“ไอ๊หยา อาป๊าชะตาชีวิตช่างแสนลำบาก ทำไมอาป๊าอยากไปก็ไป แล้วจะให้หนูใช้ชีวิตยังไง…”
“อาป๊าพูดกับหนูสิ บ้านเรามีถนนทั้งหมดสองเส้นทาง เส้นหนึ่งกำลังซ่อมแซม อีกเส้นหนึ่งก็เกิดอุบัติเหตุจราจร ตอนนี้รถพยาบาลกับรถตำรวจรีบมาไม่ได้ หนูต้องทำยังไง!”
ผู้หญิงคนนี้ จู่ ๆ ก็ร้องไห้หนักขึ้นมา เมื่อเมิ่งเฟยได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจสั่นไปทั่วร่าง ราวกับอยู่ที่ห้องโถงไว้ทุกข์ก็ไม่ปาน เสียงร่ำไห้นี้ น่าเสียดายจริง ๆ ที่ไม่ได้ไปร้องเอ้อเหรินจ้วน(เล่นคู่ของจีน สับสนด้วยการเต้นและเพลงเก่า ๆ มีบทสนทนาและภาพร่างที่ตลกขบขัน)
ในขณะที่เมิ่งเฟยกำลังตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้ก็ชี้ต้นเหตุมาที่เขา “เป็นเพราะแก เป็นเพราะแกฆ่าอาป๊าของฉัน แกจะชดใช้ด้วยชีวิต หรือจะชดใช้ด้วยเงิน แกเลือกมา”
เมิ่งเฟยคนนี้ถูกปรักปรำ แต่ตอนนี้ก็อธิบายอะไรไม่ได้ อีกทั้งผู้หญิงคนนี้พูดอย่างชัดเจน จะช่วยชีวิตได้หรือไม่ได้ก็ต้องจ่ายเงิน แม้ปัญหาต่าง ๆ เขาไม่ได้เป็นคนก่อก็ตาม
ทว่า เมิ่งเฟยมีเงินที่ไหนกัน เงินนั่น ก็ให้จางเฉียงยืมอีก…
นอกจากนี้ ทั้งสองเรื่องนี้คนที่บ้านยังไม่รู้ หากแพร่งพรายออกไป ผลที่ตามมาจะต้องน่าเวทนาอย่างเปรียบไม่ได้!
......
สิบนาทีต่อมา ในที่สุดรถพยาบาลก็มาถึงจุดเกิดเหตุ มีบุคลากรทางการแพทย์สองสามคนมายกชายชราไปบนเปลหาม เตรียมส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพื่อดำเนินการช่วยชีวิตคนไข้
คนหลายคน ลงตึกไปด้วยกัน จากนั้นต่างก็พากันขึ้นรถพยาบาลไป ทุกคนนั่งที่กระโปรงท้ายรถ มีเพียงชายชราท่านั้นที่นอนอยู่ตรงกลาง
ในตอนนี้ ระยะเวลาจากที่ชายชราล้มลงจนถึงตอนนี้ ผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว ตอนนี้สีผิวของเขาแย่มาก ผิวเริ่มเย็นขึ้นมานิดหน่อยแล้ว สีหน้าก็ยิ่งแย่กว่าเดิม เจ้าหน้าที่พยาบาลก็เริ่มดำเนินการช่วยเหลือคนไข้ฉุกเฉิน
อันดับแรก บุคลากรการแพทย์ท่านหนึ่งเริ่มต้นด้วยการหยิบเครื่องมือออกมา จากนั้นเชื่อมต่อไปที่ร่างกายของชายชรา รวมถึงตำแหน่งข้อมือ ข้อเท้า หน้าอก เป็นต้น เมิ่งเฟยก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาทำเพียงดูอยู่ด้านข้าง และเจ้าหน้าที่รถพยาบาลอีกคน ก็หยิบเข็มฉีดยาออกมา เริ่มฉีดยากระตุ้นหัวใจให้กับชายชรา
เมิ่งเฟยยังคงมองดู เครื่องมือทางฝั่งนี้เป็นสายเส้นตรงเส้นหนึ่ง แม้เขาจะไม่เข้าใจ แต่ก็เคยเห็นในทีวี จะเห็นได้ว่าชายชราน่าจะไม่รอดแล้ว แต่พอฉีดยากระตุ้นหัวใจเข้าไป บวกกับวิธีการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่พยาบาล ชายชราดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเห็นสายเส้นตรงของเครื่องมือนั้นเริ่มเคลื่อนไหวเป็นคลื่น แต่การเต้นของหัวใจยังอ่อนแรงมาก
ภายในรถพยาบาล มีกันห้าคน คนหนึ่งคือชายชรา ที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้น อีกสองคนกำลังดำเนินการช่วยเหลือ มีเพียงเมิ่งเฟยและหญิงอวบอ้วนคนนั้นที่มองดูอย่างตกตะลึง…
ในเวลานี้ เมิ่งเฟยรู้สึกไม่สบายใจมาก ไม่ว่าชายชราจะเป็นอะไรหรือไม่ เขาก็มีแต่เสีย!
