ก็แค่คนที่คุณผู้ชายเลี้ยงไว้บำบัดความใคร่เท่านั้นแหละ" ผู้เป็นยายกล่าว
"บำบัดความใคร่ เหรอจ๊ะ"
"ก็นางบำเรอนั่นแหละ นี่ก็เกือบจะปีแล้วที่คุณผู้หญิงเป็นทุกข์ใจเพราะนางพวกนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเธอเองก็ให้ความสุขกับสามีไม่ได้ จึงยอมให้คุณอรรถอยู่ในสายตาดีกว่าแอบไปกินที่อื่น แต่ก็อย่างว่าหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างคุณอรรถ อยู่ที่ไหนก็มีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา อยู่บ้านมีนังพวกนี้ อยู่ที่ทำงานก็ยังมีแม่เลขาสาวนั่นอีก นึกแล้วก็สงสารคุณผู้หญิงเสียจริง ถ้าไม่ใช่เพราะโรคร้ายที่เป็นอยู่ เธอคงจะมีความสุขกับคุณอรรถและลูกๆ อย่างที่หวังเอาไว้ แพงเอ๊ย...ต่อไปเอ็งก็จงตั้งใจ สานต่อความหวังของคุณผู้หญิงให้สำเร็จให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นเอ็งเองก็คงลำบากไม่แพ้กัน"
แพงขวัญพยักหน้ารับคำผู้เป็นยายอย่างเชื่อฟัง หลังจากนี้เธอจะต้องทำให้เจ้านายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ตกลงมาในหลุมพรางร้อยเล่ห์ของเธอให้ได้ แม้ในใจลึกๆ จะนึกกลัวแทบตาย แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าหมองเศร้าของเจ้านายสาวแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้เช่นกัน
"หนูแพง คุณอรรถให้มาตามไปที่ห้องหนังสือ"
แพงขวัญถึงกับหันไปมองหน้าผู้เป็นยาย เมื่อคนขับรถของเจ้านายหนุ่ม มาแจ้งว่าเขาต้องการพบเธอ สาวน้อยรู้สึกหวั่นใจ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ ว่าเจ้านายหนุ่มพยายามรุ่มร่ามกับเธอขนาดไหน ถ้าเป็นก่อนนี้เธอคงไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับเขาแน่ แต่ตอนนี้แม้จะกลัวจนตัวสั่น เธอก็ต้องไป
แพงขวัญหยุดยืนอยู่หน้าห้องหนังสืออย่างชั่งใจ ไม่รู้วันนี้เธอจะเจอกับเรื่องน่าตกใจอะไรอีก แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเธอคงไม่คิดที่จะถอยกลับแน่นอน สาวน้อยเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะมองเห็นเขาที่นั่งมองมาทางเธอ เหมือนกำลังรอเธออย่างใจจดใจจ่อ
"มาแล้วเหรอ?" เขาเอ่ยถาม
"คุณอรรถมีอะไรจะใช้หนูเหรอคะ" สาวน้อยกล่าว พลางก้มหลบสายตาคม
"ไม่ได้จะใช้หรอก ฉันแค่เรียกมาเอารางวัล ที่สัญญาว่าจะให้เมื่อวาน มารับไปสิ"
แพงขวัญเหลือบไปมองถุงกระดาษสวยหรู ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ของรางวัลดูท่าจะแพงเอาการ แม้เธอจะรู้สึกแบบนั้น แต่ก็เดินเข้าไปรับโดยไม่ปฏิเสธใดๆ
"แกะดูสิ"
แพงขวัญมองหน้าเจ้านายหนุ่ม พลางบรรจงแกะกล่องสุดหรูหรา แค่โลโก้แบรนด์ที่ดูแปลกตา ก็พอรู้แล้วว่ามันต้องแพงมากแน่ๆ กล่องสวยหรูถูกแกะและเปิดออก ทันทีที่เห็นสิ่งของที่บรรจุด้านใน สาวน้อยก็ถึงกับหน้าแดงไปถึงใบหู มันคือชุดชั้นในลูกไม้บางๆ มีทั้งสีแดงและดำสลับกัน แค่มองปราดเดียวก็รู้ ว่าชุดนี้ไม่ได้มีไว้ใส่ให้เสื้อผ้าชิ้นอื่นสวมทับ แต่มีไว้สำหรับใส่ทำกิจกรรมบางอย่างเสียมากกว่า
"ชอบไหม? "
สายตาคมจ้องมองมาที่เธอ ด้วยแววตากรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ แพงขวัญรู้สึกอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
"ฉันอยากให้เธอลองใส่ว่าพอดีไหม ถ้าไม่พอดีฉันจะได้เอาไปเปลี่ยนให้"
"หนูรับไว้ไม่ได้ค่ะ หนูขอคืน"
เมื่อเห็นสาวน้อยทำท่าจะวางของที่ตนให้ อรรถชัยถึงกับลุกพรวดจากเก้าอี้ ก่อนจะย่างสามขุมมายืนประจันหน้าแพงขวัญทันที สาวน้อยตกใจมากกับท่าทีที่รุกหนักของเขา
"ถ้าผู้ใหญ่ให้ของ ตามมารยาทแล้ว เด็กต้องรับไว้ไม่ควรปฏิเสธ"
"แต่หนูไม่เคยใส่อะไรแบบนี้ค่ะ"
"ไม่เคยใส่ ก็ลองใส่ดูไม่เสียหายนี่ ถ้าใส่แล้วไม่ชอบฉันจะไม่บังคับให้เธอรับไว้เลย"
แพงขวัญจ้องมองนัยน์ตาเขา เธอยอมรับว่าพ่ายแพ้ต่อสายตาคมกริบคู่นี้ ถ้าเขาอยากให้เธอใส่นักเธอก็จะใส่ตามใจเขา เจ้านายหนุ่มจะได้ไม่มารบเร้ากวนใจเธออีก
"จะให้หนูใส่ตอนนี้เหรอคะ แค่ลองสวมใช่ไหมคะ?"
"ใช่...แค่ลองสวม"
ร่างบางถือถุงของรางวัลเดินเข้าไปหลังชั้นหนังสือ เธอเลือกชั้นหนังสือที่อยู่ลึกที่สุด เพื่อใช้เป็นที่กำบังร่างกายจากสายตาคมของเขา ก่อนจะแกะเอาชุดชั้นในที่เขาซื้อให้ออกมาเปลี่ยน แต่มันน่าแปลกใจมากก็ตรงที่ ขนาดชุดที่เขาซื้อมามันเป็นขนาดที่เธอใส่ได้พอดิบพอดีเลย พอใส่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แพงขวัญก็ตะโกนบอกเขา เพื่อให้เขารู้ว่าเธอใส่ได้พอดีไม่ต้องเปลี่ยน
"หนูใส่แล้วนะคะ! ใส่ได้พอดีค่ะ! "
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มจะถอดมันออก เพราะรู้สึกเขินตัวเองมาก แต่ไม่ทันได้ถอดมันออกจากร่าง ก็มีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้นกับแพงขวัญ เมื่ออยู่ๆ ชั้นในชิ้นน้อยที่สวมใส่อยู่บนร่าง ก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมา
"เฮือก! คุ..คุณอรรถ นี่คุณ..."