หลังจากที่ทามไทเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้ว น้ำพิ้งค์ก็ค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากเตียงมองเขม็งไปที่ประตูห้องน้ำที่คนตัวสูงเดินเข้าไปก่อนหน้านี้อย่างขุ่นเคือง เธอไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาพูดก่อนหน้านี้เขาทราบมาจากไหน แต่ก็สืบได้ไม่ยากเพราะเรื่องที่เธอประกาศว่าทามไทเป็นเกย์มีแค่กลุ่มเธอกับเพื่อนร่วมรุ่นสองคนนั้นเท่านั้นที่รับรู้
แต่ก็ช่างเถอะ...ถึงทามไทจะรู้ว่าเธอเป็นคนปล่อยข่าวนั้นเธอก็ไม่ตกใจเท่ากับเรื่องตกหลุมรักผู้ชายที่ชื่อภีมแล้วสามีที่คุณแม่ของเธอจัดมาให้อย่างทามไทมองออกว่าเธอแอบปิ๊งผู้ชายคนนั้นอยู่ แล้วที่สำคัญเธอก็ดันโป๊ะแตกเลิ่กลั่กพูดออกไปแล้วด้วย
คราวนี้แหละ เธออาจจะโดนจำกัดอิสระขึ้นกว่าเดิมแน่ถ้าเขาเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่เธอจริง ๆ
เฮ้อ~
"ไม่น่าโป๊ะแตกเลยพิ้งค์...ไม่น่าเลยจริง ๆ"
น้ำพิ้งค์พึมพำกับตัวเองสายตาละห้อยอย่างหมดแรงก่อนจะถอนหายใจเดินคอตกออกไปนั่งโซฟาข้างนอกแทน
หลายนาทีต่อมา...
ร่างสูงโปร่งของทามไทเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ กำลังจะเดินไปทางห้องครัวแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นน้ำพิ้งค์ออกมานั่งคอตกยัดขนมเข้าปากเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากอยู่บนโซฟาหน้าทีวีสะก่อน เขาก็เลยหยุดเดินแล้วหันไปถามเธอ...
"เป็นอะไร”
“...เปล่า”
“เหรอ...แค่ฉันรู้ว่าเธอชอบไอ้ภีมถึงกับนั่งหงอยคอตกเลยเหรอ"
ขวับ!
"เหอะ!...เปล่าเถอะ พี่อย่าคิดเองเออเองขอร้อง แล้วที่สำคัญพิ้งค์แค่มองเฉยๆพี่อย่ามาใส่ร้ายพิ้งค์ได้ปะ"
ร่างเล็กบนโซฟาว่าด้วยสีหน้าบูดบึ้งออกไปก่อนจะตะปบขนมในถุงกินอย่างขึงขังในเวลาต่อมาเมื่อเห็นคนตัวสูงดูจะมีความสุขกับการได้คุมความสุขของเธอแบบนั้น
แค่มองผู้ชายนิดๆหน่อยๆเองทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ทำอย่างกับตัวเองไม่เคยมองผู้หญิงสวยๆแล้วปลื้ม
"หึ ถ้าไม่อยากให้ฉันใจร้ายกับเธอก็เลิกชอบไอ้ภีมสิ อีกอย่างที่แม่เธอยอมให้เธอมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะฉัน ถ้าเธอไม่เชื่อฟังฉัน ฉันจะรายงานเรื่องวันนี้ของเธอทุกอย่าง รวมถึงเรื่องขับรถด้วย"
นั้นไงเห็นไหมว่าเขาใจร้ายและขี้ฟ้องด้วย
"พี่ทาม! นี่พี่กลายเป็นคนขี้ฟ้องไปแล้วเหรอ"
"เขาเรียกว่ารายงาน"
“เหอะ!”
น้ำพิ้งค์กระแทกลมหายใจออกไปอย่างฉุนเฉียวหลังจากที่ทามไทว่าด้วยสีหน้านิ่งๆจบเขาก็เดินไปทางห้องครัวทันที ปล่อยให้เธอที่เด้งตัวจากโซฟานั่งทำหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ต่อไปที่โดนเขาตอบกลับมาแบบนั้น แต่ไม่วายยังไม่ทันจะได้พิงโซฟากลับตามเดิมก็ได้ยินเสียงคนตัวสูงตะโกนแว่วออกมาอีกครั้ง...
"รีบไปอาบน้ำสะถ้าอยากไปกินหมูกระทะ"
พรึบ!
"พี่ว่าอะไรนะ"
จากที่ทำหน้าบูดบึ้งก่อนหน้านี้พอได้ยินประโยคมีอิทธิพลปุ๊บ....น้ำพิ้งค์ก็หูผึ่งเด้งตัวลุกออกจากโซฟาพร้อมยิ้มแฉ่งทันทีที่ได้ยินคนตัวสูงในห้องครัวตะโกนออกมาว่าจะพาเธอไปกินหมูกระทะตามที่เธอเคยบ่นกับแม่ไปเมื่อคืนนี้ โดยที่ลืมเรื่องที่มีปากเสียงกับคนตัวสูงในครัวก่อนหน้านี้ไปชั่วพริบตา
"ถ้าขี้หูเยอะก็ไปหาที่แขะหูมาแขะออกไป" แต่ก็ไม่วายโดนคนปากร้ายอย่างทามไทตอบกลับมาด้วยความกวนโอ้ยจนได้เมื่อเธอทวนคำพูดของเขา...
แต่ไม่เป็นไรเธอจะทำเป็นไม่สนใจละกันเพราะเธอมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าอย่างหมูกระทะรออยู่
ฟึบ!
เธอจึงรีบก้มลงกอบโกยพวกถุงขนมต่าง ๆ ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาไว้ในอ้อมอกอย่างไวก่อนจะเดินลั้ลล้าไปเก็บในห้องครัวที่มีคนตัวสูงยืนดื่มน้ำเปล่าอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว เก็บเสร็จเธอก็ไม่ลืมที่จะเชิดหน้าใส่คนที่ดื่มน้ำอยู่อย่างทามไทก่อนเดินออกมาจากห้องครัวด้วย
@ร้านหมูกระทะ96 อร่อยสดขี้ไม่รั่วยินดีคืนเงิน
“อร่อยสดขี้ไม่รั่วยินดีคืนเงิน”
อึกอึก
หลังจากที่มาถึงร้านหมูกระทะและได้ลงจากรถของทามไทเรียบร้อยแล้ว น้ำพิ้งค์ก็ยืนกลืนน้ำลายตัวเองลงคอดังอึกทันทีที่เห็นป้ายหน้าร้านที่ช่างโปรโมทได้น่าสยดสยองสำหรับกระเพาะอาหารและทวารหนักของเธอเหลือเกิน จนเธอต้องแอบจับก้นกับหน้าท้องด้วยความหวั่นใจ
“เป็นไรจับก้นปวดขี้หรือไง” ทามไทที่เดินลงมาจากรถเดินมาหยุดข้างๆน้ำพิ้งค์ ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไปเมื่อเห็นเธอยืนทำหน้าไม่สู้ดีนัก
“...พี่พาพิ้งค์มาฆ่าหรือเปล่าเนี่ย ดูป้ายโปรโมทนั้นสิ”
น้ำพิ้งค์พยักพเยิดหน้าไปที่ป้ายโปรโมทหน้าร้านที่ทำเธอกลัวจนไม่กล้าขยับเท้าเข้าไปในร้านให้ทามไทดู
“มันก็แค่ป้ายจะไปกลัวอะไร หรือเธอไม่อยากกินแล้วถ้าไม่อยากกินจะกลับก็ได้นะ”
“เปลี่ยนร้านได้ไหม”
“ไม่เปลี่ยน ให้เลือกแค่จะกินกับจะกลับเท่านั้น”
คนบ้าเอ้ย เขาเป็นคนที่ใจร้ายและใจร้ายกับเธอได้เสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ ก่อนหน้านี้อุตส่าห์ดีใจที่บอกว่าจะพามากินหมูกระทะ
แต่ดูตอนนี้สิ....แล้วก็ดูร้านที่พามาสิ ขี้ไม่รั่วยินดีคืนเงินใครมันจะกล้าเข้าไป
“ว่าไง จะกินหรือจะกลับ”
“กิน”
ใช่ เธอจะกินและถ้าเธอกินไปแล้วเกิดท้องเสียขึ้นมาละก็คนที่ต้องรับผิดชอบและดูแลเธอก็คือเขานั้นแหละ
เพราะฉะนั้นไปค่ะ เดินเข้าร้านไปด้วยความมั่นใจเหมือนพริกไทยเมื่อเช้านี้
“เอ้าเห้ย! ไอ้ทาม! ทางนี้เว้ย ตรงนี้ๆ” ผู้ชายหน้าตาดีท่าทางกวนหน่อยๆนั่งโบกไม้โบกมือเรียกคนตัวสูงข้างๆเธอด้วยหน้าระรื่นตรงบริเวณโต๊ะตรงกลางของร้าน
ซึ่งในโต๊ะนั้นมีผู้ชายที่นั่งด้วยกันอีกอยู่ประมาณสามสี่คนด้วยกัน ประกอบด้วย...
