อยากเคี้ยวจนไม่อยากคาย (1)

1837 คำ
เมื่อแรกไม่ยินยอมแต่ขัดขืนไปก็ใช่สำเร็จ ปรวีร์ดึงดันจะเอาให้ได้ฝนแก้วต้านทานไปก็เหนื่อยเปล่า สุดท้ายก็ยอมผ่อนอารมณ์ไปตามเพศรสที่เหนือขั้นกว่าเมื่อคืน แม้สุขสมประหนึ่งได้ลอยล่องแตะชั้นบรรยากาศโลก แต่ใช่จะยอมให้เขาได้ใจเสมอไป ทาสสวาทอนุญาตให้เสร็จสมเพียงครั้งเดียวก่อนหนีเข้าห้องน้ำ ปรวีร์ตามเข้าไปสำเร็จแต่ยอมรามือไม่ทำอะไรหล่อน ต่างคนต่างหันหลังอาบน้ำ “คุณวาทีวันนี้มีอะไรด่วนไหม เช็กให้หน่อยสิ” ปรวีร์สวมชุดคลุมอาบน้ำเสร็จก็กดโทร.หาเลขาฯ พลางเหล่มองฝนแก้วที่กำลังหยิบเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขามาสวม “วันนี้ไม่มีงานด่วนครับ ไม่มีประชุมหรือนัดลูกค้าที่ไหน” “งั้นวันนี้ผมไม่เข้าบริษัท ขอ Work from home มีอะไรก็แจ้งมาล่ะกัน แค่นี้แหละ” ฝนแก้วหันขวับกลับไปมอง ย่นคิ้วไม่พอใจกับสิ่งที่เขาสนทนากับปลายสาย “งานการไม่รู้จักทำ ไหนเมื่อกี้บอกจะเข้าบริษัท” “เปลี่ยนใจแล้ว หลงเมียเด็ก ยั่วโมโหเก่งดี เห็นแล้วมันเขี้ยว อยากเคี้ยวจนไม่อยากคาย” “อย่ามาเรียกว่าเมีย ฝนเป็นแค่นางบำเรอชั่วคราว หมดหน้าที่แล้วเราจะไม่เจอกันอีกตลอดไป” “ตลอดไปเลยเหรอ” “ค่ะ หลังจากนี้ไปฝนจะมูฟออน กับพี่กันต์ก็คงไม่ได้รีเทิร์น ถึงอยากรีก็อาจต้องรอไปก่อน ในระหว่างนี้ลองหาแฟนใหม่ดูสักคนดีกว่า ไม่ต้องเป็นคนดีมากก็ได้ คบไปวันๆ พอแก้เหงา” “เหงามากเหรอ เหงาอะไร ถ้าร่างกายเหงามาให้พี่ช่วยก็ได้นะ” “ไม่ค่ะ พอครบเจ็ดวันคายทิ้งก็จะไม่กลับไปกินอีก” ใบหน้าหล่อเข่นเขี้ยวโมโห เธอมันยั่วเก่งจริงๆ ปลายเท้าสาวเข้าไปแต่ไม่ทันคว้าตัวมาจัดการ เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวที่วางทิ้งนอกห้องก็กรีดร้องขัดขึ้น ฝนแก้วเบิกตาโตเมื่อตระหนักถึงเรื่องสำคัญก่อนวิ่งปรื๋อออกไป ร่างสูงรีบสาวเท้าตามติดๆ ไม่คิดชะล่าใจกลัวหล่อนแวบหายเข้าลิฟต์อีก “แม่โทร.มาจริงๆ ด้วย” ฝนแก้วยังไม่กดรับสายทันที ดวงตาเจือกังวลหันไปขอความเห็นจากร่างสูงที่ปรากฏยิ้มหยันมุมปาก ฝนแก้วเคยชอบยิ้มร้ายกร้าวใจของปรวีร์ ยกเว้นก็ตอนที่เขาใช้กับเธอ “จะให้ฝนบอกแม่ไหมว่าพี่วีร์จับฝนมา” “บอกได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้” “แล้วตอนนี้ให้ฝนทำยังไงคะ ฝนไม่ได้กลับบ้านทั้งคืนต้องโดนคาดโทษหนักแน่” “โกหกสิสาวน้อย” สิ้นสุดคำแนะนำที่ไม่ช่วยอะไรพร้อมฝังรอยจูบที่หน้าผาก ก่อนหันหลังไปทางเคาน์เตอร์ครัว ดีจริงๆ จับเธอมาพรากพรหมจรรย์ กัดกินมุมมามเอาแต่ใจ สุดท้ายก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรสักอย่าง ปรวีร์เหลือบมองหญิงสาวที่ฝากสายตาอาฆาตตามมา “โกหกให้ดีนะ ถ้าไม่อยากให้พี่ใช้แผนสองประจานแม่เธอ” ดวงตาสีสนิมวางค้อนวงโตก่อนสูดหายใจลึก พร้อมกรอกเสียงหวานกังวานใส “สวัสดีค่ะคุณแม่” “ฝน หนูออกไปไหนแต่เช้า ปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอลูก แล้วเมื่อคืนกลับกี่ทุ่มกี่ยาม พอดีแม่กินยาคลายเครียดเข้าไปเลยนอนไวน่ะ” ฝนแก้วกัดริมฝีปากจนห้อเลือด เธอไม่เคยเถลไถลแบบนี้ ไม่เคยต้องหาเรื่องปดมารดา ความเงียบทิ้งช่วงให้รสรินรอคำตอบอยู่นาน กระทั่งไร้วี่แววว่าลูกสาวจะพูดจึงกระแอมเสียงดุ “ฝนแก้วเงียบทำไม มีอะไรหรือเปล่า” “เอ่อ เปล่าค่ะ คือว่า...คือ...คือฝนไม่กล้าบอกแม่ว่าฝนหนีมาเที่ยวที่...เอ่อ สมุยค่ะ” “หา!? สมุย นี่มันอะไรกันยัยฝน โกหกแม่หรือเปล่า ทำไมอยู่ๆ ถึงไปปุบปับ กันต์บังคับพาไปเหรอ แม่บอกแล้วไงว่าให้อยู่ห่างจากกันต์ เดี๋ยวก็เป็นข่าวโดนด่าอีกหรอก” “เปล่าค่ะ ฝนมาคนเดียว พี่กันต์ไปถ่ายละครที่จีน คือว่าฝนแค่อยากลองทำอะไรใหม่ๆ แบบไม่ต้องวางแผน นึกปับปุบก็อยากไปเลยอะไรแบบนี้น่ะค่ะ ถือเป็นการใช้ชีวิตแบบใหม่ต้อนรับวันเกิดอายุ 21 ปีไงคะ” มันฟังดูสมเหตุสมผลอยู่ใช่ไหม...ก็คงใช่แหละ “แบบใหม่แบบเถลไถล แบบให้แม่เป็นกังวลน่ะสิ ฝนโกหกแม่หรือเปล่า ไหนเปิดกล้องคุยกันหน่อยสิ” “เอ่อ ได้ค่ะ แต่แป๊บนึงนะคะ” ฝนแก้ววางโทรศัพท์ไว้ตรงโซฟา หันรีหันขวางด้วยเสียงหัวใจเต้นระทึก ก่อนหลือบไปทางปรวีร์ที่ยืนกอดอกมองอยู่ ร่างบางวิ่งฉับไปหาพร้อมปลดสายเสื้อคลุมอาบน้ำ “เฮ้ยๆ แก้ผ้าพี่ทำไม” “ถอดก่อน ฝนขอยืมก่อน” ปรวีร์ไม่ขัดขืน แม้ไม่เข้าใจแต่ก็อยากรู้ว่าหญิงสาวจะทำอะไร ฝนแก้วแย่งชุดคลุมอาบน้ำสีขาวไปสวมวิ่งไปหยิบมือถือที่วางไว้ก่อนวิ่งต่อไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่ติดระเบียง เมื่อเลือกมุมปลอดภัยได้แล้วก็กดรับวิดีโอคอล ฉีกยิ้มแหยส่งให้มารดาที่ตาดุวาบ “ทาด้า! ฝนกำลังจะลงว่ายน้ำในสระของโรงแรมแหละค่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อหกโมงนี่เอง คุณแม่อย่าโกรธฝนเลยนะคะ ถือเป็นของขวัญวันเกิดของหนูก็ได้” ฝนแก้วพยายามแพนกล้องให้น้อยที่สุด วางองศาไม่สูงมากกลัวพลาดไปฉายวิวเมืองกรุงสูงระฟ้า “วันเกิดทั้งทีแต่เล่นหนีไปเที่ยวแบบนี้มันใช้ได้เหรอ แล้วนี่หนูไปกับใคร” “ไปคนเดียวค่ะ” “คนเดียว!? ไปเที่ยวไกลๆ คนเดียวเนี่ยนะ” “คุณแม่อย่าห่วงเลยค่ะ ฝนสัญญาว่าจะโทร.หาคุณแม่ทุกวัน จะดูแลตัวเองอย่างดี ไม่เที่ยวในที่อันตรายและไม่เที่ยวกลางคืนด้วย หนูแค่อยากมานอนเล่นรับลมทะเลก็แค่นั้น” “แล้วจะกลับเมื่อไหร่” รสรินเสียงอ่อนลงเมื่อลองมองมุมใหม่ มันอาจจะดีก็ได้ที่บุตรสาวอยู่ไกลหูไกลตาปรวีร์ “เดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” ฝนแก้วคะเนแล้วว่าไม่ควรบอกกำหนดวันที่แน่นอนตอนนี้ มิเช่นนั้นมารดาคงไม่ยอมสิ้นสุดการสนทนาง่ายๆ “ว่าแต่คุณแม่แต่งตัวดีแบบนี้จะออกไปไหนแต่เช้าคะ” “ไปเยี่ยมป้ารีย์น่ะลูก” “เยี่ยมเหรอคะ ป้ารีย์เป็นอะไรคะ” รสรินกระแอมเสียงส่ายหน้าหลบพิรุธ “เปล่าลูก แม่ใช้คำผิดน่ะจะบอกว่าไปหาป้ารีย์ที่บ้าน” “งั้นเหรอคะ ป้ารีย์สบายดีนะคะ” ฝนแก้วเบือนไปทางปรวีร์ที่ยืนเปลือยแสยะยิ้ม สีหน้าถมึงโกรธเช่นนั้นไม่ใช่สัญญาณที่ดีต่อใจฝนแก้วเลยสักนิด “สบายดีจ้ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะลูก ดูแลตัวเองดีๆ อย่าไปในที่อันตรายคนเดียวล่ะ และไม่ต้องบอกพ่อเขาล่ะว่าเราอยู่ไหน เดี๋ยวแม่บอกเอง ช่วงนี้พ่อเขามีแต่เรื่องเครียดๆ นี่เมื่อคืนก็ไม่กลับบ้านเลย ฝนไม่ต้องไปกวนพ่อนะ” ฝนแก้วพยักหน้ารับปากก่อนกดวางสาย วางโทรศัพท์ที่หน้าจอร้าวเป็นรากฝอยบนขอบสระ ความรู้สึกผิดที่โกหกมารดาระเหยหายเพียงชั่วพริบตาเมื่อฝนแก้วมองเห็นพิรุธเด่นชัดจากการสนทนาเมื่อครู่ ไม่จริงหรอก ต้องไม่ใช่อย่างที่ปรวีร์กล่าวหา คุณแม่กับป้ารีย์อาจมีปัญหากันจริง แต่ไม่ใช่ประเด็นชู้สาวแน่ ปรวีร์คงเข้าใจผิดไปเอง ฝนแก้วดึงขาขึ้นจากสระน้ำ ถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นคืนชีเปลือย “โกหกสำเร็จแล้วค่ะ ไม่น่าจะมีปัญหา” “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ไม่ใช่เธอฝ่ายเดียวที่โกหกเขา” มือหนากระชากรับเสื้อคลุมแล้วหมุนตัวกระแทกเท้าออกไปพร้อมกดโทรศัพท์ในมือต่อสายถึงหัวหน้าแม่บ้าน “ป้าพรอยู่โรงพยาบาลหรือเปล่า...ดีครับ ช่วยกันกับลุงริดห้ามไม่ให้รสรินเข้าเยี่ยมได้เด็ดขาด ถ้าป้าปล่อยเขาเข้าหาแม่ผมได้สำเร็จ ผมจะไล่ออกทั้งสองคน!” เสียงสั่งการกร้าวดังกระทบถึงหูฝนแก้วที่ยืนเคว้งอยู่ที่เดิม ปรวีร์ส่งกระแสเย็นชาผ่านสายตามาทางเธอ ก่อนหายไปจัดการตัวเองในห้องนอน ไม่นานนักก็เดินออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมด้วยเนคไทในมือจำนวนสองเส้น “พี่วีร์จะทำอะไรคะ” ฝนแก้วตกใจเมื่อถูกร่างสูงกระชากกลับไปที่ห้องนอน สองมือเล็กถูกรวบไว้ในระดับอกพร้อมส่งพันธนาการด้วยเนคไทสีฟ้าพันรอบข้อมือแน่นหนา ปรวีร์เงียบกริบแต่กรุ่นด้วยไอโกรธ จากนั้นก็ใช้อีกเส้นมัดข้อเท้าเธอไว้ “ทำแบบนี้ทำไม ฝนก็ไม่หนีแล้วไง ถ้าจะหนีก็ไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วสิ” “ยังไงก็ไม่ไว้ใจ อยู่ในสภาพนี้ไปก่อน แล้วจะรีบกลับมา” ปรวีร์ลงคำสั่งหนักแน่นก่อนหมุนตัวไปจากห้อง ฝนแก้วรีบตะโกนไล่หลังแม้นรู้สึกอยากร้องไห้เต็มแก่ก็ตาม “อย่าทิ้งฝนไว้นานนะ ฝนหิวข้าว ฝากเอาของขวัญของพี่กันต์ในรถฝนมาให้ด้วย ได้ยินไหมอะ!” ประตูห้องนอนกระแทกปิดอย่างแรง และตามมาด้วยเสียงกุกกัก ฝนแก้วเดาว่าเขากำลังล็อคกุญแจจากด้านนอก คิดว่าเธอจะมีปัญญาหนีไปไหน ดูสภาพที่ถูกมัดอยู่นี่สิ ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ อ่อนโยนเฉพาะตอนอยากนอนกับเรา สิ้นสุดกิจรักก็กระชากลากถูไม่สงสารกันบ้าง หากปรวีร์จะสังเกตสักนิดก็คงเห็นรอยแดงบนเนื้อตัวเธอยามถูกมือหนาทั้งบีบทั้งลาก เพราะเธอผิวบางเกินไปพอถูกลงแรงนิดหน่อยก็เป็นรอยง่าย และคนอย่างปรวีร์คงไม่ชินกับการต้องทะนุถนอมอะไรสักอย่าง ฝนแก้วหายใจเข้าออกด้วยจังหวะที่ผิดปกติเพราะกำลังฝืนกลั้นน้ำตาสุดแรง แต่จะห้ามไปทำไมในเมื่อคนไม่ชอบให้ร้องไห้เขาไม่อยู่แล้ว ฝนแก้วสะอื้นออกมาในที่สุด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เธอขอโทษให้เป็นความผิดของตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอจะปฏิเสธความสัมพันธ์ทางกายกับปรวีร์ เธอรักเขา อยากอยู่กับเขา ณ ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตฝนแก้วฝันอยากใช้ร่วมกับเขาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ไม่ใช่มีความเกลียดชังร่วมอยู่ด้วย เอาเถอะ เธอเลือกเอง เธอเลือกความโง่ที่เจ็บปวดนี้เอง เริ่มต้นปีที่ 21 ของชีวิตได้เยี่ยมยอดจริงๆ เลยฝนแก้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม