“ แล้วถ้าเกิดหนูสัมภาษณ์ไม่ผ่านละคะ ”
“ ถ้าสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ก็กลับมาดูแลแขกธรรมดา ไม่ได้มีอะไรเสียหายและไม่เสียโอกาสจุดนี้ ”
นับดาวทำหน้าคิดซักพัก
“ แล้วผู้จัดการคิดว่าหนูน่าจะผ่านไหมคะ สเปคของพีอาร์ดูแลแขกวีไอพี ต้องประมาณไหน”
“ เอาจริงหน้าตาผ่านแล้วนะ ทรวดทรงองเอวใช้ได้หมดเลย แต่อย่างที่ผมบอกว่าจะต้องให้เจ้านายเป็นคนคัดเลือก แล้วแต่นะตัดสินใจเอง
แต่คนที่ได้ไปเป็นพีอาร์วีไอพี ใช้ของแบรนด์ ขับรถราคาแพง แล้วแต่ใครจะไขว่คว้าเอาไว้ได้”
เอาอีกแล้ว ผู้จัดการเอาค่าตอบแทนมายั่วใจเธออีกแล้ว
“ งั้นหนูจะลองค่ะ ”
เธอตอบอย่างมั่นใจ เมื่อนึกไปถึงภาระหนี้สินที่ใช้จ่าย มันไม่มีอะไรที่เธอไม่กล้าเสี่ยง
“ งั้นนั่งรอก่อนสิ เดี๋ยวโทรเช็คนายก่อนว่าอยู่ข้างบนหรือเปล่า”
นับดาวนั่งลงที่โซฟาอย่างใจจดจ่อ เสียงคุยโทรศัพท์ต่อสายไปยังที่ไหนซักที่ดังขึ้นเบาๆ ก่อนเงียบลงในเวลาต่อมา
“ตอนนี้นายอยู่ที่คาสิโน สั่งให้ขึ้นไปรอในห้องทำงานด้านบนก่อน ”
“อ้อค่ะ แล้วต้องไปทางไหนคะ ”
คือภายในผับตอนนี้มันก็ดูวุ่นวายไปหมด ตอนที่พี่เสือพาเธอเดินเลี่ยงๆมา เธอเห็นว่าคนเริ่มเยอะ
“เดินขึ้นไปอีก2ชั้นก็ถึง ห้องที่ประตูเป็นกระจกทึบนะ นั่นแหละ นั่งรอที่โซฟาได้เลย แต่ห้ามเดินมั่วซั่วละ ห้ามเดินไปอีกฝั่งที่เป็นห้องพักนะ เดี๋ยวรบกวนแขก”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะผู้จัดการ ”
เธอรีบยกมือขึ้นไหว้ แล้วออกจาห้องผู้จัดการทันที แล้วเดินขึ้นบันไดขึ้นไปอีก2ชั้นตามที่บอก แม้จะงงว่าแขกจะพักอะไรกันตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เรื่องของแขกเถอะ
“กระจกทึบเหรอ น่าจะห้องนี้ ”
พอมาถึงเธอก็เห็นห้องกระจกทึบ แต่ก็อดที่จะมองดูอีกฝั่งไม่ได้ วันนั้นเธอทั้งมึนทั้งรีบ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองออกมาจากห้องไหน
พลัก!!!
ไม่คิดนานนับดาวรีบผลักประตูเข้ามา ภายในห้องถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ดูน่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ แอร์เย็นเฉียบกับบรรยากาศที่เงียบเชียบ ทำเอานับดาวถึงกับขนลุก แต่ก็นั่งรอที่โซฟาเงียบๆตามผู้จัดการบอก ผ่านไปซักพักใหญ่ๆเสียงประตูก็เปิดออก
แกร๊ก!!
นับดาวรีบหันไปมองโดยสัญชาตญาณ ก่อนสบเข้ากับตาคมเข้มของผู้มาใหม่ นับดาวนิ่งอึ้งไปแต่ใจเต้นแรงแทบทะลุอก เมื่อนายใหญ่ของที่นี่คือผู้ชายเร่าร้อนในคืนนั้น เธอจำได้ไม่ผิดแน่
แต่ในขณะที่เธอแทบทำอะไรไม่ถูก เขาเพียงปรายตามองเธอแวบเดียว แล้วเดินผ่านหน้าเธอไปยังโต๊ะทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น‘หรือว่านายนี่จะจำเราไม่ได้ ’
“ชื่ออะไร ”
ในขณะที่เธอกำลังคิดเตลิดไปไกล คำถามเขาก็ดึงสติเธอกลับมา
“นะ นับดาวค่ะ ”
เธอตอบพร้อมบีบมือตัวเองจนเจ็บ ดีไม่ดีเขาอาจจะจำไม่ได้จริงๆ
“คิดยังไงถึงมาสมัคตำแหน่งนี้ รู้รึเปล่าว่ามีแต่คนสวยๆเขาทำกัน”
คำถามเรียบๆแต่ทำเอาเธอถึงกับไปไม่เป็น เขากำลังบอกว่าเธอไม่สวยงั้นเหรอ
“ฉันไม่สวยเหรอคะ ”
เสียงของเธอเบาหวิวเหมือนคนกำลังขาดความมั่นใจ
“แล้วคุณคิดว่าตัวเองสวยรึเปล่าหละ ”
คราวนี้ตาคมคู่นั้นมองมาที่เธอนิ่งๆ จนเธอที่เผลอจ้องตาเขาหายใจไม่ทั่วท้อง
“สวยมั้งคะ ”
ใครก็บอกว่าเธอสวย คงมีแต่เขานั่นแหละมั้ง
จะเล่นตลกอะไรกับเธอรึเปล่าก็ไม่รู้
“เป็นพีอาร์ต้องเอนเตอร์เทนเก่งนะ ทำได้รึเปล่า ”
“ได้ค่ะ ”
เธอตอบกลับเขาทันที
“เริ่มเลยสิ สมมุติว่าผมเป็นแขก มานั่งตักผมแล้วอ้อน”
นับดาวหายใจแทบไม่ทั่วท้องแต่ยอมลุกเดินไป เธอนั่งลงบนตักแกร่ง พร้อมแขนเรียวที่วาดกอดคอหนา แต่ทว่าใจเธอกลับเต้นแรงตัวสั่นไปหมด กลิ่นน้ำหอมนี้กับคืนนั้น ทำเธอเผลอกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
“หึ! ยังไม่ทำอะไรเลย ตัวก็สั่นอย่างกับลูกนก”
เขาหัวเราะในลำคอ แล้วพูดขึ้นเหมือนดูถูก
“ขอโทษค่ะ พอดีฉันตื่นเต้นไปหน่อย ขอลองอีกครั้งนะคะ ”
นับดาวหายใจเข้าลึกๆตั้งสติอีกครั้ง ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงอ้อน
“เฮียขา วันนี้เฮียดื่มอะไรดีคะ เดี๋ยวหนูรินให้เฮียเอง ”
“ไม่อยากดื่ม แต่อยากกินเธอได้รึเปล่า”
ร่างบางชะงักไปนิดหน่อย หรือนี่คือบททดสอบ
“แหม เฮียอ่า อย่าแกล้งหนูสิคะ ”
นับดาวพูดแก้สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
“ งั้นก็รินไวน์มาสิ ของเธอด้วยแก้วนึง”
“ ได้สิคะเฮียขา เดี๋ยววันนี้หนูจะดื่มเป็นเพื่อนเฮียเอง”
เธอรินไวน์ใส่แก้วทั้งสองใบ แล้วส่งให้เขาหนึ่งใบ ถือไว้ในมือตัวเองอีกหนึ่ง
“ ชนกันหน่อยไหมคะ ”
เธอเป็นฝ่ายยื่นแก้วไปชนเขาเอง ฮันเตอร์มองเธอนิ่ง เขาประเมินผู้หญิงหน้าตาเรียบร้อยคนนี้ต่ำเกินไปแล้ว ทดสอบไปซักพักเขาก็สั่งให้เธอกลับไปนั่งที่เดิม
“ ลุกออกไปได้แล้ว”
เธอรีบลุกออกไปนั่งที่เดิมตามคำสั่ง
“ เป็นยังไงบ้างคะฉันผ่านหรือเปล่า”
เธอถามขึ้นอย่างมีความหวัง ก่อนที่เขาจะตอบด้วยเสียงเย็นชา
“ ไม่ผ่าน”
“ อะไรนะคะ ไม่ผ่าน ฉันทำไม่ดีตรงไหนหรือเปล่าคะ ที่จริงคุณบอกให้ฉันแก้ไขได้นะ ให้ฉันผ่านเถอะฉันอยากทำงานนี้จริงๆ”
พอได้ยินว่าไม่ผ่าน นับดาวถึงกับหน้าเสีย
เธอตั้งใจมาสมัครงานนี้โดยเฉพาะ แต่แล้วดูเหมือนเจ้านายคนนี้ไม่ชอบเธอหรือเปล่า หน้าตาเธอสวยมาก
“ แล้วทำไมต้องถามเยอะ ผมเป็นผู้ว่าจ้างผมบอกไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน ผมจำเป็นต้องอธิบายทุกรายละเอียดกับคุณไหม”
นับดาวนิ่งไปอีกรอบ
“ แต่คุณคะ ฉันมีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ให้ฉันทำงานกับคุณด้วยนะคะฉันขอร้อง ให้ฉันกลับไปเป็นพีอาร์โซนธรรมดาก็ได้ค่ะ ฉันทำหมด ” เธอยกมือไหว้อย่างอ้อนวอน
“ ก็ผมบอกว่าไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน ผมไม่สามารถเอาคนไม่มีคุณภาพ ไปบริการแขกพิเศษได้หรอกนะ”
นับดาวน้ำตาผ่าหน่วย เธอหวังกับงานนี้มากจริงๆ
“ แต่ฉันกำลังจะหาเงินมาใช้หนี้คุณนะคะ ฉันคือลูกสาวเจ้าของบ้าน ที่ผู้หญิงที่ชื่อรวิเอาบ้านมาจำนอง”
เธอรีบบอกเขาไปตามความจริง อย่างน้อยถ้าเขายังมีความเป็นคนอยู่บ้าง ควรให้เธอได้ทำงานและชดใช้หนี้ไปทีละนิด
“ แล้วจบอะไรมา เป็นผู้ช่วยได้รึเปล่า ”
เธอฟังไม่ผิดใช่ไหม
“ เรียนบริหาร แต่ยังไม่จบตอนนี้อยู่ปีสี่
แต่ก็ใกล้แล้วค่ะ”
“ งั้นเอาเป็นว่าคุณมาเป็นผู้ช่วยผมแล้วกัน ”
นับดาวถึงกับคิ้วขมวด
“ แต่ฉันยังไม่มีปริญญาบัตรให้คุณหรอกนะคะ
เพราะฉันยังเรียนไม่จบ”
“ งั้นก็เรียนจบแล้วค่อยเอามายื่น ช่วงนี้ก็ทำงานไปก่อน คุณอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่”
“ แล้วแต่คุณค่ะ ”
เธอไม่รู้จะเรียกเงินเดือนยังไง เรียนก็เรียนยังไม่จบ
ที่ร้านสะดวกซื้อก็ได้ไม่ถึงหมื่น
“สามหมื่นพอรึเปล่า ”
พอได้ยินเงินเดือน นับดาวอ้าปากหวออีกครั้ง
“ ทำไม หรือว่าคุณยังไม่พอใจ ”
“ป่ะเปล่าคะ มันเยอะมากคะ”
เธอรีบตอบกลับทันที
“ แล้วตกลงคุณจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่อยากทำ ผมก็ไม่อยากบังคับใคร”
“ ก็ต้องทำอยู่แล้วสิคะ เงินเดือนเยอะขนาดนี้ฉันทำค่ะ”
พอได้ยินเงินเดือนใจเธอเต้นแรงมากกว่าเดิมซะอีก
“ ส่วนเรื่องเงินที่น้าวิกู้คุณ ฉันขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะรีบทยอยคืนใหัเร็วที่สุด ”
“ก็ตามนั้น ตราบใดที่คุณยังเป็นผู้ช่วยผมอยู่ ผมก็จะผ่อนผันให้ แต่ถ้าวันไหนคุณตัดสินใจไม่เป็นผู้ช่วยผมแล้ว วันนั้นคุณต้องมีเงินต้นและเงินดอกมาจ่ายผม แบบนั้นคุณโอเคหรือเปล่า”
“ ได้สิคะ ถ้าคุณไม่ไล่ฉันออกซะก่อน ฉันจะตั้งใจทำงานเป็นผู้ช่วยให้คุณอย่างเต็ม คุณวางใจได้ค่ะ”
นับดาวรับปากอย่างเป็นหมั้นเป็นเหมาะ เธอดีใจจนไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่กำลังผุดขึ้นที่มุมปาก เขาจำเธอได้ตั้งแต่แว๊บแรกที่เจอ
แต่ก็นะ ออกตัวแรงไม่ได้เดี๋ยวไก่ตื่นพอดี