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ดูท่าทางกวนๆที่นั่งโบกไม้โบกมือแล้วหนึ่ง
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาดูรวยมีสกุลรุนชาติแต่แอบเท่ห์อีกหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างๆผู้ชายคนแรก
ถัดมาผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาดูอบอุ่นเปรียบเสมือนตู้ไมโครเวฟที่ขนาดยืนอยู่ห่างกันหกเมตรยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเขาอีกหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆคนที่สอง
และสุดท้ายผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาแต่ดูนิ่งๆดูสุขุมไม่ค่อยพูดค่อยจาดูๆแล้วบุคลิกก็จะคล้ายๆกับคนข้างๆเธอตอนนี้ที่กำลังเดินไปหาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกหนึ่ง ซึ่งนั่งถัดมาเป็นลำดับที่สี่
สรุปแล้วเขาพาเธอมากินหมูกระทะเนื่องในโอกาสต้องการต้อนรับเธอหรือเขาพามากินหมูกระทะเพราะนัดกับเพื่อนไว้แล้วกันแน่
เฮ้อ~
อุตส่าห์คิดดีนึกว่าจะใจดีพามาให้ แต่ที่ไหนได้มาเพราะนัดกับเพื่อนไว้อยู่แล้ว...
“ไงมึง นัดมาสองทุ่มแต่มาสองทุ่มครึ่งไม่สมกับเป็นเฮดว้ากที่สอนเรื่องเวลากับน้องๆเลยนะไอ้ทาม” คนที่นั่งเก้าอี้ตัวแรกซึ่งมีชื่อว่าแปลนเอ่ยขึ้นทันทีที่ทามไทดึงเก้าอี้ลงไปนั่งฝั่งตรงข้าม
เมื่อเขาซึ่งเป็นคนนัดกับเพื่อนๆว่าจะมาถึงร้านตอนสองทุ่มแต่ความเป็นจริงแล้วสองทุ่มเขายังนั่งรอน้ำพิ้งค์แต่งตัวอยู่ที่ห้องอีก
ใช่ เขาไม่เคยรู้ว่าผู้หญิงจะใช้เวลาในการแต่งตัวได้นานขนาดนั้น เขาคิดแค่ว่าเธออาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวออกมาได้เลยแต่เปล่า...เธออาบน้ำเสร็จเธอยังไม่สามารถเลือกชุดได้ว่าจะใส่ชุดไหนออกมา
ซึ่งนั้นก็ทำให้เขาที่นั่งรออยู่ข้างนอกเมื่อหลายนาทีที่แล้วถึงกับเซ็ง
“โทษทีมีคนไม่รู้จักเวลาพ่วงท้ายมาด้วย”
ขวับ!
“พี่เป็นคนชวนพิ้งค์มาเถอะ” น้ำพิ้งค์ที่รู้ตัวว่าโดนแขวะรีบหันขวับไปแก้ทันทีที่โดนคนข้างๆเม้าท์ว่าเหมือนเธออยากตามเขามาแถมยังว่าเธอไม่รู้จักเวลาอีกด้วย
ก็ใครมันจะไปรู้ละว่าเขาจะนัดเพื่อนๆมากินด้วยเธอก็เลยไม่ได้สนใจเวลาที่จะออกมา รู้แต่ว่าออกจากห้องแล้วคนที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้ก็ทำหน้านิ่งบอกบุญไม่รับแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี จนกระทั่งตอนนี้นี่แหละที่รู้ว่ามีเพื่อนมาด้วย
“แล้วนี่มึงไม่คิดจะแนะนำคนที่มึงพามาด้วยเหรอวะไอ้ทาม” คนที่นั่งเป็นลำดับที่สองที่ดูเท่ห์ๆหน่อยมองไปที่น้ำพิ้งค์นิ่งๆ
...ซึ่งนั้นก็คือตฤณ...
เมื่อตอนเที่ยงเขาเห็นหญิงสาวคนนี้ที่เพื่อนลากไปนั่งที่โต๊ะแล้วแต่ก็ไม่ได้สนใจถามเพราะคิดว่าเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ชอบเรียกร้องความสนใจกับเพื่อนเฉยๆ แต่พอเห็นเพื่อนพามากินหมูกระทะตอนนี้ด้วยแล้วคงไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไปที่ชอบมาเรียกร้องความสนใจกับเพื่อนแน่นอนเพราะมันผิดปกติ
ใช่ ทามไทเพื่อนของเขาถือว่าฮอตมากในหมู่สาวๆ ฮอตชนิดที่ว่าสาวล้อมหน้าล้อมหลังเลยทีเดียว แต่เสียดายเพื่อนเขาไม่ยุ่งกับใครสักคนเพราะเป็นคนเย็นชากับสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้
เขาก็เลยเกิดความสนใจใคร่อยากรู้มาก ๆว่าสาวสวยหน้าตาน่ารักคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเพื่อน เพื่อนถึงได้พามานั่งตรงนี้ด้วยกันได้
“นี่น้ำพิ้งค์” ทามไทแนะนำน้ำพิ้งค์ให้เพื่อนๆทั้งสี่คนรู้จักด้วยสีหน้าเรียบนิ่งหลังจากที่โดนตฤณทวงถาม ซึ่งน้ำพิ้งค์ก็ยกมือไหว้รุ่นพี่ทันทีที่ถูกแนะนำ
“สวัสดีค่ะ”
“หวัดดีครับพี่ชื่อแปลน” แปลนรับไหว้แล้วแนะนำชื่อตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“พี่ชื่อตฤณ”
“พี่ชื่อโยธาครับ” เมื่อทุกคนแนะนำตัวกันเป็นทอดๆแล้วต่อมาสายตาเธอก็ไปสะดุดกับคนสุดท้ายที่นั่งกินหมูกระทะอยู่เงียบๆคนเดียว
“...”
“ส่วนไอ้นั้นมันชื่อเธียร” เป็นทามไทที่แนะนำชื่อเพื่อนคนสุดท้ายที่นั่งคีบหมูกระทะเข้าปากแทน ซึ่งเขาเป็นคนนิ่งๆที่ไม่ค่อยพูด ง่ายๆคือพูดน้อยต่อยหนักและมีตำแหน่งเป็นรองเฮดว๊ากคณะด้วย
“ค่ะ”
“แล้วพวกมึงสองคนเป็นอะไรกันวะ” ยังคงเป็นตฤณที่ตั้งคำถามต่อมากับเขา เขาจึงจ้องไปที่เพื่อนซึ่งนั่งตรงข้ามกับเขาพอดีด้วยความเบื่อหน่ายที่เพื่อนมาตั้งคำถามปัญญาอ่อนนั้นกับเขา
และที่สำคัญเขาก็ดูออกว่าเพื่อนอย่างตฤณนั้นกำลังสนใจเรื่องของเขากับน้ำพิ้งค์ตอนนี้มาก มากชนิดที่เรียกว่าเสือกได้เลย และรอยยิ้มที่มุมปากนั้นก็ทำให้เขาเกิดความรำคาญมากเช่นกัน
จนโพล่งบางอย่างที่ทำให้ทุกคนช็อกออกไป
“...ผัวเมีย พอใจมึงยังไอ้ตฤณ”
ขวับ!
“O_O” น้ำพิ้งค์
“ !!! ” แปลน
และคนอื่น ๆ
“O_O”
ทุกคนต่างเบิกตาโตและช็อกไปตามๆกัน ทันทีที่ได้ยินประโยคแสนช็อกจนเส้นเลือดในสมองเกือบจะแตก เมื่อคนที่เย็นชาและแสนหวงตัวอย่างเฮดว้ากคณะวิศวะประกาศกร้าวว่ามีเมียแล้ว
ยกเว้นแต่น้ำพิ้งค์ที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเปิดเรื่องสถานะให้เพื่อนๆรับรู้ ในขณะที่ตอนเที่ยงเธอพยายามปกปิดเรื่องนี้จากเพื่อนๆแทบตาย
“..เอ๋อ...แล้วพวกมึงเป็นผัวเมียกันได้ไงวะ แต่งงานกันหรือปักๆกันทั่วไปอย่างไอ้ตฤณ”
ผัวะ!
“โอ้ย!”
“อย่าโยงเก่งเป็นแกทแพทไอ้สัสแปลน” ตฤณที่นั่งอยู่ข้างๆแปลนยกมือขึ้นไปผัวะเข้าให้ ทันทีที่แปลนโยงเขาเรื่องของตนเองอย่างเนียนๆ
ส่วนคนที่ถูกโยงอย่างน้ำพิ้งค์ก็ได้แต่นั่งบีบมือตัวเองบนตักเงียบๆอย่างเดียวเพราะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกที่คนข้างๆเปิดเผยสถานะแบบโจ่งแจ้งขนาดนั้น
เธอไม่เคยคิดว่าคนที่ดูจะต่อต้านการถูกบังคับให้แต่งงานอย่างทามไทจะมาเปิดโปงสถานะอันลับสุดยอดแบบนี้กับเพื่อน และตอนนี้เธอก็งงไปหมดแล้วด้วย ว่าจริง ๆแล้วควรจะเป็นยังไง
ควรจะทำเป็นแต่งแล้วเงียบหรือแต่งแล้วประกาศกันแน่
“เรื่องมันยาว”
ทามไทตอบแปลนกลับไปแบบชิว ๆ แล้วคีบหมูกระทะที่โยธานั่งย่างให้ใส่จานน้ำพิ้งค์ที่นั่งเงียบกริบหลังจากที่เขาเผยสถานะออกไปพร้อมกับเหลือบมองเธอเล็กน้อย
“แต่พวกกูมีเวลาฟัง เล่ามาเลย”
“มึงไม่ค่อยอยากจะเสือกเรื่องของมันเลยนะไอ้แปลน”
“มีใครที่ไม่อยากเสือกเรื่องของเฮดว้ากคณะวิศวกรรมศาสตร์ผู้เงียบขรึมอย่างไอ้ทามที่แม่งไม่เคยมีข่าวว่าควงผู้หญิงมาก่อนเลยบ้างวะ? แต่จู่ๆ แม่งมีเมียเฉย”
!!!
ไม่เคยควงผู้หญิง? น้ำพิ้งค์เบิกตาโตสะดุดกับคำว่าไม่เคยควงผู้หญิงของแปลนทันทีที่บอกว่าคนข้างๆเธอที่สุดแสนจะหล่อเท่ประเสริฐศรีขนาดนี้ไม่เคยควงผู้หญิง
เป็นไปได้เหรอ?
หรือว่าเขา....
“ฉันไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่เธอไปบอกเพื่อนนะยัยตัวแสบ หยุดมองฉันแบบนั้นสักทีเดี๋ยวแม่งก็จิ้มตาให้หรอก”
ทามไทรีบเอ่ยดักทางด้วยความฉุนเฉียวทันทีเมื่อน้ำพิ้งค์มองหน้าเขาแล้วทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่คนเดียวแล้วก็ทำหน้าตกใจภายหลัง
“ฮาร์ดคอกับเด็กปีหนึ่งไม่พอแม่งยังฮาร์ดคอกับเมียด้วยวะ มึงนี่มันสุดยอดจริง ๆเลยไอ้ทาม” ตฤณหัวเราะเบาๆในลำคอหลังจากที่ดูเพื่อนทำหน้าดุใส่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียอย่างน้ำพิ้งค์
“น้องไม่ต้องกลัวมันหรอก กินหมูนี่ดีกว่า” โยธาที่เป็นคนรู้เรื่องคร่าวๆของเพื่อนมาบ้างแล้วยิ้มอบอุ่นให้น้ำพิ้งค์ก่อนจะคีบหมูกระทะให้
“อ้าวเปลี่ยนเรื่องกันง่ายแบบนี้เลยเหรอวะ กูยังไม่ได้รู้เลยนะเว้ยว่าไอ้ทามได้กับเมียมันยังไง” แปลนที่เห็นเพื่อนๆกำลังจะเปลี่ยนเรื่องคุยโวยขึ้นมาอย่างไม่ยอม
“มันจะได้กับเมียมันยังไงมึงจะไปเสือกอะไรกับมันวะไอ้แปลน แดกหมูไปเถอะมึงอะ” ตฤณว่าพร้อมกับตักเนื้อหมูใส่จานตรงหน้าแปลน
จากนั้นทุกคนก็นั่งกินต่อไปโดยพูดเรื่องสัพเพเหระของเด็กปีหนึ่งที่นัดเจอวันนี้แทนการพูดคุยเรื่องส่วนตัวของทามไท จนกระทั่งที่กินเสร็จและบนโต๊ะก็ไม่เหลืออะไรนอกจากจานและเศษอาหารบางส่วนที่เหลือไว้แค่นั้น
5นาทีต่อมา...
“โคตรอิ่มเลยวะ” แปลนพูดพร้อมกับลูบหน้าท้องด้วยความอิ่ม
“มึงไม่อิ่มก็แปลกแล้วไอ้แปลน หมูที่ไอ้โยย่างเสร็จมึงก็เอาไปแดกหมด”
“โทษทีวะกูอดมื้อเย็นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ”
“สัส...เอองั้นก็แยกย้ายตรงนี้เลยนะ กูกลับละแม่งอิ่มเหมือนท้องจะแตกเลยวะ ไปไอ้เธียร” ตฤณว่า
“เคกลับบ้านดีๆ”
หลังจากที่ทานกันเสร็จแล้วเดินออกมาจากร้านตฤณกับเธียรก็ขอแยกตัวกลับก่อน โยธากับแปลนก็เลยหันมาบอกลาเพื่อนอย่างทามไทเช่นเดียวกัน...
“งั้นกูกับไอ้แปลนกลับก่อนนะ”
“อืม ขับรถดีๆ” ใบหน้าหล่อเหลาของทามไทพยักหน้ารับรู้ให้เพื่อนทั้งสองคนที่เตรียมหมุนตัวเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกลเป็นคู่ต่อไป
และทันทีที่ทุกคนขึ้นรถกลับไปหมดแล้ว น้ำพิ้งค์ก็หันขวับจ้องตาเขียวใส่ทามไททันที
“พี่ทาม! เมื่อกี้พี่พูดบ้าอะไรของพี่ พี่ไปบอกเพื่อนๆพี่ว่าเราเป็นผัว...เอ๋อ..สามีภรรยากันทำไม”
“เธอยังบอกเพื่อนเธอว่าฉันเป็นเกย์ได้เลย”
“แต่มันไม่เหมือนกันนะ พิ้งค์ทำเพราะไม่อยากให้สวยมันชอบพี่”
“แต่เธอก็บอกเพื่อนเธอว่าฉันเป็นพี่เธอ”
“แล้วมันไม่ดีหรือไงที่พิ้งค์บอกว่าเป็นน้องพี่อะ”
“ฉันยอมแต่งงานกับเธอเพื่อให้เธออยู่ในสถานะเมียไม่ใช่น้อง! อย่าโง่”
!!!
ว่าจบทามไทก็เดินล้วงกระเป๋าไปขึ้นรถอย่างฉุนเฉียวปล่อยให้น้ำพิ้งค์ยืนช็อกที่โดนด่าว่าโง่ทั้ง ๆที่ยังงงงวยต่อไป จนกระทั่ง...
ปี๊น!!!!!!!
เฮือก!
“จะกลับไหมบ้านอะ ถ้าไม่กลับฉันจะได้กลับคนเดียว” หลังจากที่กดบีบแตรจนน้ำพิ้งค์ที่ยืนหน้ารถขวัญกระเจิงไปแล้วเขาก็ชะโงกหัวตะโกนถามเสียงหงุดหงิดต่อ จนน้ำพิ้งค์รู้สึกโมโหกระทืบเท้าเดินไปขึ้นรถในที่สุด
ปึก!
“ถ้าเห็นพิ้งค์เป็นเมียรบกวนช่วยอ่อนโยนหน่อย เพราะพิ้งค์เปราะบางด่าโง่แล้วรู้สึกเจ็บ”
“...งั้นก็อย่าฉลาดน้อย กินปลาเยอะๆจะได้ฉลาดว่าเธอไม่ได้แต่งมาเป็นน้องฉัน”
“...”