“ไม่ได้สวยแกจะชอบพี่ชายฉันไม่ได้ เดี๋ยวแกจะเสียใจเอาทีหลัง”
ใช่ ฉันควรตัดปัญหานี้ตั้งแต่ตอนนี้ ฉันไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าอนาคตยัยสวยดันรักพี่ทามขึ้นมาจริง ๆ เรื่องมันจะวุ่นวายและจะต้องมีคนเสียใจแน่นอน อย่างเช่น...
“พี่รักสวยไม่ได้หรอก พี่มีคนที่พี่รักแล้ว”
“พี่รักใคร?”
“พิ้งค์...พี่รักพิ้งค์”
“ทำไมอะพี่ทามทำไมถึงไม่เป็นสวยที่พี่รัก สวยรักพี่ทามมากว่าที่พิ้งค์รักพี่อีกนะ”
“สวยอย่าพยายามเลย ยังไงสะคนที่พี่เลือกและคนที่พี่รักสุดหัวใจก็คือพิ้งค์คนเดียว”
“...”
“พิ้งค์...พิ้งค์...ยัยพิ้งค์!!”
“หะ หะ?... เรียกฉันเหรอ?”
“ก็เออสิเรียกแกนั้นแหละ พูดกับยัยสวยอยู่ดี ๆ ก็นั่งเหม่อลอยเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปเลย เป็นไรปะ?”
บ้าจริง นี่เมื่อกี้ฉันนั่งคิดอะไรของฉันเนี่ย บรึ๊ย จักจี้เป็นบ้าเลยมโนไปได้ไงว่าพี่ทามจะรักตัวเองแบบนั้น
เฮ้อ~ ยัยพิ้งค์นะยัยพิ้งค์สมงสมองแกไปหมดแล้วนั้นนะคิดอะไรไม่กลัวฟ้าผ่าเลย คนอย่างพี่ทามนะเหรอจะมารักแก เย็นชาสะขนาดนั้น
“ไม่มีอะไรแค่นั่งคิดอะไรเพลินไปหน่อย ฉันไปเก็บจานก่อนนะ...แต่สวยแกจะชอบพี่ชายฉันไม่ได้นะ ยังไงๆก็ไม่ได้”
ฉันที่กำลังจะลุกไปเก็บจานแล้วแต่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้คุยอะไรค้างกับยัยสวยอยู่ก็เลยหันไปย้ำมันอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปเก็บจานข้าวของตัวเองในเวลาต่อมา
แต่ตอนเดินผ่านโต๊ะพี่ทามฉันก็แอบเบะปากใส่พี่ทามด้วยนะ ก็หมั่นไส้อะเย็นชาขนาดนั้นแล้วยังทำให้ยัยสวยชอบได้อีก
ติ่ง!
พี่ทาม: ปากเป็นไร
เหอะ! มีการไลน์มาถามด้วย จะเป็นอะไรก็เรื่องของฉันเถอะ ยุ่ง!
น้ำพิ้งค์: ไม่รู้สิเห็นหน้าพี่แล้วมันกระตุกเอง
ฉันตอบแค่นั้นก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าผ้าของตัวเองที่สะพายอยู่ จากนั้นก็เดินเมินหน้าพี่ทามที่มองฉันไปนั่งเล่นรอเวลานัดรวมปีหนึ่งอยู่ใต้คณะที่ฉันเรียนเมื่อเช้า
ใช่แล้ว วันนี้รุ่นพี่เขานัดรวมปีหนึ่งวันแรกตอนบ่ายสาม พวกฉันที่ไม่มีเรียนแล้วก็เลยขี้เกียจกลับไปที่ห้องก็เลยนั่งรอที่คณะไปเลย
จนกระทั่งบ่ายสามเป็นเวลานัดของรุ่นพี่ พวกฉันทั้งสามคนก็เดินไปนั่งกันที่ลานคณะซึ่งมีพี่ๆและคนอื่น ๆ นั่งรออยู่แล้ว
แต่ความพิเศษอยู่ตรงไหนรู้ไหม ความพิเศษมันอยู่ตรงที่ลานข้างๆของพวกฉันมีเด็กวิศวะนั่งรับน้องอยู่เหมือนกัน
แล้วไอ้รุ่นพี่ที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างหน้าลานก็คือพี่ทาม ใช่พี่ทามสามีแห่งชาติของฉันเอง ยืนทำหน้าหล่อเก็กขรึมนั้นไง
แล้วข้างๆก็มีพี่ๆคนอื่น ๆ ในกลุ่มที่ไปนั่งทานข้าวเมื่อตอนเที่ยงอีกสามสี่คนยืนอยู่ข้างๆด้วย หนึ่งในนั้นก็มีพี่ไมโครเวฟของยัยพริกไทยด้วย
“พ่อไมโครเวฟของพริกหล่ออะไรปานนั้นละพ่อคุณ” ยัยพริกไทยที่นั่งอยู่ข้างหลังฉันนั่งท้าวคางทำหน้าเคลิ้มมองพี่ไมโครเวฟของมันจนตาเยิ้มไปหมด เห็นแล้วก็อดจะส่ายหัวกับความเกินหน้าเกินตาของมันไม่ได้
“มึงๆพี่คนนั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางอะหล่อมากเลยอะ”
“ใช่ๆ อยากได้วาร์ปพี่เขาจังเลยอะ”
“อยากได้วาร์ปเหรอเรามีนะแต่ทำใจหน่อยละกันพี่เขาไม่สนใจผู้หญิง”
ฉันหันขวับยื่นหน้าไปบอกผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างหน้าทันทีที่ได้ยินว่าแอบกระซิบแล้วแอบเหล่มองพี่ทามซึ่งกำลังยืนเก็กขรึมต่อหน้ารุ่นน้องในคณะตัวเอง จนผู้หญิงสองคนที่ได้ยินฉันพูดแบบนั้นหันขวับมาทำตาโตใส่ฉันทันที
“จริงเหรอ? เสียดายอะ”
ผู้หญิงหนึ่งในสองคนที่นั่งข้างหน้าฉันว่าออกมาด้วยสีหน้าเสียดายสุดๆ ก่อนจะหันกลับไปด้านหน้าที่มีรุ่นพี่กำลังเปิดพิธีอยู่และหลังจานั้นกิจกรรมการพบปะรุ่นพี่กับรุ่นน้องในวันแรกก็ดำเนินไปจนถึงจบกิจกรรม
ในกิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากหรอก...คณะฉันถือว่ารับน้องได้น่ารักมาก ๆคุยกันสุภาพสุดๆ แนะนำตัวรุ่นพี่รุ่นน้องสายรหัสกันแบบเรียบร้อยมีอะไรก็สามารถปรึกษากับรุ่นพี่ได้ แลกไลน์แลกเบอร์กันไปเผื่อมีอะไรต้องปรึกษากันก็จบ
...แต่ตัดภาพไปที่คณะข้างๆพวกฉันสิ...ทั้งตะโกนทั้งตะคอก แหกปาก ดุดันจนพวกฉันที่นั่งอยู่ใกล้ๆยังแอบสะดุ้งตกใจกันอยู่หลายรอบ
เข้าใจนะว่านั้นมันคือวิศวะ แต่ฉันแอบสงสารผู้หญิงตัวน้อย ๆที่มีน้อยกว่าผู้ชายประมาณสามเท่ามากที่ต้องมาเจอรุ่นพี่โหดเย็นชาอย่างกลุ่มของพี่ทามจัง
...แล้วพี่ผู้หญิงที่ชื่อน้ำแข็งซึ่งเป็นแฟนของพี่ภีมก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะ ใช่จ๊ะแม่นางก็เป็นพี่ว๊าก ทำหน้านิ่งจนฉันยังแอบกลัว ไม่รู้ว่าพี่ภีมชายผู้อ่อนโยนของฉันไปตกหลุมรักนางยักษ์อย่างพี่เขาไปได้ไง ดุขนาดนั้นสู้ฉันที่สวยและอ่อนโยนอย่างกับปุยนุ่นก็ไม่ได้ คำหยาบก็ไม่มีเล็ดลอดออกมา ตะคอกตะโกนก็ไม่ทำ ทุกอย่างซอฟหมด!
...ซอฟจนเจ้าสล็อตยังอาย...
3นาทีต่อมา...