ทว่า ไม่ว่าจะเป็นยังไง เมิ่งเฟยก็หวังว่าเขาจะต้องรอด นี่ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเสียเท่าไร แต่มันเกี่ยวกับชีวิตคน ๆ หนึ่ง ชายชราก็เป็นคนดี หากไม่ไปรินน้ำให้เมิ่งเฟย เขาอาจจะไม่เป็นอะไร ดังนั้นเมิ่งเฟยจึงรู้สึกเศร้ามาก และคิดว่าตนเป็นคนทำร้ายเขาทางอ้อม
ในตอนที่เมิ่งเฟยกำลังตกอยู่ในภวังค์ บุคลากรทางการแพทย์สองท่านนั้นต่างก็ยอมแพ้ เพราะหลังจากผ่านการช่วยเหลือ บนเครื่องมือขึ้นเส้นตรงเพียงเส้นเดียว แม้เมื่อครู่จะเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การใช้ยา แต่ตอนนี้ ชายชราได้เสียชีวิตแล้วจริง ๆ
ทั้งสองถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และส่ายหัวเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่หญิงอวบอ้วนนั้นกลับเข้าใจดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอร้องไห้เสียงดังขึ้นมาทันที ก็เหมือนเมื่อครู่ ร้องไห้เสียงดังเหมือนฟ้าร้องแต่ไร้ฝน ต่อเนื่องราวสามนาที จากนั้นก็มองมายังเมิ่งเฟย ไม่เอ่ยอะไร เธอยื่นมือทั้งสองข้าง บีบไปที่คอของเขา
ต้องบอกว่า แรงของผู้หญิงคนนี้เยอะมาก โหดร้ายไม่มีสิ่งใดเปรียบ นั่นทำให้เมิ่งเฟยรู้สึกหายใจไม่ออก เขารู้สึกผิด ไม่อย่างงั้นคงผลักผู้หญิงคนนี้ออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ เมิ่งเฟยรู้สึกละอายใจมาก
“แกไอ้คนส่งของ ฉันจะฆ่าแก เพราะแกทำให้ป๊าสุดที่รักของฉันต้องตาย ถ้าไม่มีแก เขาจะต้องไม่ตาย แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต วันนี้ฉันจะบีบคอแกให้ตาย บีบคอแกให้ตาย…”
ผู้หญิงคนนี้ ยิ่งพูดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้น นั่นทำให้เมิ่งเฟยอึดอัด จนใบหน้าจากสีแดงกลายเป็นสีม่วง และเขาก็เริ่มหายใจไม่ออก หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาได้เป็นอันตรายแน่
โชคดี ท้ายกระโปรงรถยังมีอีกสองคน พอพวกเขาเห็นดังนั้น ก็รีบดึงหญิงอวบอ้วน
ออกไป เมิ่งเฟยรู้สึกโชคดีที่รอดพ้น
“พวกคุณอย่ามารั้งฉัน ฉันจะบีบคอมันให้ตาย มันฆ่าป๊าฉัน ฉันจะเอามันเข้าคุก…”
แม้ว่าเธอจะถูกดึงออกไป แต่ก็ยังร้องโวยวาย พอบุคลากรทางการแพทย์ทั้งสองเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ก็ได้แต่รั้งเธอไว้ตรงนั้น เพื่อป้องกันการเกิดเรื่อง ทว่าเมิ่งเฟย ลูบลำคอของตนเบา ๆ และสูดอากาศเพื่อหายใจ เบื้องหน้าเขาเห็นดาวค้างอยู่เต็มไปหมด
ในขณะนี้ พวกเขาเพิ่งผ่านการรับมือจากความรุนแรง จู่ ๆ รถพยาบาลก็หยุดลง เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ทั้งสองเห็นดังนั้น จึงรีบถามคนขับรถว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ด้านหน้าก็เกิดอุบัติเหตุการจราจรอย่างหนัก ตอนนี้รถไม่สามารถผ่านไปได้ ดังนั้นจึงต้องจอดรถอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อทราบสถานการณ์ ผู้หญิงคนนี้ยิ่งเพิ่มความบ้าคลั่ง ยังดีที่ถูกบุคลากรทางการแพทย์ทั้งสองรั้งไว้ ไม่งั้นเมิ่งเฟยคงไม่รอดแน่
“เอ่อ สวัสดีครับ ตอนนี้คนป่วยก็เป็นแบบนี้แล้ว ผมอยากลอง…”
แม้ว่าชายชราท่านนี้จะเสียแล้ว แต่เมิ่งเฟยยังคงอยากจะลองดู เพราะเมื่อครู่เขาได้ทำสมาธิ คาดการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายชรา แถมเขายังมีความเชื่อมั่นต่อคัมภีร์เยว่จั๋วมาก ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น แต่อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง แถมเป็นโรคเรื้อรัง เมื่อก่อนไปโรงพยาบาลใหญ่ ๆ หลายแห่ง ต่างก็รักษาไม่หาย แต่หลังจากรักษาผ่านเข็มเซียนเและคัมภีร์เยว่จั๋ว ไม่คิดว่าจะรักษาหายขาดราวกับปาฏิหาริย์
นี่มันมโนภาพอะไรกัน ไม่ต้องคิดก็สามารถรับรู้ได้ ไหนจะบนตัวของเมิ่งเฟยยังเกิดเรื่องราวอย่างน่าอัศจรรย์ ฉะนั้นเขามีเหตุผลที่จะเชื่อ ว่าตัวเขาเองน่าจะมีความสามารถนี้
เพียงแต่ เขาไม่เคยลองรักษาคนภายนอก ฉะนั้นจึงไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
“ลอง? คุณอยากลองอะไร? ”
ผู้พูด เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่พยาบาล เขาเป็นหมออายุรกรรมที่มีประสบการณ์มากมาย ประกอบอาชีพมานานกว่ายี่สิบปี เป็นหมอที่มีชื่อเสียงมากในเจียงเฉิง และเป็นผู้เชี่ยวชาญมาก แต่ขณะที่ได้ยินเมิ่งเฟยเอ่ยแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไป และยิ่งไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดมันหมายถึงอะไร
เมิ่งเฟยไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ยิ่งเขาสามารถเห็นมัน เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะมาทำอะไรแบบนี้ นี่มันน่าขำสิ้นดี
ทว่า เมิ่งเฟยกลืนน้ำลาย และมองไปยังหมอท่านนี้ “เอ่อ ผม เมื่อก่อนผมเคยอ่านตำรามานิดหน่อย เคยเรียนเทคนิคมาบ้าง ผมอยากลองช่วยเขา”
เมิ่งเฟยเอ่ยอย่างจริงจัง แต่หมอท่านนั้นก็ทนไม่ไหว ระเบิดหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ” อีกท่านด้านข้างก็เช่นกัน ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “พ่อหนุ่ม คุณอย่าวุ่นวายเลย นี่มันไม่ดูโง่เง่าไปหน่อยเหรอ คน ๆ นี้เขาตายไปแล้ว เครื่องมือและยารักษาเขาไม่ได้ คุณยังอยากจะลอง ลองอะไร ถ้าจัดการกับปัญหาตรงนี้เสร็จแล้ว ก็ไปส่งพัสดุของคุณเถอะ”
“อีกอย่างนะ คุณรู้ไหมว่าท่านนี้คือใคร?เขาคือคุณหมอเจี่ยง เทียนเจี่ยง หมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเจียงเฉิง ถ้าเขารักษาไม่หาย ใครรักษาก็ไม่มีประโยชน์ รู้ไหม?ว่านี่เป็นความเมตตาจากคนเป็นหมออย่างเขา ไม่งั้นคงไม่ตามรถพยาบาลออกมาหรอก เข้าใจนะ?เอาล่ะ ตอนนี้คุณไม่ต้องคิดอะไรแล้ว รีบเตรียมตัวว่าจะเจรจากับพี่สาวคนนี้ยังไงดีกว่านะ!”