สตรีวัยห้าสิบเอ็ดปียืนหน้าเครียดต่อรองกับคนขับรถและหัวหน้าแม่บ้านตรงประตูห้องพักผู้ป่วยวีไอพี นับตั้งแต่ความลับของเธอถูกเปิดเผย พรหัวหน้าแม่บ้านตลอดจนคนงานอื่นๆ ในบ้านของจารีย์ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไป สายตามองชังหยามเหยียด คำพูดก็ไม่ให้เกียรติเช่นแต่ก่อน แต่ทั้งหมดนี้รสรินไม่คิดใส่ใจ คนเดียวที่แคร์คือผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องพัก
“ขอร้องล่ะ ให้ฉันเข้าไปเยี่ยมรีย์เถอะนะ แค่ห้านาทีก็ยังดี”
“คุณวีร์สั่งไว้เด็ดขาดแล้ว ยังไงก็ห้ามคุณเข้าไป” พรผู้อยู่ในช่วงวัยเดียวกับรสรินเท้าเอวปั้นหน้าเหวี่ยง “ไม่เข้าใจเลยทำไมคุณถึงทำได้ลงคอ อิฉันก็เห็นคุณมาตั้งนาน ดูเป็นคนที่จริงใจกับคุณผู้หญิงมากในบรรดาเพื่อนๆ ของท่าน ฉันอยู่กับคุณผู้หญิงมานานเป็นยี่สิบปี ดังนั้นความเกลียดความชังที่มีต่อคุณมันก็มากตามไปด้วย ทำได้ลงคอนะ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย”
“ฉันรู้ว่าผิด ฉัน...”
“กลับไปได้แล้ว” เสียงทุ้มห้าวอยู่ในระดับราบเรียบ แต่แฝงความเยียบเย็นชวนขนหัวลุก รสรินหันไปเผชิญหน้ากับบุตรชายของเพื่อนที่เดินหน้าเข้มเข้ามา
“วีร์ป้าขอร้องนะ ป้าอยากขอโทษแม่วีร์จริงๆ”
“ขอโทษไปก็เท่านั้น ในเมื่อคุณทำทุกอย่างพังเอง ปล่อยให้จบโดยที่ต่างฝ่ายต่างหายไปจากชีวิตของกันและกันเถอะ อย่าเสนอหน้าไปให้แม่ผมช็อกอีก”
น้ำตาไหลอาบใบหน้าที่ประปรายด้วยริ้วรอยตามวัย รสรินเอื้อมจับแขนปรวีร์หวังร้องขอ แต่ชายหนุ่มสะบัดออกทันที “ถ้าต้องแยกจากกันจริงๆ ก็ขอให้ได้พูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม”
“คำตอบคือไม่ได้ครับ” ลูกชายผู้ป่วยตอบโดยไม่หยุดตริตรองแม้เพียงเสี้ยววินาที ปรวีร์กำลังจะเอ่ยไล่รสรินซ้ำสองแต่เสียงโทรศัพท์ของตนดังขึ้น หมายเลขที่ปรากฏเป็นของบุคคลที่อยู่ในห้องพักวีไอพี ปรวีร์กรอกเสียงตอบรับและเงียบฟังอย่างขัดใจก่อนกดวางสาย
“แม่ให้คุณเข้าไปได้ แต่ผมให้แค่สิบนาทีเท่านั้น”
“ขอบใจมากวีร์” รสรินปาดน้ำตาพลางยิ้มอย่างดีใจ ก่อนผลักประตูเข้าไปโดยมีปรวีร์ตามหลังมา
จารีย์กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงผู้ป่วยสีขาว ดวงหน้าที่หันไปทางม่านหน้าต่างเบือนกลับมามองอดีตเพื่อนรักด้วยสายตาไร้ความรู้สึก ก่อนหันไปพูดกับลูกชาย
“แม่ขอคุยกับเขาตามลำพังก่อนนะ”
“แต่ผมกลัวแม่ช็อกอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก” จารีย์ยืนยันหนักแน่นในความประสงค์ ปรวีร์จึงออกไปจากห้องพักอย่างขัดใจ
ความเงียบเข้าครอบคลุมบรรยากาศระหว่างกัน จารีย์ยังใช้สายตาไร้ความรู้สึกทอดมองอีกฝ่ายที่น้ำตาไหลพราก รสรินขยับเข้ามาชิดขอบเตียง ริมฝีปากยังไม่ทันได้อ้าเอ่ยอะไร ฝ่ามือสั่นเทาของคนป่วยก็ฟาดใบหน้าเลอะน้ำตาจนหันไปอีกทาง
“ที่ผ่านมาเธอรู้สึกยังไงเหรอเวลาฉันระบายเรื่องสามีนอกใจให้ฟัง ตั้งแต่ตอนเราสาวๆ ฉันปรึกษาเรื่องเขากับเธอตลอด จนวันหนึ่งมันก็ด้านชาไปเอง อยู่กินกันอย่างปล่อยวาง ไม่รู้สึกหึงหวงอะไรอีก” จารีย์กัดฟันพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา “ฉันเดาว่าเธอคงหัวเราะเยาะในใจ เมียหลวงปรึกษาเรื่องเมียน้อยกับเมียน้อยอีกคนที่อยู่ในคราบเพื่อนสนิท”
“ไม่จริงเลย ฉันไม่เคยหัวเราะเยาะเธอ รู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่าที่โง่งมไม่รู้ผิดรู้ชั่ว ฉันไม่ได้หวังแย่งเขาเลยนะ แต่ฉันรักเขา”
“รักเหรอ? เขามีดีอะไรนอกจากหน้าตาและสมบัติ อะไรทำให้เธอหลงผู้ชายเฮงซวยได้หัวปักหัวปำขนาดนี้ เลือดเย็นกันมากนะสวมเขาให้ฉันมาตั้งสิบปี กับคุณวัชสามีเธอที่ซื่อสัตย์ขยันทำงาน เขาเป็นคนดีขนาดนี้แต่เธอก็ยังทรยศ และหันมาปันรักให้สามีเฮงซวยของฉัน”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้เลย” สองมือของรสรินกำรอบขอบเตียงแน่นหากไม่ทำเช่นนั้นคงทรุดนั่งร่ำไห้อย่างหมดแรง
จารีย์ไม่ยอมใจอ่อนในขณะเดียวกันก็ไม่คิดสานต่อให้รอยร้าวมันระแหงไปมากกว่านี้ ตลอดชีวิตที่ล่วงเลยมาจนถึงช่วงบั้นปลายเธอตกตะกอนได้หมดจดว่าอะไรควรยึดถือหรือเหวี่ยงทิ้งลงน้ำ
“ความเป็นเพื่อนของเรามันจบตั้งแต่วันนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ส่วนความสัมพันธ์ของเธอกับชายชู้ฉันไม่ยุ่ง อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
เธอปล่อยสามีให้เลี้ยงดูปูเสื่อเมียน้อยมาตั้งมาก จะเป็นไรไปหากรวมรสรินอยู่ในนั้นด้วยอีกราย แม้จารีย์ปั้นใจให้แกร่งแสร้งว่าไม่รู้สึก แต่ลึกๆ แล้วเจ็บจนกระอัก เธอคิดว่าปพนน่าจะมีใจให้รสรินไม่มากก็น้อย เพราะรสนิยมเขานั้นชอบเด็กสาว ผู้หญิงที่เลี้ยงดูลับๆ อายุไม่เกินสามสิบห้าสักราย แต่นี่รสรินผู้อยู่ในวัยเดียวกับเธอแต่กลับพลอดรักกันมานานนับสิบปี
แต่ช่างสิ ใครสนความรักบ้าๆ ของผัวเฮงซวยกัน
“ฉันขอโทษนะรีย์ ขอโทษจากใจ” รสรินพนมมือสั่นเทาแนบอก กดศีรษะจรดนิ้วชี้กับปลายจมูก “นับแต่นี้ไปฉันก็คงไม่มีหน้ามาพบเธออีก ฉันได้บทเรียนแล้ว”
“ทำดีมาทั้งชีวิตแต่ดันมาเสียคนตอนแก่นะรส นิยายรักดราม่าของเธอกับคุณวัชสุดท้ายก็ไม่แฮปปี้เอนด์ดิ้งอย่างที่เล่า อุตส่าห์หนีตามกันมา ถึงขั้นตัดพี่ตัดน้องท้องเดียวกัน ยังจำได้อยู่ไหมที่เธอบอกว่าเขาเป็นรักแรก รักเดียวและรักสุดท้าย” จารีย์แค่นเสียงมองเหยียด “กลับไปนอนคิดทบทวนถึงอดีตของเธอกับสามีนะ นึกย้อนวันวานตอนเล่าที่มาที่ไปความรักของเธอกับเขาอย่างหวานชื่น แล้วก็ช่วยกระดากอาย สมเพชเวทนาตัวเองกับการกระทำที่เป็นอยู่ ชีวิตของเธอต่อจากนี้ขอให้พบแต่ความสุขล่ะกัน ฉันไม่บอกผัวเธอหรือหนูฝนหรอก แต่ขอให้เวรกรรมตามติดเป็นเงา...ออกไปได้แล้ว”
รสรินสะอื้นในอกมองเพื่อนรักคนเดียวในชีวิตที่คบหากันตั้งแต่ครั้งที่เธอกับสามีหนีมาอยู่เมืองกรุง จารีย์คือคนที่จริงใจกับเด็กบ้านนอกอย่างรสริน ให้คำแนะนำ สอนอะไรหลายอย่างกับการใช้ชีวิตในสังคมคนรวย
วันนี้มิตรภาพที่สวยงามจืดจางกลายเป็นภาพสีเทาอย่างรวดเร็ว รสรินก้มหน้าเดินคอตกออกไปจากห้องพัก ใจจริงไม่อยากเสียจารีย์ไป แต่บาดแผลเหวอะหวะที่เธอกรีดหลังเพื่อน ต่อให้ใช้ยาวิเศษทาสมานก็ไม่สามารถรักษามิตรภาพนี้ได้อีก