“คณะวิศวะนี่รับน้องได้ฮาร์ดคอมาเลยอะ ฉันอยากจะยื่นยาสเตร็ปซิลให้เลย”
“ฮ่าๆ เออๆจริงของแก”
ยัยพริกไทยพูดจบพวกฉันก็หัวเราะร่าออกมาเลยเพราะขำเมื่อนึกถึงภาพก่อนหน้านี้ที่พวกเขาทำ
“ส่งสัยฉันต้องหาทางหาไลน์พี่ไมโครเวฟแล้วละจะได้แอบส่งสเตร็ปซิลไปสักกระเช้าให้ที่บ้านแทนการเลี้ยงข้าวตอนเที่ยงด้วย”
“ฮ่าๆ ขอให้แกหาไลน์พี่เขาเจอพริก”
“ย่ะ ไม่เกินความสามารถของฉันอยู่แล้ว” มันว่าอย่างมั่นอกมั่นใจกลับมา
“เออนี่ขับรถกลับดี ๆกันละไว้เจอกันพรุ่งนี้ต่อ”
...เมื่อเดินมาถึงรถของฉันที่จอดอยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วฉันก็โบกมือร่ำลากับเพื่อนๆก่อน ซึ่งยัยสวยกับยัยพริกไทยก็หยุดเดินแล้วโบกมือให้ฉันเช่นกัน...“เค เจอกันพรุ่งนี้”
...จากนั้นพวกมันสองคนก็เดินไปขึ้นรถของตัวเอง ฉันก็เลยหันมาปลดล็อคประตูรถตัวเองแล้วขึ้นไปนั่งให้เรียบร้อยก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับกลับคอนโดพี่ทาม...
@คอนโดทามไท
18.00น.
ฟุบ!
อ่า~ รู้สึกสบายใจจังพอกลับมาถึงห้องแล้วได้โดดเตียงนุ่มๆแบบนี้ แล้วเตียงพี่ทามนี่ก็หอมจริง ๆ หอมจนฉันต้องเปิดผ้าห่มแล้วซุกตัวเข้าไปข้างในเลยทีเดียว จากนั้นก็หลับตาพริ้มทั้งชุดนักศึกษาไปเลย...
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้วก็เพลียมากเลย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดพ้นจากความหนักอึ้งที่หนังตาแล้วไปเฝ้าพระอินทร์แทน
Zzz
[ Timethai part ]
ปึก!
ผมเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องหลังจากที่กลับมาถึงคอนโด ก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆห้องที่เงียบสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ ผมจึงยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้มันเพิ่งเวลาหกโมงเย็น คิดว่าน้ำพิ้งค์น่าจะยังไม่กลับมาเพราะผมให้เวลาเธอถึงหนึ่งทุ่ม ก็เลยเดินไปทางห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำรอยัยนั้นกลับมา
...จะได้พาไปที่ที่หนึ่งที่แม่เธอโทรมาบอกผมว่าเธออยากไป...
ปึก! แอ๊ด~
...แต่พอเปิดประตูเท่านั้นแหละ...
Zzz
O_O
เชี้ยเอ้ย! ผมถึงกับควันออกหู
น้ำพิ้งค์แม่งขึ้นไปนอนบนเตียงผมทั้ง ๆ ที่อยู่ในชุดนักศึกษาแบบนั้นได้ไงวะ แล้วกระโปรงที่ใส่อยู่แม่งก็ผ่านการนั่งบนพื้นมาด้วย
ยัยบ้าเอ้ย!
รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมบ้างไหมวะเนี่ย...คือผมแม่งไม่ชอบอะไรที่มันสกปรกและไม่เป็นระเบียบเอามาก ๆจะว่าผมเป็นผู้ชายสายเนียบก็ได้ เพราะผมเป็นแบบนั้นจริง ๆ ไม่เชื่อก็แหกตาดูสิ่งของในห้องผมดูได้ว่ามันถูกจัดเป็นระเบียบขนาดไหน!
แต่ดูเธอสิวะ! พาเชื้อโรคไปกอดใต้ผ้าห่มผมแบบนั้นได้ไง
ปึง!
ตึก! ตึก! ตึก!
ผมรีบปิดประตูห้องแล้วเดินดุ่ม ๆ ไปที่เตียงที่ยัยตัวเชื้อโรคนอนอยู่ทันทีก่อนจะอุ้มตัวเธอทั้งผ้าห่มไปโยนในอ่างอาบน้ำในห้องน้ำ
ตุบ!
“โอ้ย!”
และหลังจากนั้นผมก็ยืนเท้าเอวหายใจแรงๆด้วยความโมโหรอน้ำพิ้งค์ค่อยๆกระเสือกกระสนลืมตาลุกขึ้นมาจับขอบอ่างด้วยใบหน้าเหยเก
“พี่ทาม! พี่จับพิ้งค์มาโยนในอ่างทำไมเนี่ยเป็นบ้าเหรอ!”
“เธอสิเป็นบ้าอะไรกลับมาจากมหาลัยแล้วโดดไปนอนบนเตียงฉันทั้ง ๆ ที่ยังไม่อาบน้ำ ไม่รู้หรือไงว่ามันสกปรก!” ผมตวาดเสียงดังกลับไปอย่างโมโหที่ยัยนี้ช่างไม่รู้ห่าอะไรเลย
“นี่! พิ้งค์ไม่ได้สกปรกขนาดนั้นนะ อีกอย่างพิ้งค์ก็ไม่ได้ลงไปกลิ้งที่พื้นกับหมาที่คณะสักหน่อย”
แม่ง เถียงเก่งฉิบหาย ผมยืนเท้าเอวเป็นเทวรูปมารขนาดนี้ยังกล้าถลึงตาเถียงกับผมอีก จะกลิ้งหรือไม่กลิ้งมันก็สกปรกไหมวะ!
ผมคิดถูกหรือคิดผิดว่ะที่ยอมแต่งงานกับยัยเด็กโง่นี้นี่ห้ะ!
“ไม่รู้แหละคราวหน้าคราวหลังก็อย่าบังอาจขึ้นไปนอนบนเตียงฉันอีกถ้าเธอยังไม่อาบน้ำ ถ้าฉันเห็นอีกฉันจะไม่แค่โยนในอ่างอาบน้ำฉันจะโยนเธอลงจากตึกนี้เลยคอยดู”
ว่าจบผมก็หมุนตัวเดินหน้าเข้มออกไปจากห้องน้ำทันทีเพราะขี้เกียจใช้พลังเสียงกับน้ำพิ้งค์แล้ว แค่ว๊ากเด็กปีหนึ่งที่แม่งจองหองกับพวกผมก็เจ็บคอจะตายอยู่แล้วนี่แม่งยังต้องกลับมาใช้พลังเสียงกับยัยเด็กโง่นี่อีก
กล่องเสียงผมอักเสบกันพอดี
“ชิ๊ไอ้คนเรียบร้อยไอ้คนรักสะอาด เหอะ!”
แต่ไม่วายหูผมดันได้ยินเหมือนน้ำพิ้งค์เธอเบะปากว่าผมอยู่ข้างหลัง ผมก็เลยหันขวับไปจ้องตาเขียวให้ จนยัยนั้นหยุดชะงักแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลอกตาซ้ายขวาไปมาแทนที่โดนผมจ้องหน้านิ่งๆกลับไป ก่อนจะเลิกสนใจแล้วเดินออกไปที่เตียงอีกครั้ง
พอไปถึงเตียงผมก็จัดการดึงชุดผ้าปูที่นอนออกให้หมดแล้วหาชุดใหม่มาเปลี่ยนแทน แต่ในระหว่างที่ผมกำลังเปลี่ยนอยู่ อยู่ ๆ ยัยเด็กที่โดนผมโยนทิ้งลงอ่างเมื่อกี้ก็มาดึงออกไปจากมือผม
ปึก!
“พี่ไม่ต้องทำหรอกเดี๋ยวพิ้งค์จัดการเอง”
ผมนี่เท้าเอวเลย เออ! ไม่พอใจไงมาดึงจากมือผมแบบนี้ได้ไงวะ มารยาทนะรู้จักไหม
( - -)
“อะไรเล่าพิ้งค์จะทำให้ไง ไม่ดีหรือไง” แต่พอโดนผมมองแรงใส่ก็ทำเป็นมาโวยวายกลบเกลื่อนแล้วหันหนีไปจัดการผ้าปูที่นอนแทน
ยัยนี้แม่งน่าจับมานั่งพื้นแล้วอบรมสั่งสอนสะให้เข็ด
ติ่ง!
แต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นสะก่อนผมก็เลยเลิกสนใจน้ำพิ้งค์แล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูแทน เพราะกลัวไอ้พวกนั้นมันจะทักมาถามเรื่องที่นัดกันไว้ด้วย
โยธา: เดี๋ยวนี้มึงเป็นเกย์แล้วเหรอวะไอ้ทาม
???
ผมค่อนข้างที่จะงงกับข้อความของไอ้โยเพื่อนสนิทของผมที่มันส่งข้อความมาว่าผมเป็นเกย์
ผมไปเป็นเกย์ตอนไหนวะ? แล้วอะไรของมันอยู่ ๆ ก็เปิดประเด็นเรื่องนี้เลย
ทามไท: เกย์เหี้ยไรของมึง
ผมพิมพ์ถามกลับไปในขณะที่คิ้วก็ขมวดกันเป็นปมจนเกือบจะผูกรวมเป็นอันเดียวกันแล้วเนื่องจากผมไม่รู้ว่ามันไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน
โยธา: ก็เพื่อนน้องที่มึงลากไปที่โรงอาหารตอนเที่ยงวันนี้ไง แม่งไม่รู้ไปได้ไลน์กูมาจากไหน ทักมาถามว่ากูเป็นเกย์หรือเปล่าเพราะน้องเขาบอกว่ามึงเป็น
บ้าเอ้ย! ใครมันปล่อยข่าวว่าผมเป็นเกย์วะ
ทามไท: แล้วน้องคนนั้นไปได้ข่าวมาจากไหน
โยธา: จากน้องคนที่มึงลากไปนั้นแหละ
...น้องคนที่มึงลากไป?
ขวับ!
ผมหันขวับไปที่น้ำพิ้งค์ทันทีที่รู้ว่าเธอทำแสบอะไรไว้กับผม ก็ยัยสีกาที่ผมแตะต้องตัววันนี้และลากไปนั่งที่โต๊ะอาหารก็มีแต่ยัยนี้นี่แหละ
ยัยบ้าเอ้ยเป็นบ้าอะไรไปปล่อยข่าวว่าผมเป็นเกย์วะ
“พี่มองพิ้งค์แบบนั้นทำไมอะ” หึ ยังมีหน้ามาถามอีก
“เธอไปบอกคนอื่นว่าฉันเป็นเกย์ทำไม”
O_o
“พี่...พี่รู้ได้ไง”
“หึ แสดงว่าเป็นเธอจริงสินะ”
พรึบ!
“ว๊าย! พี่ทามพี่จะทำอะไรของพี่เนี้ย” ผมผลักร่างน้ำพิ้งค์ลงไปนอนบนเตียงแล้วคร่อมร่างกายเธอไว้ทันทีก่อนจะจ้องนัยน์ตาที่ตื่นตระหนกของเธออย่างนิ่งๆ
ยัยนี้แม่งไม่รู้จักผมจริง ๆ ใช่ไหมถึงได้ปล่อยข่าวบ้าๆนั้นออกไป
“ทำให้เธอรู้ไงว่าฉันไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่เธอไปบอกให้เพื่อนเธอรู้”
“ดะเดี๋ยวๆ...พี่ใจเย็นๆก่อนนะพิ้งค์อธิบายเรื่องนี้ได้”
น้ำพิ้งค์ยกมือขึ้นมาป้องตัวผมแล้วบอกให้ผมใจเย็นๆอย่างตะกุกตะกัก ทำเหมือนตัวเองมีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น ผมก็เลยถามออกไปว่าต้องอธิบายอะไร
“อธิบายว่าอะไร”
“ก็อธิบายว่าที่พิ้งค์ทำไปเพื่อปกปิดสถานะของเราแล้วก็ป้องกันความวุ่นวายในอนาคตไง พิ้งค์รู้ว่าพี่ไม่ชอบความวุ่นวาย”
หัวคิ้วผมขยับมาชนกันทันทีที่น้ำพิ้งค์อธิบายพลางหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน ก่อนจะถามอีกครั้ง
“ยังไงเล่ามาดิ”
“พี่ลุกออกไปจากตัวพิ้งค์ก่อนได้ไหมมันเล่าไม่สะดวก”
ผมก้มลงดูสภาพของเราสองคนที่นอนทับกันก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปหาคนที่บอกว่าเล่าไม่สะดวกอีกครั้งแล้วตอบกลับไปว่า...
“เธอไม่สะดวกเล่าท่านี้แต่ฉันสะดวกที่จะฟังท่านี้ มีปัญหาอะไรไหม?”
เอาดิทำแสบไว้กับผมแล้วนึกว่าผมจะปล่อยไปง่ายๆเหรอวะ อยากเล่าก็เล่ามันท่านี้แหละ
“ก็ได้!” น้ำพิ้งค์ก็เลยแหวเสียงเข้มตอบผมกลับมาพร้อมกับใบหน้าบูดบึ้งที่บ่งบอกว่าเธอไม่พอใจที่ผมไม่ยอมลงจากตัวเธอ
...แล้วไงใครสน...
“จะเล่าได้ยัง”
“...”
“...ก็จะเล่าอยู่นี้ไงอย่าเร่งสิ...”
“...คือว่ายัยสวยที่เป็นเพื่อนใหม่พิ้งค์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามพิ้งค์ตอนเที่ยงอะเขาชอบพี่ พิ้งค์ก็เลยโกหกว่าพี่เป็นเกย์เพราะไม่อยากให้เพื่อนมาชอบพี่ พิ้งค์ทำแบบนั้นเพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนในอนาคตและรู้ว่าพี่ไม่ชอบความวุ่นวาย...พิ้งค์หวังดีกับพี่นะ”
หึ หวังดีกับผม?
ตะกะอะไรของยัยนี้วะ ไปบอกว่าผมเป็นเกย์เพื่อจะได้ห้ามเพื่อนไม่ให้มาชอบผม แล้วมาบอกว่าหวังดีกับผม
...มันหวังดีกับผมยังไง...
แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเพราะตอนนี้ผมมีเรื่องใหม่ที่นึกขึ้นได้พอดี เรื่องที่ทำให้ผมต้องมาใช้ชีวิตร่วมเตียงกับยัยนี้ไง
“หึ เธอสกัดผู้หญิงคนอื่นเข้าหาฉันแต่ลืมหักห้ามใจตัวเองตอนที่เห็นหน้าไอ้ภีมนี่นะ จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง”
ใช่ เรื่องผู้ชายนี่แหละ
ผมดูออกว่าน้ำพิ้งค์เธอชอบไอ้ภีมแฟนของน้ำแข็ง ก็ตอนที่ไอ้นั้นมันเดินไปที่โต๊ะเธอเมื่อตอนเที่ยงผมสังเกตตลอดแหละว่าน้ำพิ้งค์เธอทำสีหน้ายังไงบ้าง ก็เล่นยิ้มแฉ่งระริกระรี้เป็นไส้เดือนดินขนาดนั้น ไม่งั้นผมจะส่งข้อความไปว่าเธอทำไม
“อะไร พิ้งค์ไม่ได้ชอบพี่ภีมสักหน่อย”
เหอะ! เลิ่กลั่กขนาดนี้มองจากดาวอังคารก็ดูออกไหมวะว่าหวั่นไหวกับมัน
“ไปฝึกมาใหม่ไปเลิ่กลั่กขนาดนั้น”
“ใครเลิ่กลั่ก...ไม่มี๊~ แล้วพี่อะอย่ามาปรักปรำว่าพิ้งค์ชอบพี่ภีมนะ พิ้งค์ไม่ได้ชอบสักหน่อย”
“ฉันก็ยังไม่ได้พูดว่าเธอชอบไอ้ภีมเลยนะ...แต่พูดแล้วก็พูดเถอะ ถ้าไม่อยากแขนขาหักก็อย่าไปยุ่งกับมันเพราะเมียมันดุ อีกอย่างถ้าโดนน้ำแข็งจิกหัวไปตบเมื่อไหร่ฉันไม่ช่วยเธอนะเพราะถือว่าเธอรนหาที่เอง”
“หึ”
ว่าจบผมก็ยันตัวลุกออกจากร่างกายของน้ำพิ้งค์ที่นอนจ้องผมอยู่ จากนั้นก็กระตุกยิ้มมุมปากกลับไปเบาๆก่อนจะหมุนตัวเดินไปอาบน้ำ