แพขนตางอนยาวขยับไหวไปตามจังหวะกะพริบตาเมื่อผู้เป็นเจ้าของดวงตากลมโตสีน้ำตาลกำลังช้อนดวงตาขึ้นสบกับผู้เป็นพ่อ แขนเรียวขาวทั้งสองข้างยกขึ้นกอดเอวของปะป๊าไว้แน่น ในขณะเดียวกันก็ส่งสายตาเจือแววออดอ้อนอย่างไม่ลดละ
“หนูอยู่ได้จริงๆ เหรอคะ ปะป๊าให้หนูคิดอีกที”
“หนูอยู่ได้…”
พระรามถามย้ำลูกอีกครั้งเพื่อให้แก้วตาดวงใจตัวน้อยได้ลองคิดไตร่ตรองและตัดสินใจอีกครั้ง แต่ทว่าเจ้าเหมียวเล็กของเขากลับส่งสายตาออดอ้อนมาเช่นเดิม ราวกับต้องการสื่อว่าได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
นับตะวัน หัสวอนันต์ ลูกชายคนเล็กของพระราม หัสวอนันต์ และ จันทร์เจ้า หัสวอนันต์ กำลังจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ C ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเกิดนับพันกิโลเมตร ต้องใช้ระยะเวลานั่งเครื่องบินถึง 18 ชั่วโมง นั่นทำให้คนขี้ห่วงลูกแบบพระรามงอแงไม่หยุด
ปะป๊าคนหล่อกำลังหว่านล้อมลูกชายสุดที่รักให้กลับไปเรียนที่ประเทศบ้านเกิด ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นห่วงนับตะวันยิ่งกว่าตฤณภพ เจ้าเหมียวเล็กใสซื่อและไม่ทันคน กลัวว่าหากอยู่ไกลหูไกลตาแล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเขากับจันทร์เจ้ามาช่วยไม่ทัน
“ป๊าไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวตฤณดูแลน้องเอง”
“นั่นแหละที่ป๊าห่วง”
“อ้าว”
จันทร์เจ้าแอบขำลูกชายคนโตที่เกาหัวแกรกๆ เมื่อถูกผู้เป็นพ่อช็อตฟีลใส่
ลูกชายตัวน้อยทั้งสองคนเติบโตจนเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว ไม่สิ หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งเหมียวเล็ก…ตฤณภพโตมาหล่อเหลาถอดแบบปะป๊ามาทุกอย่าง (ยกเว้นนิสัย) ส่วนนับตะวันก็ช่างดูนุ่มนิ่มน่ารักราวกับลูกแมววัยสองเดือน
“หนูอยากเรียนที่นี่มากๆ ปะป๊าไม่ต้องห่วงนะ ถ้าคิดถึงหนูก็บินมาหาบ่อยๆ ได้เลย”
นับตะวันไม่อยากให้ปะป๊ากับหม่าม้ารู้สึกเป็นห่วง เพราะยังไงเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว ยังมีพี่ตฤณอยู่ด้วยทั้งคน อีกทั้งปะป๊าก็ซื้อบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มากในโครงการบ้านที่มีระบบดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดีไว้ให้ตั้งแต่ตอนที่พี่ตฤณมาอยู่ที่นี่แล้วด้วย
นับตะวันเข้าใจที่ปะป๊าเป็นห่วง แต่เขาตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะเข้าที่นี่ให้ได้
“พี่รามปล่อยลูกให้โตได้แล้ว” จันทร์เจ้าพยายามเกลี้ยกล่อมผู้เป็นสามี
“เอาอะไรมาโต นับตะวันยังสามขวบอยู่เลยจันทร์”
“เฮ้ออออ”
จันทร์เจ้าถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ อยากจะบ้าา พี่รามน่ะหวงและห่วงลูกชายคนเล็กมากๆ แล้วก็ตามใจนับตะวันที่สุด อาจจะเพราะใบหน้าน่ารักและความขี้อ้อนซึ่งต่างจากคนเป็นพี่ชายล่ะมั้ง ส่วนทางด้านตฤณภพอันนี้เขากับพี่รามไม่ค่อยห่วงสักเท่าไหร่ เจ้าแสบคนพี่เอาตัวรอดเก่ง สมัยมัธยมก็ไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนบ่อยๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่ประเทศ C มหาวิทยาลัยเดียวกับที่นับตะวันสอบได้เนี่ยล่ะ
“หนูอยู่ได้จริงๆ”
“โอเค ปะป๊ายอม ถ้าไม่ไหวยังไงโทรหาปะป๊าได้ตลอดเลยนะ ตฤณดูแลน้องดีๆ นะลูก”
“ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ตฤณดูแลยัยเจ้าหญิงมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงป๊าสบายใจได้”
“ดีลนะ”
“ดีลครับ”
กำปั้นของพ่อลูกยกขึ้นชนกันเบาๆ เมื่อเอ่ยจบประโยค ตฤณภพโน้มตัวลงมาหอมแก้มเนียนของน้องชายก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้วเมื่อได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน วันนี้ไอ้พวกเพื่อนๆ เขามันจะมาทำบาร์บีคิวกินกันล่ะ เพราะมีเจ้ามือเลี้ยงค้าบบบ
ปะป๊ากูเองงง
ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันเมื่อจมอยู่ในห้วงความคิด นับตะวันเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่ง ไม่ว่าจะเสียใจหรือดีใจ ทุกอย่างแสดงออกมาผ่านใบหน้าสวยหวานทั้งหมด ดวงตากลมโตใสซื่อราวกับลูกกวางตัวน้อย รูปร่างบอบบาง น่าทะนุถนอม ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมพระรามถึงหวงนักหวงหนา
จันทร์เจ้าอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าแมวอ้วนเบะปากน้อยๆ เมื่อรู้ว่าต้องห่างลูกคนเล็ก เขาเข้าไปลูบแขนสามีเบาๆ พระรามหลุบดวงตาคมลงมองบริเวณที่ถูกมือนุ่มนิ่มของภรรยาคนสวยลูบแผ่วเบา หัวอกคนเป็นพ่อเจ็บปวดราวกับถูกเล็บแมวข่วนหัวใจ พระรามยอมรับว่าตอนนี้จันทร์เจ้าเก่งกว่าเขาอีก ภรรยาตัวเล็กไม่งอแงที่ลูกมาเรียนต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย ต่างจากเขาลิบลับ
“ลูกโตแล้ว”
จันทร์เจ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความอ่อนโยน
“ครับ”
เสียงดังจากบริเวณหน้าบ้านทำให้คนที่นั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นพร้อมใจกันหันไปมอง ภาพตรงหน้าคือเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาทั้ง 5 คนซึ่งรวมตฤณภพที่เดินออกไปรับเพื่อนด้วย
“ป๊าม้าสวัสดีค้าบบบ”
พระรามกับจันทร์เจ้ายกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทันเมื่อเพื่อนลูกชายที่แสนคุ้นหน้าคุ้นตายกมือไหว้ทักทาย แขกที่มาใหม่คือเพื่อนสนิทของตฤณภพ ซึ่งจันทร์เจ้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี พอร์ช เพลิง ไทเลอร์ เป็นเพื่อนกับตฤณภพตั้งแต่เด็ก จะมีก็แต่นานะซึ่งมารู้จักกันตอนเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่
“เต็มที่เลยนะเด็กๆ หม่าม้าฝากเงินไว้กับตฤณนะ กินกันให้สนุกเดี๋ยวหม่าม้ากลับก่อน”
เขากับพี่รามต้องบินกลับประเทศ T ในวันนี้แล้ว
“ให้หนูไปส่งไหม”
นับตะวันเดินเข้ามากอดเอวผู้เป็นแม่พร้อมกับส่งแววตาออดอ้อนให้อย่างทุกครั้ง ริมฝีปากสวยเบะออกน้อยๆ ราวกับจะร้องไห้ ทำให้จันทร์เจ้าต้องยกมือขึ้นลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลของลูกชายอย่างแผ่วเบา
“หนูอยู่สนุกกับพวกพี่ๆ เถอะ เดี๋ยวป๊ากับม้าไปสนามบินเอง”
“…”
“อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”
“…” นับตะวันตัวน้อยพยักหน้าเบาๆ
“ถ้ามีอะไรหนูโทรหาปะป๊าได้ตลอดนะคะ”
“หนูรู้”
“เดี๋ยวปะป๊าบินมาหาบ่อยๆ”
แก๊งเพื่อนสนิทของตฤณภพมีทั้งหมด 5 คนคือ พอร์ช เพลิง ไทเลอร์ ไอ้สามคนนี้เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่สมัยเด็ก เรียกได้ว่าโตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้ แล้วก็จะมีนานะ ซึ่งมารู้จักกันตอนปี 1 ที่มหาวิทยาลัย ถ้าพอร์ช เพลิง ไทเลอร์หล่อขั้นเทพ นานะก็น่ารักขั้นเทพ เพราะอะไร เพราะตฤณภพชอบ แต่ติดเฟรนด์โซนอยู่...
เส้นผมสีน้ำเงินเข้มที่เสียค่าย้อมแพงหูฉีกขยับไหวไปตามแรงลมเมื่อเดินออกมาบริเวณสระว่ายน้ำหลังบ้าน ข้างๆ กันจะเป็นสวนหย่อมขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งตอนนี้มีเตาย่างบาร์บีคิวจับจองอยู่
มันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่เขาต้องนัดเพื่อนมาที่บ้าน ไม่เมาก็เล่นเกม ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ไปคอนโดไอ้พอร์ช คอนโดแม่งหรูหราหมาเห่ามากกว้างมากด้วย สมแล้วที่เป็นลูกคนรวย...ว่าแต่กูก็รวยนะ
“น้องง อยากกินอะไรเพิ่มเติมบอกพี่ตฤณได้เลยนะ”
นับตะวันค่อยๆ ช้อนดวงตากลมโตขึ้นสบกับพี่ชายที่ตะโกนเอ่ยถามเขาเสียงดังลั่น คนน่ารักชินเสียแล้วแหละกับนิสัยแบบนี้ของพี่ชาย แล้วก็ชินกับการที่พี่ชายพาเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านแบบนี้ด้วย พี่ตฤณทำแบบนี้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่ประเทศ T
ท่อนขาเรียวสวยภายใต้กางเกงขาสั้นสีครีมก้าวเท้าอย่างไม่เร่งรีบ ก่อนจะวางถาดแก้วน้ำที่ถือมาลงบนโต๊ะไม้สีขาว ก่อนจะตอบกลับพี่ชายไปด้วยน้ำเสียงหวานหู
“ตะวันดื่มด้วยได้ไหม?”
ไอ้น้ำสีเข้มๆ นี่มันอร่อยมากสินะ พี่ชายเขาถึงได้ชอบกินมันอยู่บ่อยๆ นับตะวันเคยขอปะป๊าชิมอยู่ครั้งหนึ่งสมัยมัธยม แต่รสชาติขมลิ้นมากๆ จนต้องหันหนี เวลาผ่านไปหลายปี เขาโตขึ้น...ขอลองอีกครั้งมันจะรสชาติดีกว่าครั้งนั้นไหมนะ
“จะดื่มเหรอ”
ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงพี่ชายของเขา เสียงที่ดังจากด้านหลังในระยะประชิดทำเอานับตะวันชะงักอย่างกะทันหัน ลมหายใจร้อนเป่ารดบริเวณต้นคอ มือคู่น้อยกำชายเสื้อเอาไว้แน่น พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ แม้ว่ามันจะสวนทางกับเสียงหัวใจที่ดังตึกตักๆ ราวกับมีคนมารัวกลองในนั้น
“มะ...ไม่ดื่มก็ได้”
ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและแผ่วเบาจนคนตัวสูงที่เอ่ยถามอยู่ข้างหลังต้องโน้มกายลงมาฟังใกล้ๆ กลิ่นน้ำหอมอันแสนคุ้นเคยอีกทั้งความใกล้ชิดที่นับตะวันรู้สึกได้ ทำเอาเด็กน้อยอยากวิ่งหนีออกไปให้ไกลๆ
เขิน!
“ไม่สบายหรือเปล่าน้องตะวันทำไมหน้าแดง”
เพลิงที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามน้องชายของเพื่อนสนิทด้วยสายตางุนงง แก้มขาวของเจ้าหญิงน้อยขึ้นสีระเรื่อราวกับคนเป็นไข้
“ไอ้เหี้ยตฤณ นางฟ้าของกูป่วยเหรอ มึงดูแลน้องยังไง!”
“หืมม น้องป่วยเหรอคะ น้องงงง”
คนเว่อร์กับน้องแหกปากลั่นก่อนจะทิ้งทุกอย่างในมือแล้วพุ่งมาหานับตะวัน
“ตะวันไม่ได้ป่วย ตรงนี้อากาศมันร้อนเฉยๆ”
“แน่นะ”
“แน่”
“แล้วเมื่อกี้บอกว่าอยากดื่ม จริงจังไหมเนี่ย”
“แล้วตะวันดื่มไม่ได้เหรอ”
คราวนี้คนน่ารักยู่ปากน้อยๆ ใส่คนเป็นพี่ชาย ซึ่งการกระทำนั้นทำเอาเพลิงอยากยกมือขึ้นบู้บี้แก้มน้องเพื่อน มันเขี้ยวไม่ไหว เอ็นดูนับตะวันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารัก
“เอาไงไอ้พอร์ช”
“ทำไมต้องถามพี่พอร์ช”
“ก็ถ้าน้องดื่มเดี๋ยวพี่ตฤณจะให้ไอ้พอร์ชดูแลน้องไงคะ มันบอกพี่ว่าวันนี้มันไม่ดื่ม”
“แล้วพี่ตฤณ?”
“ยับค่ะ วันนี้กะเมายับ บาร์บีคิวก็แค่ข้ออ้าง ป๊าให้เงินไว้โคตรเยอะเดี๋ยวพี่ออกไปซื้อของเพิ่มล่ะเนี่ย”
พี่ตฤณก็เป็นแบบนี้ทุกทีแหละ ฝากพี่พอร์ชดูแลเขาตั้งแต่จำความได้ จนบางครั้งนับตะวันก็ลืมไปแล้วว่าพี่ชายของเขาคือพี่พอร์ชหรือพี่ตฤณกันแน่ นับตะวันกำลังจะอ้าปากดุพี่ชายให้เพลาๆ เรื่องแอลกอฮอล์ลงบ้าง แต่ทว่าในจังหวะเดียวกันนั้นก็มีเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“กินอะไรทุกวี่ทุกวันนักหนาห๊ะ”
คนที่ดุพี่ตฤณบ่อยๆ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก
“ฮื่ออ นานะเธออย่าทำเสียงดุสิ”
ตฤณภพหูลู่หางตกเมื่อถูกแม่ยอดยาหยีแผดเสียงใส่ดังลั่นจนขี้หูพร้อมใจกันเต้นระบำ คนบ้าอะไรทำหน้าดุก็ยังดูน่ารัก
“ไหนบอกว่าวันนี้กินแค่บาร์บีคิวไง”
ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางที่มีใบหน้าสวยยืนเท้าเอวถามพี่ชายของนับตะวัน คนตัวเล็กขยับเท้าก้าวถอยหลังน้อยๆ เพราะไม่อยากยืนอยู่ในระยะสงครามระหว่างพี่ตฤณกับพี่นานะ แต่ทว่าเขาคงลืมไปเสียแล้วว่าด้านหลังเขายังมีใครอีกคนยืนซ้อนหลังอยู่ แผ่นหลังบางชนเข้ากับแผ่นอกแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงสวยอย่างกะทันหัน ทำให้นับตะวันชะงักนิ่งงันกับความอุ่นของผิวกายบริเวณแผ่นหลังบาง
พอร์ชหลุบตามองดูคนตัวเล็กที่สูงเพียงแค่คางด้วยสายตาเรียบนิ่ง...นานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน
เขากับตฤณภพเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ และนั่นทำให้เขาได้รู้จักเด็กชายตัวน้อยที่มีดวงตากลมโตราวกับลูกกวาง ปากเล็กจมูกหน่อย ใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา ตัวก็เล็กนิดเดียว ดูนุ่มนิ่มไปทุกส่วนเหมือนลูกแมวตัวน้อยสีขาวที่มีขนปุกปุย
เมื่อก่อนน่ารักยังไง โตมาก็ยังน่ารักแบบนั้น
แล้วเพราะความน่ารักแบบนี้ไงพี่ชายกับพ่อถึงหวงนักหวงหนา เขา ไอ้เพลิง ไอ้ไทเลอร์ ก็พลอยรู้สึกเอ็นดูน้องของเพื่อนไปด้วย คอยดูแลนับตะวันมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ แต่พอร์ชคงได้ดูแลนับตะวันบ่อยที่สุด เพราะต้องคอยพาคนตัวเล็กมาส่งที่บ้านหลังเลิกเรียนบ่อยๆ ก็ไอ้ตฤณมันชอบลืมน้องไว้ที่โรงเรียน
จนกระทั่งเขาเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ติดต่อกับนับตะวันอีกเลย อาจจะมีเจอกันบ้างเวลามาหาไอ้ตฤณที่บ้านแล้วเจอครอบครัวมันบินมาเยี่ยม แล้วเขาก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่านับตะวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาได้
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นับตะวันก็ยังตัวเล็กเหมือนเดิม ยังคงเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของพี่ชาย เป็นนางฟ้าตัวน้อยของไอ้เพลิง และเป็นยัยเหมียวเล็กของไอ้ไทเลอร์
....ยังน่ารักเหมือนเดิม