“ก็แค่กินข้าวเป็นเพื่อนเสี่ยแล้วก็ได้เงิน มันจะไปยากอะไรห๊ะ!!”
“แต่น้าวิคะ นับมีงานต้องทำนะคะ นี่ก็สายมากแล้ว”
“ก็โทรไปลาซะสิ งานพาร์ทไทม์ที่แกทำอยู่มันจะได้วันละกี่บาทกันเชียว อีก2วันพ่อแกก็ต้องไปหาหมอ น้องชายแกก็ต้องจ่ายค่าเทอม เรื่องแค่นี้แกทำไม่ได้รึไง ยังมีความเป็นลูกอยู่รึเปล่า”
นับดาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ในระหว่างที่เธอกำลังจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ
แต่อยู่ๆน้าวิ เมียใหม่ของพ่อก็เดินเข้ามาขวาง บอกว่ารับงานทานข้าวไว้ให้แล้ว แต่เธอไม่ชอบงานพวกนี้ เธอเกลียดสายตาผู้ชายแก่หื่นกามพวกนั้น แต่น้าวิก็ชอบบังคับให้ทำอยู่บ่อยๆ สาเหตุก็เพราะได้เงินง่ายนี่แหละ
“น้าวิคะ นับขอไม่ไปนะคะ นับไม่อยากทำงานแบบนั้นแล้ว”
“จะไม่ไปได้ยังไง ฉันรับเงินเสี่ยมาแล้วครึ่งนึง ก็แค่ไปทานข้าว ก็แค่หลับหูหลับตากินแค่นั้นเอง เสร็จก็กลับบ้าน มันจะไปยากอะไรนักหนา ดีซะอีกข้าวก็กินฟรี จะได้ประหยัดข้าวที่บ้าน
คิดถึงหน้าพ่อกับหน้าน้องแกไว้สินับดาว ไปเปลี่ยนชุดซะอย่าให้ฉันต้องโมโห”
พูดจบรวิก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน
!นับดาว!นักศึกษาปี4จากคณะบริหาร จากคุณหนูบ้านรวยสู่คุณหนูตกอับคำนี้ไม่เกินจริง เพราะหลังจากที่แม่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายเพียงไม่กี่เดือน พ่อก็พาเมียใหม่ท้องโตเข้าบ้าน และนั่นคือจุดเริ่มต้น พ่อรักและหลงเมียใหม่มาก ถึงขนาดไว้ใจให้ดูแลเรื่องต่างๆในบ้าน และดูแลบริษัทสิ่งทอที่ครั้งนึงเคยรุ่งเรือง จนตอนนี้เจ้งไม่เป็นท่า ในที่สุดก็ต้องปิดตัวลง แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เมื่อสามเดือนก่อนพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้พ่อเสียขาไปทั้งสองข้าง ตอนนี้พ่อของนับดาวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และยังต้องไปหาหมอทุกเดือน บ้านจึงเหลือแค่รายจ่าย ที่ไม่มีแม้กระทั่งรายได้ จนนับดาวต้องหางานพาร์ทไทม์ทำเวลาเลิกเรียน แต่ก็นั่นแหละไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายหรอก สุดท้ายแล้วก็ขัดใจน้ารวิไม่ได้ เพราะถึงยังไงเธอก็คือคนที่ต้องคอยดูแลพ่อ ในวันที่นับดาวไปเรียน ส่วนนับตังค์ ยังเด็กนักอายุเพียง7ขวบถึงจะเป็นลูกน้าวิแต่ยังไงเธอกับน้องก็คือสายเลือดเดียวกัน
ห้องvvipผับดังใจกลางกรุง(ผับตระกูลคาร์เนอร์
นับดาวเดินตามน้ารวิเข้ามาในห้องอย่างลังเล
“นังลงสินับดาว คิดถึงหน้าพ่อของเธอเข้าไว้ ”
รวิกระซิบเบาๆที่ข้างหู พร้อมกดไหล่เล็กของนับดาวอย่างแรงเพื่อให้นั่งลง จนนับดาวหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ
“แต่น้าวิคะ!!”
ยังไม่ทันที่นับดาวจะพูดจบประโยค รวิก็พูดสวนขึ้น ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธ
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันรับเงินเสี่ยมาแล้ว อย่าทำให้ฉันต้องขายขี้หน้า แค่นั่งทานข้าวแล้วจะได้มีเงินพาพ่อแกไปหาหมอไง ”
หัวใจของนับดาวเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ดวงตากลมโตพร่าไหวเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เธอเงยหน้ามองชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สูทราคาแพงตัดเย็บเนี้ยบ แหวนทองหนาเป็นประกายบนเรียวนิ้ว แต่สายตาที่กวาดมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า กลับทำให้นับดาวรู้สึกขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก
“หึ! ไม่ต้องกลัวฉันหรอกสาวน้อย”
เสียงหัวเราะในลำคอของเสี่ยปรีชาดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ่งทำให้เธอขนลุกซู่
“ฉันก็แค่อยากมีเพื่อนทานข้าว หรือถ้ามากกว่านั้นได้ยิ่งดีใหญ่ ”
นับดาวกัดริมฝีปากแน่น มือเล็กกำชายกระโปรงจนยับยู่ยี่ ความกังวลตีตื้นขึ้นมาถึงลำคอ เธออึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้าแทบหายใจไม่ออก
“ยิ้มหน่อยสิ ทำหน้าแบบนี้ไม่สวยเลย”
รวิก้มมากระซิบซ้ำอีกรอบ รอยยิ้มที่เหมือนปลอบใจกลับทำให้รู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม
“ไหนน้าบอกว่าแค่มาทานข้าวไงคะ แต่ที่นี่มันไม่เหมือนร้านอาหารเลย”
เสียงสั่นเครือของนับดาวเอ่ยถาม เธอไม่ไว้ใจในบรรยากาศรอบตัวที่ปิดทึบและเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า
“โธ่เอ๊ย ใจเย็นสิจ๊ะนับดาว”
รวิเอื้อมแตะหลังมือเล็กอย่างเบาบาง แต่ดวงตาเร่งเร้าให้ยอมทำตาม
“คนแก่ก็พูดเล่นไปเรื่อย อย่าไปคิดมากเลย”
เสี่ยปรีชาหัวเราะหึยกไวน์ขึ้นจิบ พลางกวาดตาคมไปทั่วร่างเธออีกครั้ง
“ใช่แล้ว แค่ล้อเล่น อย่ากลัวไปเลยหนู เสี่ยใจดีนะ”
นับดาวขนลุกซู่โดยไม่อาจห้ามได้ ขณะที่รวีก็เลื่อนแก้วน้ำส้มสีสดใสมาตรงหน้า
“นี่จ๊ะ ดื่มน้ำส้มก็พอ ไม่ต้องแตะเหล้า เสี่ยคะ อย่าให้หนูนับดาวดื่มของแรงเลยนะคะ เด็กยังเรียนอยู่”
รวิหันไปส่งยิ้มกับเสี่ยปรีชา สายตาแวบเดียวที่สื่อสารกันราวกับรู้กันมานาน
“เอาล่ะ น้าขอตัวไปที่คาสิโนก่อน พอทานเสร็จก็เดินไปหาน้าที่นั่นนะจ๊ะ”
รวิพูดพลางหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมขึ้นบ่า ก้าวออกไปอย่างไม่รีรอ
นับดาวหันมองตามหลังแม่เลี้ยงจนประตูห้องปิดลง ทิ้งเธอให้อยู่ตามลำพังกับชายแปลกหน้าที่สายตาไม่เคยละจากร่างกายเธอแม้เสี้ยววินาที
เธอพยายามกลืนน้ำลายลงคอ แต่กลับรู้สึกติดขัด หายใจไม่ทั่วท้อง
“หนูเรียนปีไหนแล้วล่ะ”
เสียงทุ้มพร่าของเสี่ยดังขึ้นอีกครั้ง แฝงด้วยรอยยิ้มแทะโลม จ้องมองเธอราวกับกำลังเลียริมฝีปากในใจ
นับดาวยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบก่อนตอบเสี่ยเสียงเบาหวิว
“ปี4แล้วค่ะ ”
เสี่ยปรีชายกยิ้มพอใจก่อนพูดต่อ
“กำลังดีเลยทีเดียว เสี่ยอยากมีคนทานข้าวเป็นเพื่อนแบบนี้ทุกวัน ”
นับดาวยกน้ำสมขึ้นจิบอีกครั้งอย่างไม่รู้จะทำอะไร ท่ามกลางสายตาของเสี่ยที่เอาแต่จ้องหยาดเยิ้ม เพียงเวลาไม่นานนับดาวก็รู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
เสียงหัวเราะหึดังขึ้นพร้อมเสียงกระดิกนิ้วเรียกลูกน้องสองคนให้ยืนเฝ้าใกล้ๆ
ร่างเล็กเริ่มรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย สายตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เธอรีบวางแก้วลงแล้วสูดหายใจเข้าลึก
“ขะ…ขอโทษนะคะ หนูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”
เสี่ยเลิกคิ้วสูง ก่อนเอ่ยอนุญาตเสียงเรียบเย็น
“รีบกลับมาละอย่าให้เสี่ยรอนาน”
นับดาวฝืนยิ้มบางๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกมา
“ตามเธอไป อย่าให้คลาดสายตา
พอเธอให้หลังเสี่ยปรีชาก็สั่งลูกน้องให้ตามไปเฝ้า
แต่นับดาวไม่ได้เลี้ยวไปทางห้องน้ำ เธอเร่งฝีเท้าไปอีกทาง หวังหนีเอาตัวรอด ความหวาดกลัวตีตื้นขึ้นในอกจนแทบหายใจไม่ทัน เสียงฝีเท้าหนักที่ตามมาติดๆ ยิ่งเร่งเร้าให้หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าเสี่ยต้องให้คนตาม
“แย่แล้ว พวกนั้นตามมาจริงด้วย ”
ริมฝีปากซีดสั่นพึมพำกับตัวเอง นับดาวหอบหายใจถี่ ความร้อนจากฤทธิ์ยาที่กำลังเล่นงานทำให้ร่างกายอ่อนแรง แขนขาเหมือนก้าวช้าลงกว่าเก่า แต่ยังมีประกายความหวังเล็กๆ เมื่อสายตาเหลือบเห็นร่างสูงใหญ่ในสูทดำยืนพิงกำแพงมืดตรงมุมทางเดิน ควันบุหรี่คลุ้งอยู่รอบกายเขา
นับดาวเบิกตากว้าง รีบพุ่งเข้าหาทันที มือเล็กคว้าแขนแกร่งไว้แน่น เสียงสั่นพร่าแทบขาดห้วง
“ชะ…ช่วยฉันด้วยค่ะ มีคนตามฉันมา”
ดวงตาคมกริบมองลงมาสำรวจร่างบางเพียงครู่
แม้ตรงนี้ค่อนข้างมืด แต่ออร่าความสวยของเธอก็สะดุดตาเขาไม่น้อย
และเขารู้ทันทีว่าเธอไม่ปกติ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เสียงฝีเท้าหนักสองคู่ก็กระชั้นใกล้เข้ามา ฮันเตอร์หรี่ตา สูบควันสุดท้ายแล้วสะบัดบุหรี่ทิ้งอย่างไม่ใยดี จากนั้นถอดสูทสีดำคลุมไหล่ที่สั่นเทาของเธอโดยไม่ถามอะไร
“อยู่เฉยๆไม่ต้องกลัว ”
ร่างบางในอ้อมกอดทำเพียงพยักหน้า ในขณะเดียวกันใจเธอก็อุ่นวาบ รู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
“เชี้ย!!ไปไหนแล้ววะ ”
เสียงทุ้มดังใกล้เข้ามา ผสมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ
ที่ใกล้ถึงที่ที่เขากับเธอยืนอยู่
ไม่คิดนานฮันเตอร์ตัดสินใจ จับคางเล็กเงยขึ้นแล้วบดริมฝีปากลงไปทันที จูบหนักหน่วงและรุนแรงจนเหมือนคู่ขาที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
“อื้อ”
นับดาวเบิกตากว้างในตอนแรก แต่ฤทธิ์ยาที่แผ่ซ่านทำให้ร่างกายอ่อนระทวย ความคิดต่อต้านพร่าเลือน มือเล็กเผลอกำเสื้อเขาแน่น ลมหายใจสั่นหอบ ก่อนที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มจะเริ่มตอบรับเขาอย่างเงอะงะ
จ้วบ!!~~จ้วบ!!~~
ลิ้นเล็กสะเปะสะปะ แต่กลับแตะต้องหยอกเย้ากับความร้อนแรงของเขาโดยไม่รู้ตัว
เสียงฝีเท้าชะงักไปเล็กน้อย
“ไปไหนแล้ววะโคตรไว ไปดูทางนั้น ”
ลูกน้องเสี่ยสองคนปรายตามองอยู่ชั่วครู่ ก่อนพูดบางอย่างแล้วถอยกลับไป ฮันเตอร์จึงค่อยผละจูบออก สายตาคมยังจับจ้องใบหน้าสวยที่เริ่มสติพร่าเลือน
“ช่วยพาฉันไปจากตรงนี้ที อื้มม”
เสียงขอร้องปนลมหายใจเหนื่อยหอบและเสียงครางบางอย่าง ทำให้ฮันเตอร์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนตัดสินใจอุ้มร่างเล็กในท่าเจ้าสาวขึ้นแนบอก ตรงไปยังทางขึ้นชั้นบนโดยไม่รีรอ
“นายครับ! เกิดอะไรขึ้น”
ฉลามกับกวินทร์ ลูกน้องคนสนิทวิ่งเข้ามาหาอย่างเร่งรีบ
“เธอน่าจะโดนยา มีคนตามเธอด้วย พาไปไว้ข้างบนก่อนแล้วไปเช็คให้ฉันทีว่าใคร ”
“ครับนาย”
ทั้งคู่รีบเคลียร์ทาง เปิดประตูที่มีเพียงคนในเท่านั้นจะผ่านได้ ร่างสูงอุ้มเธอเข้าลิฟต์มุ่งตรงสู่ชั้นสูงสุดของผับ ฉลามรีบเปิดประตูห้องพักให้เจ้านายอย่างเร่งรีบ
“ไม่ต้องตามเข้ามา ไปสืบดูว่าพวกมันเป็นใคร”
เขาหยุดเล็กน้อยแล้วหันมาสั่งลูกน้องเสียงเรียบ
“ครับนาย”
ลูกน้องรีบรับคำ ก่อนประตูจะค่อยๆปิดลง
เขาอุ้มเธอตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่กลางห้อง แล้ววางร่างเล็กลงอย่างเบามือ
“คุณ ช่วยฉันหน่อย ฉันไม่ไหวแล้ว อื้มมม ”
ยังไม่ทันที่เขาจะผละออก เสียงขอร้องจากร่างบางใต้ร่างก็ดังขึ้น เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ดวงตาพร่ามัวเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจควบคุม ก่อนจะเริ่มบดเบียดทรวงอกอวบอิ่มเข้ากับอกกำยำของเขาอย่างไร้สติ
ฮันเตอร์มองสำรวจเพียงชั่ววินาที แววตาคมเข้มฉายชัดถึงการตัดสินใจ ร่างสูงรวบตัวเธอขึ้นในอ้อมแขนอีกครั้งแล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ ฝักบัวถูกเปิดจนสายน้ำเย็นจัดกระหน่ำลงมา เปียกชุ่มทั้งสองร่างในทันที
“ดีขึ้นรึยัง” เสียงทุ้มต่ำถามพลางจับประคองไม่ให้เธอล้ม
นับดาวส่ายหน้าช้าๆ แทบลืมตาไม่ได้ ลมหายใจยังขาดห้วงร้อนแรง
“เวรเอ้ย” ฮันเตอร์สบถในลำคอ “คงโดนตัวแรงมากสินะ ไปทำท่าไหนถึงได้ถูกวางยาแบบนี้ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้างเลย”
เขาบ่นกับตัวเองมากกว่าจะถามเธอ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้เลือดในกายเขายิ่งสูบฉีด
“คุณ…” เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเลื่อนลอยพร่ามัว เสียงหวานปนกระเส่าเปล่งออกมา
“ฉันอยากให้คุณจูบ หรือทำมากกว่าจูบก็ได้ ฉันไม่ไหวแล้ว”
คำพูดนั้นมาพร้อมกับการที่เธอเผลอยกมือบีบขยำอกอิ่มของตัวเองเบาๆ เสียงครางสั่นพร่าเล็ดลอดออกมาโดยไม่ตั้งใจ สองขาเรียวเริ่มเบียดเข้าหากันอย่างห้ามไม่อยู่
“อื้ม…เสียว…อ๊ะ!!”
ฮันเตอร์ยืนนิ่งไปชั่วขณะ กรามขบแน่นจนสันขึ้นชัด เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ราวกับเขากำลังต่อสู้กับบางสิ่งในใจอย่างหนักหน่วง ลมหายใจร้อนแรงของหญิงสาวที่กำลังเป่ารดตัวเขา ยิ่งทำเลือดในกายมาเฟียหนุ่มสูบฉีดอย่างห้ามไม่อยู่
“คุณร้องขอเองนะ แล้วอย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลัง”
นับดาวพยักหน้าช้าๆ
“ฉันยอมทุกอย่าง ขอแค่คุณช่วยฉันก็พอ ฉันไม่ไหวแล้ว ”
พอได้ฟังคำตอบ ริมฝีปากหนาทาบลงปากเล็กอย่างหนักแน่น ดูดดึงครอบครองแทบไม่เว้นจังหวะให้เธอได้หายใจ ลิ้นเล็กสอดประสานอย่างเงอะงะแต่ทำเขาแทบคลั่ง เพียงเวลาไม่นานชุดเดรทสวยหวานของเธอก็ถูกเขาถอดออก เผยให้เห็นอกอวบที่โผล่พ้นบราเซียขึ้นมา ยิ่งยั่วให้เขาสูญเสียการควบคุม
“สวยกว่าที่คิด ”
เขายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ก่อนอุ้มเธอออกมายังเตียง วางร่างเล็กลงแล้วจัดการถอดบราเซียกับแพนตี้ตัวน้อยสีเดียวกันออก ร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนทำเขาพอใจไม่น้อย
“หึ”
เขาเอื้อมหยิบถุงยางในลิ้นชักมาสวมใส่ ก่อนจับขาเรียวอ้าออกในเวลาต่อมา เธอไม่ขัดขืนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาจับแก่นกายถูร่องเสียวเฉอะแฉะของเธอไปมา เพียงไม่นานก็ออกแรงกดท่อนเอ็นใหญ่ลงไป
สวบ
“อ๊า!!เจ็บ!!”
นับดาวหน้านิ่วร้องเจ็บเสียงหลง ร่างหนาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อมันเข้าได้เพียงแค่ส่วนหัว เขามองลงยังจุดเชื่อมก่อนยกยิ้มอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังเวอร์จิ้น
“หึ!!ถ้าเสร็จไอ้พวกนั้นเสียดายแย่”
เขากัดฟันแน่นกระแทกร่องเธอจนสุดแรง
พรวด!!
“กรี๊ด!!!ฉันเจ็บนะ!!เบาหน่อยสิ “
เธอร้องกรี๊ดพร้อมน้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่ไหลลงข้างแก้ม
“อาส์!~ร่องคุณแน่นจนผมปวดหนึบ ”
เขาสบถเบาๆพร้อมเลื่อนมือไปขยำอกอวบ
มันทั้งใหญ่และเด้งสู้มืออย่างไม่เคยเจอมาก่อน
“อื้มมมม ขยับซักทีฉันอึดอัด ”
ร่างสูงใหญ่ไม่ขัดจัดให้ตามคำขอ ขยับเอวสอบจากช้าๆเนิบนาบในตอนแรก เริ่มเปลี่ยนเป็นเร็วและแรงขึ้นเวลาต่อมา
ตับ!ตับ!ตับ!
“อ้า!!อ้า!!อื้มมม”
เสียงครางจากคนตัวเล็กเริ่มแรงขึ้นอีกระดับ เธอแอ่นอกอวบให้มือหนาได้ขยำเต็มที่ ปล่อยกายปล่อยใจให้เขาได้สอดใส่และครอบครอง
กระแทกกระทั้นดุดันราวกับอดอยากปากแห้งมาจากไหน
ตับ!ตับ!ตับ!
พลั่ก!พลั่ก!พลั่ก!
เสียงแน่นเนื้อกระทบกันสลับเสียงคราง เอวสอบอัดกระแทกคนใต้ร่างอย่างไม่ปราณี มือเรียวกำผ้าปูที่นอนแน่น ทุกครั้งที่ความคับใหญ่กระแทกเข้าสู่ร่องลึก ทำเธอทั้งจุกทั้งเสียวแทบขาดใจ
ตับ!!ตับ!!
“อาส์!!ดูดดีเหลือเกิน ซี้ดดดด ”
มาเฟียหนุ่มครางเสียวเกินจะห้ามใจ ร่องเธอดูดดีและแน่นไปหมด ทำเขาเสียวแทบคลั่ง
“คุณชื่ออะไร ผมจะได้ครางชื่อถูก”
เขาถามทั้งที่รัวเอวสอบใส่ร่องเสียวเธอไม่ยั้ง
ก้มมองจุดเชื่อมที่
ความคับใหญ่ของเขาทำกลีบงามเธอปลิ้นเข้าปลิ้นออก
“นะ นับดาว ฉันชื่อนับดาว ”
เสียงแผ่วเอ่ยบอกเขาในที่สุด
“อาส์นับดาว ร่องเธอดีเหลือเกิน ”
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยไฟราคะ เขากระแทกเธอทั้งคืนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาพาเธอแตะขอบสวรรค์ แม้เธอจะไม่รู้จักชื่อเขาเลยก็ตาม