วันต่อมา...
@มหาวิทยาลัย
“เลิกเรียนแล้วไลน์มาบอกด้วยละกัน” หลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถรวมแล้วพี่ทามก็หันมาบอกฉันขณะที่กำลังแกะสายคาดเข็มขัดออก
ใช่แล้ววันนี้เราสองคนมาเรียนด้วยกัน เหตุผลที่ต้องมาด้วยกันก็เพราะ...
พี่ทามไม่อนุญาตให้ฉันขับรถมาเรียนเองไงละ
อยากรู้ไหมละเพราะอะไร เพราะฉันตีนผีขับรถเร็วเมื่อวานไง วันนี้ก็เลยโดนยึดทั้งกุญแจรถแล้วก็ใบขับขี่ไปเลย เป็นไงนอกจากเรียนวิศวะแล้วยังแอบเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบด้วยนะ
คุมเก่งยิ่งกว่าทหารองครักษ์สะอีก
“พิ้งค์ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องยึดใบขับขี่พิ้งค์ไปด้วย ไม่อยากให้พิ้งค์ขับรถก็ยึดแค่กุญแจรถไปสิ”
“ขับรถสภาพนั้นยึดทั้งสองอย่างนั้นแหละดีแล้วไม่เดือดร้อนคนอื่นด้วย แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าแอบไปขับรถเพื่อนอะ ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นอะไร”
“ไม่งั้นฉันก็จะยึดทุกอย่างไงรวมทั้งบัตรของฉันที่อยู่กับเธอด้วย”
อ้อฉันลืมบอกว่าตอนนี้ฉันใช้บัตรเครดิตของพี่ทามอยู่ คือพี่ทามยื่นให้ฉันใช้ก่อนจะมาเรียนเมื่อวาน ฉันก็เลยมีเงินใช้โดยที่ไม่ต้องใช้ของตัวเอง เพราะพี่ทามจัดการดูแลให้หมดทุกอย่าง แต่ฉันรู้แหละว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคืออารัน เพราะพี่ทามไม่น่าจะใจดีกับฉันหรอก ดุขนาดนั้น
“เข้าใจแล้ว”
“ดี”
พูดจบพี่ทามก็เปิดประตูลงจากรถไปก่อนเลย ฉันก็เลยเปิดตามลงไปด้วย จัดระเบียบเสื้อผ้าเสร็จก็เดินมาหลังรถซึ่งมีพี่ทามยืนคุยโทรศัพท์อยู่...
“เออกูถึงมอแล้ว”
ได้ยินแค่คำว่าถึงมอแล้วไม่นานรถบีเอ็มคันสีขาวก็ขับผ่านหน้าเราสองคนพอดีก่อนจะเข้าไปจอดใกล้ๆรถของพี่ทาม จากนั้นไม่นานประตูรถทั้งสี่ด้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกันโดยหนุ่มๆที่อยู่ข้างในในเวลาต่อมา
“เอ้า ทำไมวันนี้มึงถึงได้มาพร้อมเมียมึงวะ เมื่อวานกูยังเห็นนั่งแยกกันมาอยู่เลย” พี่แปลนที่เดินมาหาเราสองคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เออนั้นดิ วันแรกแยกกันมาแต่พอวันที่สองมาด้วยกันเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าน่า~” เป็นพี่ตฤณที่เดินมาถึงก็พูดกึ่งแซวพร้อมกับเหลือบมองไปที่ต้นคอของพี่ทามที่มีพลาสเตอร์ปิดแผลติดอยู่ทันที
ก็แผลที่ได้มาจากฉันนั้นแหละแต่สายตาที่พี่ตฤณแสดงออกมานั้นมันแปลกๆเหมือนกำลังคิดอกุศลอะไรอยู่บวกกับมาดเจ้าชู้นั้นด้วยแล้วก็ยิ่งคิดดีไม่ได้เลย
“เออแล้วนั้นคอมึงไปโดนอะไรมาวะไอ้ทาม” ส่วนนี้ก็พี่โยธา
ฉันจะบอกว่าถ้าพี่เธียรคนที่เงียบๆถามด้วยอีกคนนะ ฉันจะยกพวกเขาเป็นเพื่อนรักที่(…)ห่วงใยเพื่อนชั้นดีเลย แต่สรุปคือพี่เธียรไม่ถามแต่พี่เธียรเดินมาใกล้พี่ทามแล้วใช้มือดันหน้าพี่ทามออกแล้วเพ่งที่คอด้วยสายตานิ่งๆแทน
“ใครทำมึง” โห่ เสียงนิ่งมากทุ้มมากแล้วก็ดูน่ากลัวมากๆด้วย ทำเอาฉันรู้สึกเสี่ยวสันหลังเลยอะ
“...”
“เธอทำมันเหรอ” พี่เธียรหันมาถามฉันเสียงเรียบ ฉันก็เลย...
หมับ!
“พี่ทามทำไมเพื่อนพี่คนนี้น่ากลัวจัง” ใช่ ฉันขยับไปยืนหลบหลังพี่ทามทันที ก็พี่แกเล่นถามฉันมาแบบนั้นมันน่ากลัวมากเลยนะ สายตาที่ใช้จ้องฉันตอนนี้ก็ดุอย่างกับเป็นผัวพี่ทามเลยด้วย
ฉันว่าฉันเจอคนที่ดุและน่ากลัวกว่าพี่ทามแล้วแหละ และถ้าใครได้พี่เขาเป็นแฟนนะผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องเป็นเมดูซาอะถึงจะเอาอยู่
“ไอ้เธียรไอ้เวรนี่ เดี๋ยวเมียเพื่อนก็กลัวมึงจนไม่กล้ามองหน้าหรอก แล้วมึงก็เหมือนกันไอ้ทามเมียยืนหลบข้างหลังจนตัวสั่นหน้าซีดแล้วยังไม่หันไปปลอบอีก” พี่แปลนเท้าเอวว่าเพื่อนทั้งสองคนที่ทำให้ฉันยืนหน้าซีดตอนนี้
มันก็ถูกของพี่แปลนนะพวกเขาสองคนมันคนเย็นชาที่ขั้วโลกเหนือยังต้องยอมเลยมั้ง เย็นชาจนฉันขนลุกหมดแล้วเนี่ย
“แล้วสรุปคอมึงไปโดนไรมาวะทาม” พี่ตฤณเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“ก็โดนเด็กบ้าแถวนี้แหละกัด” ปากบอกพี่ตฤณแต่ตานี้เหลือบมองฉันข้างหลังใหญ่เลยนะ แล้วที่สำคัญมาว่าฉันเป็นเด็กบ้าด้วย น่าทุบให้หลังแอ่นจริง ๆเลย
“พิ้งค์เนี่ยนะกัดมึง น้องออกจะดูบอบบางน่าทะนุถนอมมึงเอาอะไรมาบอกว่าน้องเขากัดวะ กูไม่เชื่อ” พี่แปลนว่าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ฉันอยากจะบอกมากเลยว่าเชื่อเถอะพี่ พิ้งค์นี่แหละเป็นคนทำ แต่ไม่พูดดีกว่า
“ถ้ายัยนี้น่าทะนุถนอมมึงจะลองเอาไปเลี้ยงคู่กับหมามึงที่บ้านไหมละ แต่กูบอกเลยนะว่าหมามึงตาย”
ตุบ!
“อั๊ก!” นี่แหนะโดนฉันทุบกำปั้นใส่สักทีเถอะถ้าปากมันจะแกว่งหาเรื่องขนาดนี้อะ แล้วยังมีหน้ามาหันทำตาดุใส่ฉันอีกน่ะ
“พี่ว่าพิ้งค์ก่อนนะ” เขาเลยเลิกสนใจฉันแล้วหันกลับไปทางเพื่อนแทน
“กูว่าไปเรียนเถอะ แล้วพวกมึงอะไปก่อนเลยกูขอไปส่งยัยนี้ที่คณะก่อน” พี่ทามบอกเพื่อนของเขา
“ฮั่นแหนะ มีการเดินไปส่งที่คณะด้วยเว้ย...เฮ้อ~ก็คนมันเมียอะเนอะ ไปเถอะพวกเรา เพราะพวกเรามันคนไม่มีเมียวะ”
ว่าจบพี่แปลนก็กอดคอพี่เธียรลากไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ทันทีที่พี่ทามพูดจบ แต่ก่อนจะไปก็มีการหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ฉันกับพี่ทามทิ้งท้ายด้วยรวมถึงพี่ตฤณและพี่โยธาสองคนนี้ก็ยิ้มเหมือนกัน แต่ขอยกเว้นพี่เธียรคู่หูพี่ทามละกันเพราะรายนั้นนิ่งมาก
...5นาทีต่อมา...
หลังจากที่พี่ทามบอกว่าจะมาส่งฉันที่คณะ...ฉันก็เดินเคียงคู่มากับพี่ทามจนถึงหน้าคณะแพทยศาสตร์ของตัวเองและกำลังก้าวขาเข้าไปในคณะ เอาจริง ๆก็งงเหมือนกันว่าพี่ทามจะเดินมาส่งฉันที่คณะทำไม ทั้ง ๆที่ฉันสามารถเดินมาเองได้ แต่ก็เอาเถอะอยากมาส่งก็มาเถอะเพราะฉันขี้เกียจยืนเถียงด้วยแล้ว
แต่รู้อะไรไหมทันทีที่เท้าของเราสองคนก้าวเข้ามาในคณะได้ไม่ถึงสามนาที สายตาของสาวๆที่นั่งอยู่ในนี้ก็หันมาจับจ้องที่เราสองคนกันเป็นตาเดียว
ประหนึ่งฉันกับพี่ทามเป็นดาราดังที่มาเยี่ยมเยียนสถานศึกษาแห่งนี้ และหลังจากนั้นไม่นานเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นเหมือนเสียงยุงที่กำลังวิ่งอยู่แถวๆหูทันที
“มึงๆนั้นใช่พี่ทามหนุ่มฮอตแห่งวิศวะปะวะ”
“เออใช่”
“พี่เขาหล่ออะไรขนาดนั้นวะ”
“ที่เขาบอกว่าหนุ่มวิศวะมีแต่คนหน้าตาดีและแบดๆนี่ท่าจะจริง แถมยังโซหลัวมากด้วย”
“เห็นว่าโสดไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วยนะ”
“จริงเหรอวะแต่กูเพิ่งเห็นมีคนเอารูปพี่แกลงไอจีเมื่อคืนว่าไปกินหมูกระทะกับสาวมาด้วยนะ”
“จริงเหรอ ใครวะ”
“ไม่รู้ดิ รูปผู้หญิงไม่ค่อยชัดอะ”
“แล้วนังน้องเด็กปีหนึ่งคนนั้นเป็นอะไรกับพี่เขาวะทำไมถึงเดินมาด้วยกันอะ”
“เออนั้นดิ”
“พี่ทามที่พี่มาส่งพิ้งค์ที่คณะเนี่ย มาเช็คเรตติ้งให้ตัวเองปะ”
ฉันเบื่อที่จะยืนฟังเสียงซุบซิบกันก็เลยหันไปถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆแทน ไม่แน่นะอีตาพี่ทามเนี่ยนางอาจจะมาเช็คเรตติ้งของตัวเองที่คณะของฉันก็ได้ เพราะคณะฉันมีแต่สาวสวยหมวยๆเยอะแยะเต็มไปหมด
“เปล่า”
“เปล่าแล้วมาส่งทำไม”
“ฉันมาดูผู้ชายคณะเธอ”
!!!
มาดูผู้ชายคณะฉัน? นี่อย่าบอกนะว่า...ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง แล้วพูดแบบนี้ได้ไง ฉันระแวงนะ
“นี่พี่อย่าบอกนะ...”
“ฉันมาดูว่าคณะเธอมีคนหล่อๆที่จะทำให้เด็กแบบเธอใจแตกอีกไหม แต่เท่าที่ดูแล้วก็ไม่เห็นมีใครหล่อเท่าคณะฉันเลย”
โห่!!! อีพี่ทาม! แรง! แรงมาก! แรงที่ว่าก็คือหนึ่งมาว่าฉันเป็นเด็กใจแตก แรงที่สองก็คือมาว่าผู้ชายคณะฉันไม่มีคนหล่อ
คือจะไม่มีคนหล่อได้ไงในเมื่อที่ฉันสอบเข้าคณะนี้ก็เพราะไปสืบมาเรียบร้อยแล้วว่าคณะนี้คือศูนย์รวมคนหล่อสุขภาพดีแห่งมหาวิทยาลัยนี้
นี่มาว่าแบบนี้ดูถูกกันชัดๆ อย่างน้อย ๆพี่ภีมของฉันก็หล่อเหมือนชาอึนอูนะหย่ะ! ทำเป็นเล่นไป
เหอะ!
“นี่พี่ทาม พิ้งค์จะบอกอะไรให้นะคณะพิ้งค์อะคือศูนย์รวมคนหล่อเลยนะ โดยเฉพาะพี่ภีม...เขาคือเทพบุตรแห่งความหล่อที่พระเจ้าตั้งใจสร้างขึ้นมาอย่างปราณีต ไม่เหมือนพี่ที่พระเจ้าไม่ต้องการแต่เสียดายของก็เลยปั้นขึ้นมางั้นๆ”
ฉันตอกกลับไปอย่างเจ็บแสบเอาให้ลืมทางกลับคณะตัวเองเลยที่กล้ามาว่าผู้ชายคณะฉันไม่หล่อ
“เหอะ! ฉันจะบอกให้นะว่าไอ้ภีมนะมันไม่ได้ครึ่งหนึ่งของฉันเลย”
OMG เอาอะไรมามั่นหน้าเนี่ย
“ไม่จริงพี่นั้นแหละไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ภีม” ฉันตอบกลับไปอย่างขึงขัง จริงจังยิ่งกว่าเถียงเรื่องเรียนกับเพื่อนอีก เอาสิเรื่องนี้ฉันไม่ยอมง่ายๆหรอกนะ
“...”
“...”
“น้องพิ้งค์” แต่ระหว่างที่ฉันกับพี่ทามยืนจ้องหน้ากันอย่างไม่ยอมแพ้ จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อฉันดังมาจากเบื้องหลัง ฉันก็เลยหมุนตัวหันไปดู และพอเห็นหน้าของคนที่เรียกชื่อฉันเมื่อกี้แล้วฉันก็ยิ้มหน้าบานทันที
“พี่ภีม~ สวัสดีค่ะ”
ใช่ค่ะ เขาคือบุคคลที่อยู่ในบทสนทนาและสงครามประสาทของฉันกับพี่ทามเมื่อกี้...พี่ภีมคนหล่อของฉันเอง
“ครับ เรียนเช้าเหรอเรา” พี่ภีมยิ้มพิมพ์ใจมาให้ฉันพร้อมกับพูดคุยกับฉัน
“อ้อค่ะ วันนี้มีเรียนเช้าเหมือนเดิม”
“เมื่อกี้พี่เห็นสวยเดินไปทางนั้นอะ น่าจะรอเราอยู่” พี่ภีมชี้ไปที่ลานที่มีโต๊ะอยู่แถวนั้นซึ่งเป็นจุดนัดพบของฉันกับเพื่อนๆที่คุยกันตอนอยู่บนรถก่อนหน้านี้
“อ้อค่ะ ใช่ค่ะพวกเรานัดเจอกันที่นั้นก่อนเข้าคลาสอะค่ะ”
“ครับงั้นพี่ไปก่อนนะ มีธุระต้องไปทำต่อแล้วอย่าลืมละเย็นนี้มีนัดเปิดสายรหัสกัน”
“อ้อค่ะ พิ้งค์ไม่ลืมอยู่แล้ว”
“ครับ”
พูดคุยกันเสร็จพี่ภีมก็เดินผ่านหน้าเราสองคนไปทันที ฉันก็เลยหันกลับไปหาอีตาพี่ทามที่ยืนเงียบกริบอยู่ข้างหลังต่อ ตอนแรกก็นึกว่ากลับไปที่คณะตัวเองสะแล้ว
แต่เปล่า...ยังยืนทำหน้านิ่งอยู่ที่เดิมและดูเหมือนจะเห็นรังสีความหงุดหงิดในสายตาคู่นั้นด้วย
“เธอต้องอยู่ห่างๆไอ้ภีมไว้”
“ทำไมละ”
“ฉันบอกว่าเธอต้องอยู่ห่างๆไอ้ภีมก็อยู่ห่างๆเถอะหนา อย่าไปคุยกับมันมากมันมีแฟนแล้ว แล้วแฟนมันก็ดุมากด้วย ลืมที่ฉันเคยบอกไปแล้วหรือไง”
“ก็ไม่ได้ลืมแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ห่างๆพี่ภีมนี่ เพราะพิ้งค์ไม่ได้ชอบพี่ภีมแบบนั้น พิ้งค์แค่ปลื้มเฉยๆ แค่ปลื้มคนหล่ออะพี่เข้าใจปะ”
“ฉันก็หล่อ หล่อมากกว่ามันด้วย”
!!!
เอ๋อ...ฉันว่าไม่ใช่ละ
“พี่พอสักทีเถอะกลับไปคณะตัวเองได้แล้ว คนมองกันหมดแล้วเนี่ยเห็นไหม”
“ก็ฉันหล่อไง”
ฮึ่ย อะไรของเขาเนี่ยมีปัญหาอะไรกับคำว่าหล่อนักหนา ถ้าไม่ไปฉันไปเองแล้วนะ เพราะยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเป็นเป้าสายตา ที่สำคัญฉันก็รู้สึกได้ถึงรังสีอิจฉาริษยามาจากสายตาบางคู่ที่นั่งอยู่แถวนี้แล้วด้วย
“อ่าๆพี่หล่อพอใจยัง ถ้าพอใจแล้วก็กลับไปที่คณะของพี่ได้แล้ว”
“อืม ตอนเที่ยงจะกินอะไรไลน์มาบอกละกันจะได้สั่งไว้ให้”
แปลกอีกละเขานี่มันผีเข้าผีออกจริง ๆเลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายผสมวุ่นวายไปหมด
“คิดก่อนถ้านึกออกแล้วจะไลน์ไปบอก” พอฉันพูดจบพี่ทามก็หมุนตัวเดินออกไปจากคณะฉันทันที ฉันก็เลยมุ่งหน้าเดินไปยังโต๊ะที่นัดไว้กับพริกไทยแล้วก็ยัยสวยทันที รีบๆเดินเพราะตอนนี้รู้สึกไม่ดีกับสายตาที่มองตอนนี้มาก
ตอนแรกๆก็รู้สึกเหมือนดาราแหละแต่พอพี่ทามไม่อยู่ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไพร่ที่ริอาจเดินเคียงคู่มากับดาราดังอย่างไงอย่างนั้นเลย
ตุบ!
พึบ!
“กว่าจะมาถึงนะแกยัยพิ้งค์ ฉันกับอีคนสวยนั่งรอกันเป็นชาติ”
“โทษทีวะแก วันนี้ฉันมากับพี่ทามอะก็เลยช้า” หลังจากนั่งลงแล้วฉันก็เอ่ยตอบยัยพริกไทยด้วยท่าทางหอบหน่อยๆเพราะเมื่อกี้รีบสาวเท้าเดินมา
“เอ้า ทำไมไม่ขับรถมาเองอะ”
“เรื่องมันยาวอะขี้เกียจเล่า...แล้วนี่จะขึ้นห้องเรียนเลยปะ”
“ขึ้นดิรอแกอยู่เนี่ย”
“เออๆงั้นไปกันเถอะ” ว่าจบฉันก็เก็บกระเป๋าที่วางลงได้ไม่ถึงสามนาทีขึ้นมาสะพายต่อก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะ...
“พิ้งค์” แต่อยู่ ๆ ยัยสวยก็เรียกชื่อฉัน
“หื้ม? มีอะไรเหรอสวย” คิ้วฉันเลิกขึ้นพร้อมกับรอยัยสวยพูดต่อ
“พี่แกมีแฟนแล้วเหรอ”
“พี่ฉัน? ...อ้อพี่ทามนะเหรอ...” เออ ฉันลืมไปแล้วนะเนี้ยว่าเมื่อวานเพิ่งบอกเพื่อนไปว่าพี่ทามเป็นพี่ชาย
“...ไม่มีนะ” ก็ฉันบอกไปแล้วนี้ว่าพี่ทามเป็นเกย์ อะไรของยัยสวยเนี่ยฉันงงนะ
“แล้วรูปนี้อะ” ยัยสวยยื่นโทรศัพท์ให้ฉันดู ฉันก็เลยถึงบางอ้อทันที เพราะในรูปก็คือพี่ทามกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นหน้าไม่ชัดแต่ฉันรู้ว่าคนสวยในรูปนั้นคือใคร...
ก็คือฉันเองไงจะใครละ เพราะรูปนี้มันคือรูปเมื่อคืนตอนที่เราไปนั่งกินหมูกระทะกัน
แต่เอ๊ะแล้วยัยสวยได้รูปนี้มาจากไหน แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะเพราะตอนนี้มีเรื่องที่ต้องรีบกว่านั้นก็คือขึ้นไปเรียน เพราะมันจะสายอยู่แล้วเนี่ย
“อ้อ ฉันเองเมื่อคืนไปกินหมูกระทะกับพี่ทามมาอะ ไปเรียนกันเถอะจะสายแล้วเนี่ย”
ฉันคว้ามือยัยสวยกับพริกไทยมาจับไว้จากนั้นก็ลากพวกมันสองคนไปทางลิฟต์ทันที แต่ระหว่างทางก็ไม่วายโดนยัยพริกไทยบ่นออกมาเสียงฉุนที่ฉันมาสาย
“สายก็เพราะแกนั้นแหละยัยวอเตอร์พิ้งค์!”
“รู้แล้วๆขอโทษ เดี๋ยววันนี้เลี้ยงน้ำแดงให้เลย” ฉันบอกพร้อมยิ้มให้พวกมัน แต่ไม่วายอีกแล้วค่ะ ไม่วายโดนยัยพริกไทยเกรี้ยวกลับ
“น้ำพิ้งค์! เดี๋ยวเถอะเดี๋ยว เดี๋ยวกูจะจุดธูปแจ้งเจ้าว่ามึงหมิ่นท่าน”
“ฮ่าๆ เออๆขอโทษๆ” ฉันหัวเราะร่าออกมากับคำพูดติดตลกของยัยพริกไทยที่พูดออกมาระหว่างที่รอลิฟต์ขึ้นไปเรียน ส่วนยัยสวยมันก็เอาแต่เคร่งเครียดอยู่กับโทรศัพท์อย่างเดียว ไม่รู้ดูอะไรของมันนักหนา ฉันก็เลยไม่ได้สนใจมันเลือกเล่นกันกับพริกไทยแทนจนกระทั่งลิฟต์มาแล้วเข้าเรียนในที่สุด...