เสียงโหวกเหวกโวยวายจากภายนอกบ้าน และกลิ่นควันคละคลุ้งไปทั่วห้องนอนของหญิงสาว ความวุ่นวายทั้งหมดนี้ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เมื่อลืมตาขึ้นมาพบว่าตอนนี้ตรงหน้าเธอคือเปลวไฟที่กำลังลุกท่วมหนัก พร้อมทั้งเขม่าควันมากมายที่ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก จนต้องเอาผ้ามาปิดจมูกไว้
นิชาดา สว่างพัฒนา หรือ นีล พยาบาลสาว อายุยี่สิบเจ็ดปี ใช้ประสบการณ์การเอาตัวรอดทั้งหมดที่เคยร่ำเรียนมาในการพยายามพาตัวเองออกจากห้องนอน อาศัยจุดที่เปลวไฟยังลุกลามมาไม่ถึง และแทรกตัวออกจากห้องนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว แม้จะอันตรายแค่ไหน แต่นาทีนี้หญิงสาวไม่ได้ห่วงหรือกลัวอะไรอีกแล้ว เมื่อตอนนี้คนที่เธอห่วงที่สุดกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
“น้องนนท์ ลูกแม่มาแล้ว แอะๆ” นิชาดาไอเพราะควันที่ลอยคลุ้งมากับอากาศ ขณะรีบพาตัวเองเข้าไปที่ห้องนอนของน้องนนท์ หรือเด็กชายนันทภัทร วัยสี่ขวบ ที่ตอนนี้กำลังนั่งร้องไห้อยู่ด้วยความหวาดกลัว
“แม่ครับ ช่วยน้องนนท์ด้วยครับ” เด็กชายหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู ร้องออกมาด้วยความหวาดหลัว พยายามจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปหาผู้เป็นแม่
“ไม่ต้องออกมาลูก เดี๋ยวแม่เข้าไปช่วยเอง นั่งอยู่ตรงนั้นก่อนนะลูก” นิชาดาพูดด้วยความห่วงใยลูกชายสุดที่รัก ปกติแล้วเธอกับน้องนนท์จะนอนที่ห้องเดียวกัน แต่คืนนี้เป็นคืนที่เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับการทำงานเป็นพิเศษ ทำให้เผลอหลับไปในช่วงหัวค่ำระหว่างที่กำลังนั่งค้นข้อมูลเพราะอยากทำอาชีพเสริมหารายได้เพิ่มเติม และทิ้งน้องนนท์ไว้ที่ห้องนั่งเล่นคนเดียว หญิงสาวอยากจะต่อว่าตัวเองยิ่งนักที่ประมาททำให้น้องนนท์ต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้
“แม่ครับ น้องนนท์กลัว ฮือๆ” น้องนนท์ร้องออกมาด้วยความกลัว เมื่อไฟเริ่มลุกลามหนักขึ้นเรื่อยๆ เสียงภายนอกตัวบ้านก็เต็มไปด้วยผู้คน ที่ต่างพากันกุลีกุจอหนีตายออกไป
“ไม่ต้องกลัวนะ แม่มาแล้วครับ” นิชาดาหาจังหวะวิ่งเข้าไปกอดตัวลูกชายไว้แน่นด้วยความกลัวไม่ต่างกัน สภาพในตอนนี้ทำให้รู้ว่ายากเหลือเกินที่เธอจะเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์เช่นนี้ไปได้ แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเด็กชายที่เป็นเหมือนดวงใจของเธอ หญิงสาวก็คิดได้ว่าเธอจะไม่มีวันทิ้งชีวิตของน้องนนท์เด็ดขาด และเธอจะดูแลน้องนนท์เท่าชีวิตของเธอ
“มาลูก เราออกไปจากที่นี่กัน” นิชาดาฮึดสู้อีกครั้ง ไม่สนใจว่าตัวเองจะได้รับอันตราย เธอตายได้ แต่ลูกต้องรอด ก่อนจะอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมกอด “ดวงใจของแม่ ไม่เป็นไรแล้วนะน้องนนท์” ในเมื่ออยู่ก็ตาย อย่างน้อยเธอควรลองเสี่ยงหาทางรอดให้ตัวเองกับลูก
“แคกๆ” น้องนนท์สำลักควันออกมาก่อนจะกอดผู้เป็นแม่ไว้แน่น “นนท์กลัวครับ” เด็กชายสะอื้น
“เอามือปิดจมูกไว้นะครับ อดทนหน่อยนะ แม่สัญญาว่าน้องนนท์ต้องปลอดภัย”
“กรี๊ด!” นิชาดาร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อของในบ้านเริ่มล้มระเนระนาด เพราะถูกไฟไหม้เสียจนยับเยิน
“น้องนีล พี่มาช่วยแล้ว” เสียงคนคุ้นเคยทำให้นิชาดาเริ่มมีความหวังอีกครั้ง ทั้งที่เปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตของเธอกับลูกชายเริ่มเหลือน้อย
“พี่กร! ช่วยนีลกับลูกด้วยค่ะ” นิชาดาตะโกนตอบกลับกรกฤษ เพื่อนบ้านที่เธอรู้จักและคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนาน ชายหนุ่มเป็นรุ่นพี่เธอเกือบสิบปี แต่ถึงอย่างนั้นนิสัยใจคอของกรกฤษก็นับได้ว่าทันสมัย และเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่องจนเรียกได้ว่าเขาถือเป็นหนึ่งในความสบายใจของเธอเลยก็ว่าได้
“นีล เดี๋ยวพี่ส่งน้ำให้นะ นีลราดตัวเองกับน้องนนท์ให้เปียกแล้วค่อยๆ หาทางออกมานะ” กรกฤษพูดขึ้นด้วยความห่วงใยสองแม่ลูก ก่อนจะส่งถังน้ำสองใบที่เขาถือเข้ามาให้หญิงสาว แม้จะห่างกันเพียงนิดเดียวแต่กรกฤษก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือเธอได้ เพราะเปลวไฟเริ่มลามหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงได้แต่รวบรวมสติ ยื่นมือส่งถังน้ำให้เธออย่างรวดเร็ว
นิชาดารับถังน้ำมาก่อนจะจัดการราดใส่ตัวตนเองและน้องนนท์อย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้เปียกโชกแล้วหญิงสาวจึงรีบหาช่องทางในการเอาตัวรอดออกจากบ้านหลังนี้ด้วยความมีสติ บอกตัวเองว่า
‘น้องนนท์ต้องรอด’
“ทางนี้นีล เร็วเข้า ไฟยังลามมาไม่ถึง” กรกฤษตะโกนบอกหญิงสาวทันทีเมื่อเห็นว่ายังพอมีจุดที่สามารถเอาตัวรอดออกมาได้
“พี่กร ช่วยรับน้องนนท์ที” นิชาดารีบวิ่งไปตามทางที่ชายหนุ่มบอก ก่อนจะส่งน้องนนท์ให้ชายหนุ่มพาออกจากบ้านก่อน และเธอก็รีบพาตัวเองออกมาในทันที
ทั้งสามคนรีบวิ่งออกจากบ้านที่ตอนนี้ไฟเริ่มลามเสียจนไม่เหลือที่ให้ว่างเว้น ทันทีที่หญิงสาวออกจากบ้านมาได้เธอก็อุ้มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้ในอ้อมกอดดังเดิม เธอคิดภาพไม่ออกเลยว่าหากเธอต้องสูญเสียน้องนนท์ไปชีวิตของเธอคงอยู่อย่างทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับลูก เราปลอดภัยแล้ว” นิชาดากอดลูกชายแน่นด้วยความรักใคร่และโล่งอก
“แม่ครับ น้องนนท์กลัว” น้องนนท์ร้องไห้จ้าออกมาด้วยความกลัวตามประสาเด็ก ด้วยอายุยังน้อยและไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคืออะไร แต่ที่แน่ๆ น้องนนท์รู้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องอันตราย และทำให้ผู้คนแตกตื่นออกมาดูกันมากมาย
“นีลไม่เป็นอะไรใช่ไหม” กรกฤษเอ่ยถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงในตัวหญิงสาวและเด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูที่เขาเองก็ชอบหยิกหยอกแกเสมอ
“นีลไม่เป็นไรค่ะพี่กร ขอบคุณพี่กรมากนะคะที่มาช่วยนีลกับลูก” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยความซึ้งใจ ก่อนจะมองไปที่บ้านของตัวเองที่ตอนนี้ถูกไฟคลอกเสียไม่มีชิ้นดี ทั้งหมดที่ครอบครัวของเธอได้สร้างขึ้นมาได้พังทลายไปต่อหน้าต่อตา นาทีนั้นเธอตกใจเสียจนคิดถึงแต่น้องนนท์ จนลืมหยิบข้าวของมีค่าที่ยังพอหลงเหลืออยู่ออกมาจากบ้าน และตอนนี้เธอได้แต่ยืนดูทุกอย่างถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา