จีบครั้งที่ 1

2286 คำ
แพขนตางอนยาวขยับไหวไปตามจังหวะกะพริบตาเมื่อผู้เป็นเจ้าของดวงตากลมโตสีน้ำตาลกำลังช้อนดวงตาขึ้นสบกับผู้เป็นพ่อ แขนเรียวขาวทั้งสองข้างยกขึ้นกอดเอวของปะป๊าไว้แน่น ในขณะเดียวกันก็ส่งสายตาเจือแววออดอ้อนอย่างไม่ลดละ “หนูอยู่ได้จริงๆ เหรอคะ ปะป๊าให้หนูคิดอีกที” “หนูอยู่ได้…” พระรามถามย้ำลูกอีกครั้งเพื่อให้แก้วตาดวงใจตัวน้อยได้ลองคิดไตร่ตรองและตัดสินใจอีกครั้ง แต่ทว่าเจ้าเหมียวเล็กของเขากลับส่งสายตาออดอ้อนมาเช่นเดิม ราวกับต้องการสื่อว่าได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นับตะวัน หัสวอนันต์ ลูกชายคนเล็กของพระราม หัสวอนันต์ และ จันทร์เจ้า หัสวอนันต์ กำลังจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ C ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดนับพันกิโลเมตร ต้องใช้ระยะเวลานั่งเครื่องบินถึง 18 ชั่วโมง นั่นทำให้คนขี้ห่วงลูกแบบพระรามงอแงไม่หยุด ปะป๊าคนหล่อกำลังหว่านล้อมลูกชายสุดที่รักให้กลับไปเรียนที่ประเทศบ้านเกิด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นห่วงนับตะวันยิ่งกว่าตฤณภพ เจ้าเหมียวเล็กใสซื่อและไม่ทันคน กลัวว่าหากอยู่ไกลหูไกลตาแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเขากับจันทร์เจ้ามาช่วยไม่ทัน “ป๊าไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวตฤณดูแลน้องเอง” “นั่นแหละที่ป๊าห่วง” “อ้าว” จันทร์เจ้าแอบขำลูกชายคนโตที่เกาหัวแกรกๆ เมื่อถูกผู้เป็นพ่อช็อตฟีลใส่ ลูกชายตัวน้อยทั้งสองคนเติบโตจนเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว ไม่สิ หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งเหมียวเล็ก…ตฤณภพโตมาหล่อเหลาถอดแบบปะป๊ามาทุกอย่าง (ยกเว้นนิสัย) ส่วนนับตะวันก็ช่างดูนุ่มนิ่มน่ารักราวกับลูกแมววัยสองเดือน “หนูอยากเรียนที่นี่มากๆ ปะป๊าไม่ต้องห่วงนะ ถ้าคิดถึงหนูก็บินมาหาบ่อยๆ ได้เลย” นับตะวันไม่อยากให้ปะป๊ากับหม่าม้ารู้สึกเป็นห่วง เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว ยังมีพี่ตฤณอยู่ด้วยทั้งคน อีกทั้งปะป๊าก็ซื้อบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มากในโครงการบ้านที่มีระบบดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดีไว้ให้ตั้งแต่ตอนที่พี่ตฤณมาอยู่ที่นี่แล้วด้วย นับตะวันเข้าใจที่ปะป๊าเป็นห่วง แต่เขาตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะเข้าที่นี่ให้ได้ “พี่รามปล่อยลูกให้โตได้แล้ว” จันทร์เจ้าพยายามเกลี้ยกล่อมผู้เป็นสามี “เอาอะไรมาโต นับตะวันยังสามขวบอยู่เลยจันทร์” “เฮ้ออออ” จันทร์เจ้าถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ อยากจะบ้าา พี่รามน่ะหวงและห่วงลูกชายคนเล็กมากๆ แล้วก็ตามใจนับตะวันที่สุด อาจจะเพราะใบหน้าน่ารักและความขี้อ้อนซึ่งต่างจากคนเป็นพี่ชายล่ะมั้ง ส่วนทางด้านตฤณภพอันนี้เขากับพี่รามไม่ค่อยห่วงสักเท่าไหร่ เจ้าแสบคนพี่เอาตัวรอดเก่ง สมัยมัธยมก็ไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนบ่อยๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่ประเทศ C มหาวิทยาลัยเดียวกับที่นับตะวันสอบได้เนี่ยล่ะ “หนูอยู่ได้จริงๆ” “โอเค ปะป๊ายอม ถ้าไม่ไหวยังไงโทรหาปะป๊าได้ตลอดเลยนะ ตฤณดูแลน้องดีๆ นะลูก” “ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ตฤณดูแลยัยเจ้าหญิงมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงป๊าสบายใจได้” “ดีลนะ” “ดีลครับ” กำปั้นของพ่อลูกยกขึ้นชนกันเบาๆ เมื่อเอ่ยจบประโยค ตฤณภพโน้มตัวลงมาหอมแก้มเนียนของน้องชายก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วเมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน วันนี้ไอ้พวกเพื่อนๆ เขามันจะมาทำบาร์บีคิวกินกันล่ะ เพราะมีเจ้ามือเลี้ยงค้าบบบ ปะป๊ากูเองงง ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันเมื่อจมอยู่ในห้วงความคิด นับตะวันเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่ง ไม่ว่าจะเสียใจหรือดีใจ ทุกอย่างแสดงออกมาผ่านใบหน้าสวยหวานทั้งหมด ดวงตากลมโตใสซื่อราวกับลูกกวางตัวน้อย รูปร่างบอบบาง น่าทะนุถนอม ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมพระรามถึงหวงนักหวงหนา จันทร์เจ้าอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าแมวอ้วนเบะปากน้อยๆ เมื่อรู้ว่าต้องห่างลูกคนเล็ก เขาเข้าไปลูบแขนสามีเบาๆ พระรามหลุบดวงตาคมลงมองบริเวณที่ถูกมือนุ่มนิ่มของภรรยาคนสวยลูบแผ่วเบา หัวอกคนเป็นพ่อเจ็บปวดราวกับถูกเล็บแมวข่วนหัวใจ พระรามยอมรับว่าตอนนี้จันทร์เจ้าเก่งกว่าเขาอีก ภรรยาตัวเล็กไม่งอแงที่ลูกมาเรียนต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย ต่างจากเขาลิบลับ “ลูกโตแล้ว” จันทร์เจ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความอ่อนโยน “ครับ” เสียงดังจากบริเวณหน้าบ้านทำให้คนที่นั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นพร้อมใจกันหันไปมอง ภาพตรงหน้าคือเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาทั้ง 5 คนซึ่งรวมตฤณภพที่เดินออกไปรับเพื่อนด้วย “ป๊าม้าสวัสดีค้าบบบ” พระรามกับจันทร์เจ้ายกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทันเมื่อเพื่อนลูกชายที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตายกมือไหว้ทักทาย แขกที่มาใหม่คือเพื่อนสนิทของตฤณภพ ซึ่งจันทร์เจ้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี พอร์ช เพลิง ไทเลอร์ เป็นเพื่อนกับตฤณภพตั้งแต่เด็ก จะมีก็แต่นานะซึ่งมารู้จักกันตอนเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ “เต็มที่เลยนะเด็กๆ หม่าม้าฝากเงินไว้กับตฤณนะ กินกันให้สนุกเดี๋ยวหม่าม้ากลับก่อน” เขากับพี่รามต้องบินกลับประเทศ T ในวันนี้แล้ว “ให้หนูไปส่งไหม” นับตะวันเดินเข้ามากอดเอวผู้เป็นแม่พร้อมกับส่งแววตาออดอ้อนให้อย่างทุกครั้ง ริมฝีปากสวยเบะออกน้อยๆ ราวกับจะร้องไห้ ทำให้จันทร์เจ้าต้องยกมือขึ้นลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลของลูกชายอย่างแผ่วเบา “หนูอยู่สนุกกับพวกพี่ๆ เถอะ เดี๋ยวป๊ากับม้าไปสนามบินเอง” “…” “อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก” “…” นับตะวันตัวน้อยพยักหน้าเบาๆ “ถ้ามีอะไรหนูโทรหาปะป๊าได้ตลอดนะคะ” “หนูรู้” “เดี๋ยวปะป๊าบินมาหาบ่อยๆ” แก๊งเพื่อนสนิทของตฤณภพมีทั้งหมด 5 คนคือ พอร์ช เพลิง ไทเลอร์ ไอ้สามคนนี้เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยเด็ก เรียกได้ว่าโตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้ แล้วก็จะมีนานะ ซึ่งมารู้จักกันตอนปี 1 ที่มหาวิทยาลัย ถ้าพอร์ช เพลิง ไทเลอร์หล่อขั้นเทพ นานะก็น่ารักขั้นเทพ เพราะอะไร เพราะตฤณภพชอบ แต่ติดเฟรนด์โซนอยู่... เส้นผมสีน้ำเงินเข้มที่เสียค่าย้อมแพงหูฉีกขยับไหวไปตามแรงลมเมื่อเดินออกมาบริเวณสระว่ายน้ำหลังบ้าน ข้างๆ กันจะเป็นสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งตอนนี้มีเตาย่างบาร์บีคิวจับจองอยู่ มันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่เขาต้องนัดเพื่อนมาที่บ้าน ไม่เมาก็เล่นเกม ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ไปคอนโดไอ้พอร์ช คอนโดแม่งหรูหราหมาเห่ามากกว้างมากด้วย สมแล้วที่เป็นลูกคนรวย...ว่าแต่กูก็รวยนะ “น้องง อยากกินอะไรเพิ่มเติมบอกพี่ตฤณได้เลยนะ” นับตะวันค่อยๆ ช้อนดวงตากลมโตขึ้นสบกับพี่ชายที่ตะโกนเอ่ยถามเขาเสียงดังลั่น คนน่ารักชินเสียแล้วแหละกับนิสัยแบบนี้ของพี่ชาย แล้วก็ชินกับการที่พี่ชายพาเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านแบบนี้ด้วย พี่ตฤณทำแบบนี้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ประเทศ T ท่อนขาเรียวสวยภายใต้กางเกงขาสั้นสีครีมก้าวเท้าอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนจะวางถาดแก้วน้ำที่ถือมาลงบนโต๊ะไม้สีขาว ก่อนจะตอบกลับพี่ชายไปด้วยน้ำเสียงหวานหู “ตะวันดื่มด้วยได้ไหม?” ไอ้น้ำสีเข้มๆ นี่มันอร่อยมากสินะ พี่ชายเขาถึงได้ชอบกินมันอยู่บ่อยๆ นับตะวันเคยขอปะป๊าชิมอยู่ครั้งหนึ่งสมัยมัธยม แต่รสชาติขมลิ้นมากๆ จนต้องหันหนี เวลาผ่านไปหลายปี เขาโตขึ้น...ขอลองอีกครั้งมันจะรสชาติดีกว่าครั้งนั้นไหมนะ “จะดื่มเหรอ” ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงพี่ชายของเขา เสียงที่ดังจากด้านหลังในระยะประชิดทำเอานับตะวันชะงักอย่างกะทันหัน ลมหายใจร้อนเป่ารดบริเวณต้นคอ มือคู่น้อยกำชายเสื้อเอาไว้แน่น พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ แม้ว่ามันจะสวนทางกับเสียงหัวใจที่ดังตึกตักๆ ราวกับมีคนมารัวกลองในนั้น “มะ...ไม่ดื่มก็ได้” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและแผ่วเบาจนคนตัวสูงที่เอ่ยถามอยู่ข้างหลังต้องโน้มกายลงมาฟังใกล้ๆ กลิ่นน้ำหอมอันแสนคุ้นเคยอีกทั้งความใกล้ชิดที่นับตะวันรู้สึกได้ ทำเอาเด็กน้อยอยากวิ่งหนีออกไปให้ไกลๆ เขิน! “ไม่สบายหรือเปล่าน้องตะวันทำไมหน้าแดง” เพลิงที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามน้องชายของเพื่อนสนิทด้วยสายตางุนงง แก้มขาวของเจ้าหญิงน้อยขึ้นสีระเรื่อราวกับคนเป็นไข้ “ไอ้เหี้ยตฤณ นางฟ้าของกูป่วยเหรอ มึงดูแลน้องยังไง!” “หืมม น้องป่วยเหรอคะ น้องงงง” คนเว่อร์กับน้องแหกปากลั่นก่อนจะทิ้งทุกอย่างในมือแล้วพุ่งมาหานับตะวัน “ตะวันไม่ได้ป่วย ตรงนี้อากาศมันร้อนเฉยๆ” “แน่นะ” “แน่” “แล้วเมื่อกี้บอกว่าอยากดื่ม จริงจังไหมเนี่ย” “แล้วตะวันดื่มไม่ได้เหรอ” คราวนี้คนน่ารักยู่ปากน้อยๆ ใส่คนเป็นพี่ชาย ซึ่งการกระทำนั้นทำเอาเพลิงอยากยกมือขึ้นบู้บี้แก้มน้องเพื่อน มันเขี้ยวไม่ไหว เอ็นดูนับตะวันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารัก “เอาไงไอ้พอร์ช” “ทำไมต้องถามพี่พอร์ช” “ก็ถ้าน้องดื่มเดี๋ยวพี่ตฤณจะให้ไอ้พอร์ชดูแลน้องไงคะ มันบอกพี่ว่าวันนี้มันไม่ดื่ม” “แล้วพี่ตฤณ?” “ยับค่ะ วันนี้กะเมายับ บาร์บีคิวก็แค่ข้ออ้าง ป๊าให้เงินไว้โคตรเยอะเดี๋ยวพี่ออกไปซื้อของเพิ่มล่ะเนี่ย” พี่ตฤณก็เป็นแบบนี้ทุกทีแหละ ฝากพี่พอร์ชดูแลเขาตั้งแต่จำความได้ จนบางครั้งนับตะวันก็ลืมไปแล้วว่าพี่ชายของเขาคือพี่พอร์ชหรือพี่ตฤณกันแน่ นับตะวันกำลังจะอ้าปากดุพี่ชายให้เพลาๆ เรื่องแอลกอฮอล์ลงบ้าง แต่ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน “กินอะไรทุกวี่ทุกวันนักหนาห๊ะ” คนที่ดุพี่ตฤณบ่อยๆ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก “ฮื่ออ นานะเธออย่าทำเสียงดุสิ” ตฤณภพหูลู่หางตกเมื่อถูกแม่ยอดยาหยีแผดเสียงใส่ดังลั่นจนขี้หูพร้อมใจกันเต้นระบำ คนบ้าอะไรทำหน้าดุก็ยังดูน่ารัก “ไหนบอกว่าวันนี้กินแค่บาร์บีคิวไง” ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางที่มีใบหน้าสวยยืนเท้าเอวถามพี่ชายของนับตะวัน คนตัวเล็กขยับเท้าก้าวถอยหลังน้อยๆ เพราะไม่อยากยืนอยู่ในระยะสงครามระหว่างพี่ตฤณกับพี่นานะ แต่ทว่าเขาคงลืมไปเสียแล้วว่าด้านหลังเขายังมีใครอีกคนยืนซ้อนหลังอยู่ แผ่นหลังบางชนเข้ากับแผ่นอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงสวยอย่างกะทันหัน ทำให้นับตะวันชะงักนิ่งงันกับความอุ่นของผิวกายบริเวณแผ่นหลังบาง พอร์ชหลุบตามองดูคนตัวเล็กที่สูงเพียงแค่คางด้วยสายตาเรียบนิ่ง...นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เขากับตฤณภพเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ และนั่นทำให้เขาได้รู้จักเด็กชายตัวน้อยที่มีดวงตากลมโตราวกับลูกกวาง ปากเล็กจมูกหน่อย ใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา ตัวก็เล็กนิดเดียว ดูนุ่มนิ่มไปทุกส่วนเหมือนลูกแมวตัวน้อยสีขาวที่มีขนปุกปุย เมื่อก่อนน่ารักยังไง โตมาก็ยังน่ารักแบบนั้น แล้วเพราะความน่ารักแบบนี้ไงพี่ชายกับพ่อถึงหวงนักหวงหนา เขา ไอ้เพลิง ไอ้ไทเลอร์ ก็พลอยรู้สึกเอ็นดูน้องของเพื่อนไปด้วย คอยดูแลนับตะวันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ แต่พอร์ชคงได้ดูแลนับตะวันบ่อยที่สุด เพราะต้องคอยพาคนตัวเล็กมาส่งที่บ้านหลังเลิกเรียนบ่อยๆ ก็ไอ้ตฤณมันชอบลืมน้องไว้ที่โรงเรียน จนกระทั่งเขาเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ติดต่อกับนับตะวันอีกเลย อาจจะมีเจอกันบ้างเวลามาหาไอ้ตฤณที่บ้านแล้วเจอครอบครัวมันบินมาเยี่ยม แล้วเขาก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่านับตะวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาได้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นับตะวันก็ยังตัวเล็กเหมือนเดิม ยังคงเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของพี่ชาย เป็นนางฟ้าตัวน้อยของไอ้เพลิง และเป็นยัยเหมียวเล็กของไอ้ไทเลอร์ ....ยังน่ารักเหมือนเดิม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม